จู่ๆ เห็นคนมากมายขนาดนี้ หานเซี่ยวเทียนและกวนเจิ้งซานต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนก
“พวกแกเป็นใคร?กล้ามาหาเรื่องถึงเยี่ยนเฉินกรุ๊ป อยากตายเหรอ?”
หานเซี่ยวเทียนก้าวออกไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ในเวลานี้ มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังฝูงชนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อหน้าฉัน หลินซง ถามฉันว่าอยากตายเหรอ?แกนี่กล้ามากนะ!”
ตระกูลหลิน?
หานเซี่ยวเทียนได้ยินว่าตระกูลหลินสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันใด
ในเยี่ยนตู ที่กล้าเรียกตัวเองว่าตระกูลหลินก็มีเพียงแค่ตระกูลหลินหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเท่านั้น
หลังจากคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้แล้ว หานเซี่ยวเทียนและกวนเจิ้งซานต่างก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึม โดยเฉพาะหานเซี่ยวเทียน ใบหน้าแฝงไว้ด้วยความรู้สึกสำนึกผิด
เขาด่าคนตระกูลหลินอย่างโกรธเคืองว่าอยากตายเหรอท่ามกลางผู้คน นี่เหมือนเป็นการสร้างศัตรูให้หยางเฉินอีก
ในสายตาของหานเซี่ยวเทียนและกวนเจิ้งซาน แม้ว่าหยางเฉินจะแข็งแกร่งแต่แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูก็แข็งแกร่งมากเหมือนกัน ไม่ใช่ตระกูลแบบพวกเขาที่เพิ่งมาถึงไม่สามารถเทียบได้เลย
“ดูแล้ว ตระกูลหลินจะรอไม่ได้ที่อยากจะโดนทำลายแล้วสินะ?”
หยางเฉินพูดขึ้นทันใด
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหลินซงก็เปลี่ยนไป มองไปที่หยางเฉิน นัยน์ตาของเขาโหดเหี้ยมมาก ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “ทำลายตระกูลหลินของฉันเหรอ?แกนี่พูดจาสามห้าว!”
ครั้งที่แล้วที่ตระกูลหลินพาคนไปตระกูลเย่ พยายามจะบังคับให้เย่ม่านแต่งเข้าตระกูลหลิน หลินซงก็เกือบถูกหยางเฉินฆ่าตาย ต่อมาก็ถูกหม่าชาวตีจนสลบอีก
ต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้น สำหรับหลินซงแล้วนี่เป็นเรื่องที่น่าละอายที่สุดในชีวิต
เมื่อก่อนตระกูลหลินกลัวหยางเฉิน แต่ตอนนี้ตระกูลหลินไม่กลัวแล้ว
“พาคนกลับไปตอนนี้ ฉันจะยังให้โอกาสตระกูลหลินได้ยืนอยู่ในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูต่อไป”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย เหมือนกับกำลังพูดเรื่องทั่วไปเรื่องหนึ่ง แค่เขาต้องการก็สามารถทำให้ตระกูลหลินถูกทำลายได้จริงๆ
“หยางเฉิน ฉันรู้ว่าระหว่างแกกับตระกูลเย่และตระกูลอวี๋เหวินมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ตอนนี้อวี๋เหวินเกาหยางและเย่ม่านต่างก็ถูกลอบสังหาร ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดหรือเปล่า ไม่มีตระกูลเย่และตระกูลอวี๋เหวินที่ให้การสนับสนุนแก แกคิดว่าแกยังจะทำอะไรฉันได้เหรอ?”
หลินซงยิ้มเยาะถามขึ้น
เพียงเพราะหลินซงที่กล้าพาคนมาปิดล้อมเขาที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป หยางเฉินก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตระกูลหลินถึงกล้าทำแบบนี้
ตระกูลเซวลอบสังหารผู้นำตระกูลมหาเศรษฐีหลายตระกูลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหยางเฉิน และหลังจากนั้นก็สัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์มหาศาลกับตระกูลมหาเศรษฐีอื่นๆ
ด้วยสถานะของตระกูลเซว ตระกูลเฉกเช่นตระกูลหลินจะละทิ้งโอกาสที่จะมีความสัมพันธ์กับตระกูลเซวได้ยังไง?
