เซวหยวนป้าตื่นตระหนกมากที่หยางเฉินป้อนยาดูดจิตให้เขากิน หากมันเป็นจริง ต่อจากนี้เขาต้องขอยาแก้พิษกับหยางเฉินในทุกๆ สามเดือน นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาต้องทำตามทุกอย่างที่หยางเฉินสั่งหรือ?
หยางเฉินไม่ได้ตอบคำถามเซวหยวนป้า และพูดอย่างเย็นชาว่า “ประโยชน์ของคุณในเยี่ยนตูใช้หมดชั่วคราวแล้ว ตอนนี้คุณไสหัวไปให้พ้นได้!”
เจ้าบ้านคนอื่นๆ รู้สึกน่าทึ่งมาก ดูเหมือนว่าหยางเฉินสามารถควบคุมเซวหยวนป้าได้แล้วจริงๆ
และนั่นไม่ได้หมายความว่า หยางเฉินในหลังจากนี้ แม้แต่ทายาทของตระกูลเดอะคิงยังต้องเชื่อฟังเขาหรือ?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หลายคนก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
ด้วยอำนาจที่หยางเฉินมีอยู่ในตอนนี้ เกรงว่าจะเทียบกับตระกูลเดอะคิงได้แล้ว?
สีหน้าของเซวหยวนป้าเต็มไปด้วยความโกรธและความอับอาย เขาถูกหยางเฉินบังคับให้กินยาดูดจิตเข้าไปต่อหน้าทุกคน และยังถูกหยางเฉินขับไล่ให้เขาไสหัวไปต่อหน้าทุกคนอีกด้วย
นี่เป็นการดูถูกเขาอย่างที่สุด
“ได้! ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
เซวหยวนป้าในเวลานี้ได้แต่อดทน กัดฟันแล้วเดินจากไป
“คุณหยาง คุณให้เซวหยวนป้ากินยาดูดจิตจริงเหรอครับ?”
หลังจากยาดูดจิตจากไป เย่หัวก็ถามอย่างระมัดระวัง
สองตาของหยางเฉินหรี่ลงและย้อนถามเย่หัวว่า “ถ้าพวกคุณคิดว่ามันใช่ มันก็ใช่ ถ้าพวกคุณคิดว่ามันไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่ ถูกต้องไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน เย่หัวถึงกับเสียวสันหลัง
ไม่เพียงแต่เย่หัว คนอื่นๆ ก็ไม่กล้าถามคำถามใดๆ อีก
ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ถ้าข่าวนี้ถูกแพร่ออกไป สำหรับพวกเขาแล้ว มันก็คือหายนะ
เซวหยวนป้าที่ต้องการอยู่รอดและรักษาชีวิตของตนไว้ เขาไม่มีทางคิดเปิดเผยความลับนี้ออกไปอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นลูกชายที่สำคัญที่สุดของเจ้าตระกูลเซว ถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อทุกตระกูลในนี้ ตำแหน่งอำนาจของเซวหยวนป้าที่ควรได้รับในอนาคตก็จะหายไปด้วย
ยี่สิบนาทีต่อมา ณ โรงแรมเยี่ยนตู
โรงแรมเยี่ยนตูในวันนี้คึกคักกว่าปกติ ซึ่งหน้าประตูโรงแรมในเวลานี้ก็เต็มไปด้วยรถหรูทุกประเภท
มีรถที่มีมูลค่าหลายสิบล้าน หรือแม้กระทั่งมากกว่าร้อยล้าน ทุกคันต่างก็ขับเข้ามาจอดตามลำดับ
“ฮ่า ๆ เจ้าบ้านหลิน เจ้าบ้านซุน เจ้าบ้านซ่ง ขอแสดงความยินดีกับพวกท่านด้วยนะครับ!”
ภายในห้องจัดเลี้ยงชั้นบนสุดของโรงแรม เสียงแสดงความยินดีก็ดังขึ้นอย่างไม่หยุด
ในเวลานี้ ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ก็เต็มไปด้วยผู้คน
และโต๊ะด้านหน้าสุด มีเพียงสามคนเท่านั้นที่นั่งอยู่
หนึ่งคือหลินเทียนเจ๋อ เจ้าบ้านตระกูลหลิน หนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู
สองคือซุนซวี่ เจ้าบ้านตระกูลซุน หนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู
และคนสุดท้ายก็คือซ่งชิงซาน เจ้าบ้านตระกูลซ่ง หนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู
แต่ยังมีอีกหนึ่งที่นั่ง ที่ทั้งสามทายาทผู้สืบสกุลยังไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งกับเขาด้วย
ซึ่งที่นั่งนี้ก็ถูกเว้นไว้โดยเจตนา
ถึงแม้เจ้าของตำแหน่งนี้ยังไม่มา แค่ทุกคนก็รู้ว่าใครคือเจ้าของที่นั่งนี้
“ฮ่า ๆ ทุกคนร่วมยินดีไปด้วยกัน!”