“ไอ้พวกโง่ ถูกเขาหลอกใช้ยังไม่รู้ตัว ”
หยางเฉินพูดเสียดสี
เซวหยวนป้าอยากจะไปจากเยี่ยนตูแต่จัดการเองไม่ได้ คนตระกูลหลินกลับทำตัวเหมือนคนโง่มาหาเรื่องวุ่นวายให้หยางเฉิน
นี่ไม่ใช่เพราะเขาต้องการใช้ตระกูลหลินมาสกัดกั้นหยางเฉินหรอกเหรอ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เซวหยวนป้าจะมีโอกาสไปจากที่นี่ได้
“แกว่าใครโง่?”
หลินซงโกรธและตะโกนอย่างโกรธเคือง “หยางเฉิน ฉันจะบอกแกให้นะ อีกไม่นานแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูก็จะกลายเป็นห้าตระกูลแห่งเยี่ยนตูแล้ว”
“ไม่เพียงเท่านี้นะ ตระกูลเย่ ตระกูลอวี๋เหวิน และก็ตระกูลหวง เพราะว่าผู้นำบาดเจ็บสาหัส ไม่นานก็จะถูกพวกเราห้าตระกูลร่วมมือกันทำลายแล้ว”
“แกยังกล้าคุยโวโอ้อวดบอกว่าพวกเราโง่เหรอ?”
“ฉันจะบอกให้ แกน่ะสิไอ้โง่!”
หลินซงหลุดเปิดเผยข้อมูลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้หยางเฉินรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
ตอนนี้มีความสมดุลระหว่างแปดตระกูลเยี่ยนตูแล้ว แต่ตอนนี้เย่ม่าน อวี๋เหวินเกาหยางและหวงเทียนเชิงทั้งหมดถูกลอบสังหารและยังคงกำลังช่วยชีวิตอยู่
ผู้นำของทั้งสามตระกูลไม่อยู่แล้ว ตระกูลจะต้องสับสนวุ่นวายเป็นแน่
อีกทั้งตระกูลเซวยังให้ความช่วยเหลือตระกูลอื่นๆ เกรงว่าทั้งสามตระกูลอาจจะถูกตระกูลอื่นร่วมมือกันกดดัน
ด้วยวิธีนี้ ตระกูลเย่ ตระกูลอวี๋เหวิน และตระกูลหวงอาจถูกทำลายลงอย่างแท้จริง
ตระกูลเซวนี่เลือกใช้วิธีที่ดีจริงๆ!
ถึงอย่างนั้น หยางเฉินก็ยังไม่มีเจตนาจะล่าถอย และความโหดเหี้ยมในดวงตาของเขาก็ดุร้ายยิ่งขึ้นไปอีก
“แกแน่ใจนะว่าจะไม่พาคนกลับไป?”
ดวงตาของหยางเฉินเต็มไปด้วยความดุร้ายที่น่ากลัว
เมื่อถูกหยางเฉินจ้องมอง หลินซงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น แต่ความกังวลบนใบหน้าของเขาก็หายไปทันที เมื่อเขาคิดว่าเขาได้พาผู้แข็งแกร่งมาเกือบร้อยคน
“ไอ้บ้า!ไอ้โง่!แกไม่เข้าใจเหรอว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ แกถูกห้อมล้อมด้วยผู้แข็งแกร่งเกือบ 100 คนจากตระกูลหลินของฉัน แค่คำเดียวฉันก็ฆ่าแกได้!”
หลินซงแผดเสียงด้วยความโกรธ
หยางเฉินมองหลินซงด้วยสายตาเยือกเย็น “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว งั้นฉันก็ขอประกาศว่า พวกแกถูกฉันล้อมไว้หมดแล้ว!”
“5555……”
หลินซงอึ้งอยู่ชั่วครู่แล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเขาหัวเราะ ผู้แข็งแกร่งกว่าร้อยที่ตระกูลหลินพามาต่างก็พากันหัวเราะ
ทางเข้าเยี่ยนเฉินกรุ๊ปมีแต่เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของผู้คน
“น่าขำจริงๆ ไอ้โง่นี้ กล้าพูดว่าเขาคนเดียวล้อมคนของพวกเราเกือบร้อยคน?โง่จริงๆ!”