ซุนซวี่ยืนขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่หยางเฉินบังคับให้เขาคุกเข่าขอความเมตตา จากนั้นเขาก็ใช้ชีวิตอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวมาตลอด แต่เมื่อรู้ว่าคนของตระกูลเซวเรียกตัวเขาในครั้งนี้ ซึ่งก็ทำให้เขากล้าที่จะยืนหยัดต่อกรกับหยางเฉินอีกครั้ง
หลินเทียนเจ๋อก็คิดเหมือนกัน เขาจึงหัวเราะออกมาดังๆ แล้วพูดว่า “วันนี้ต้องลำบากทุกคนอีกแล้วนะ รอให้เจ้าตระกูลเซวมาถึงก่อน ก็จะถึงเวลาสับไพ่ของเยี่ยนตูสักที”
ซ่งชิงซานก็ลุกขึ้นยืน ใบหน้าแก่ชราของเขาเต็มไปด้วยความได้ใจ และเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ครับ การที่เราได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่นี้ ทุกคนต่างก็มีส่วน ลำบากทุกคนแล้วนะครับ!”
ถึงแม้กำลังหลักในการกวาดล้างตระกูลเย่ ตระกูลหวงและตระกูลอวี๋เหวินนั้น คือตระกูลซุนกับตระกูลหลินและตระกูลซ่ง แต่ตระกูลอื่นๆ ในนี้ก็เป็นกำลังเสริมที่สำคัญเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากตระกูลเฉินที่พวกเขายังไม่ได้เริ่มลงมือ ตระกูลหานกับตระกูลกวนก็ถูกพวกเขากวาดล้างไปเรียบร้อยแล้ว
“น่าเสียดายที่เจ้าชายตระกูลเซวให้เรามาร่วมงานเลี้ยงนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นตระกูลเฉินก็คงล่มสลายไปแล้ว”
“ใช่สิครับ ตระกูลหานกับตระกูลกวน แล้วก็ตระกูลหง ยังไม่ได้ถูกกวาดล้างอย่างสมบูรณ์เลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ตระกูลเย่ ตระกูลหวง แล้วก็ตระกูลอวี๋เหวินล่มสลายไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนตระกูลที่เหลืออย่างตระกูลหานและตระกูลอื่นๆ ก็ไม่มีที่พึ่งอีก พวกเขาจะทำอะไรได้ล่ะ?”
ในห้องจัดเลี้ยงนั้น ใบหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้น
แม้ในงานนี้จะไม่ใช่ตระกูลมหาเศรษฐีทั้งหมดของเยี่ยนตู แต่ตระกูลส่วนใหญ่ก็อยู่ในนี้แล้ว
หัวหน้าตระกูลทั้งสามคนที่นั่งโต๊ะแถวแรกต่างก็แสดงรอยยิ้มบนใบหน้า และบุคคลสำคัญอีกหลายๆ คนก็เข้ามาแสดงความยินดีกับพวกเขาพร้อมกับมอบของขวัญให้อีกด้วย
“เจ้าบ้านซ่ง เจ้าบ้านซุน เจ้าบ้านหลิน นี่มันก็ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ ทำไมเจ้าชายตระกูลเซวยังไม่มาอีก?”
ในชั่วพริบตา ทุกคนต่างรอคอยเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นเจ้าชายตระกูลเซวมาสักที จึงทำให้ทุกคนเริ่มกังวลขึ้น
“น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะ! ทุกท่านอย่าเพิ่งรีบร้อน เจ้าชายตระกูลเซวเป็นถึงระดับผู้ใหญ่ งานของท่านก็ยุ่งมากทุกวัน ทุกท่านอดใจรอไปก่อนนะครับ!”
ซุนซวี่ลุกขึ้นและยิ้มพูด
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในใจเขาก็เริ่มไม่แน่ใจ แม้กระทั่งเริ่มรู้สึกกังวลขึ้น
เพราะหยางเฉินในความทรงจำของเขานั้นมันลึกซึ้งเกินไป ต่อให้ได้รับการสนับสนุนจากเซวหยวนป้า เขาก็ยังกังวลอยู่ดี
ไม่เพียงแต่ซุนซวี่เท่านั้น ยังมีหลินเทียนเจ๋อที่เคยประสบหายนะจากหยางเฉินก็กระวนกระวายใจขึ้น
ในตรงกันข้าม ซ่งชิงซานที่มีอายุมากที่สุดกลับไม่กลัวอะไรเลย เพราะเขาเข้าใจที่สุดสำหรับอิทธิพลอำนาจของตระกูลเดอะคิง
เขาไม่เชื่อเลยว่าหยางเฉินจะมีชีวิตรอดไปได้ภายใต้การโจมตีของเซวหยวนป้า
ขณะที่ทุกคนรอคอยอย่างอดทน ทันใดนั้น ลูกน้องคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก
“ท่านผู้นำครับ แย่แล้วครับ เย่หัวจากตระกูลเย่ เขาชิงคฤหาสน์ตระกูลเย่กลับไปสำเร็จแล้วครับ!”
ลูกน้องคนหนึ่งพูดกับซุนซวี่ด้วยความกังวล
“นายว่าไงนะ?”
ซุนซวี่รีบลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
“ท่านผู้นำครับ ตระกูลเย่ยึดคฤหาสน์ตระกูลเย่กลับไปได้แล้วครับ!”
ลูกน้องของเขาพูดซ้ำอีกรอบ
“พวกมันทำได้ยังไง?”
ซุนซวี่โกรธทันที
ก่อนหน้านี้ตระกูลซุนพาคนไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ คนตระกูลเย่ไม่มีกำลังที่จะต่อต้