หลินซงยิ้มกว้างพูดขึ้นและชี้ไปที่หยางเฉิน ด้วยท่าทางหยิ่งผยองมาก
“ไอ้สารเลว!พวกแกกล้าพูดแบบนี้กับคุณหยาง ยกโทษให้ไม่ได้!”
หานเซี่ยวเทียนโกรธจนตัวสั่น อดใจไม่ไหวแล้วที่จะเข้าไปฆ่าหลินซงในตอนนี้
ในสายตาของเขา หยางเฉินเป็นเทพแห่งชายแดนเหนือ ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเช่นนี้
กวนเจิ้งซานก็โกรธจัด แต่รู้ตัวดีว่าตัวเองช่วยอะไรหยางเฉินไม่ได้ ทำได้เพียงจ้องมองด้วยความโกรธ
หลินซงชี้ไปที่หยางเฉินด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งและพูดว่า “ไอ้หยางเฉิน ฉันขอสั่งให้แกคุกเข่าและขอร้องฉันตอนนี้และยอมจำนนต่อฉัน บางทีฉันอาจจะใจดีไว้ชีวิตแกก็ได้!”
“แกเนี่ยนะ?”
หยางเฉินเย้ยหยัน
“ใช่อ่ะสิ ก็……”
“ปัง!”
หลินซงยังไม่ทันพูดจบ เขาก็พูดไม่ออก จู่ๆ ก็มีมือมาบีบที่คอของเขาแน่นในขณะนี้
“แกเนี่ยนะ คู่ควรให้ฉันยอมจำนน?”
เสียงของหยางเฉินดังขึ้นข้างหูของหลินซง หลินซงตกใจมากเกือบจะเสียสติ
สำหรับผู้แข็งแกร่งที่หลินซงพามาเกือบร้อยคนของตระกูลก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก
บางคนถึงกับขยี้ตาอย่างแรงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
หยางเฉินซึ่งยืนอยู่ห่างจากหลินซงมากกว่าสิบเมตร ในชั่วพริบตากลับปรากฏตัวต่อหน้าหลินซง และคว้าคอของหลินซงด้วยมือเดียว ยกร่างเขาขึ้น เท้าพ้นจากพื้น
“รีบปล่อยคุณชายซง!”
มีคนพอรู้สึกตัวจึงแผดเสียงใส่หยางเฉินด้วยความโกรธทันที
หยางเฉินกลับไม่มองพวกเขาแม้แต่น้อย เงยหน้ามองหลินซงที่ถูกเขาใช้มือข้างเดียวบีบคอยกขึ้น หรี่ตาพูดว่า “แค่เสือไม่แผลงฤทธิ์ ตระกูลหลินก็คิดว่าฉันเป็นแมวป่วยเหรอ?”
“ให้ฉันยอมจำนน?”
“จะไว้ชีวิตฉัน?”
“แกเนี่ยนะ?”
ทุกคำพูดของหยางเฉินเปรียบเสมือนดาบที่คมกริบ
หลิงซงนอกจากจะกลัวมากแล้ว เขายังอยากคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตา แต่ว่าถูกหยางเฉินบีบกลั้นลมหายใจ แม้แต่จะพูดเขายังพูดไม่ได้ นับประสาอะไรกับคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตา
หานเซี่ยวเทียนและกวนเจิ้งซานต่างก็ตกตะลึง หานเซี่ยวเทียนที่รู้ตัวตนของหยางเฉินดีก็ยังโอเค แต่ในความเข้าใจของกวนเจิ้งซานนั้นรู้เพียงว่าหยางเฉินเป็นคนแข็งแกร่งมาก แม้ว่าเขาจะสู้ได้ ก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากขนาดนั้น
แต่ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ หยางเฉินสามารถปรากฏตัวต่อหน้าหลินซงจากระยะไกลกว่าสิบเมตรในชั่วพริบตา และยกหลินซงด้วยมือเดียว จะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไร?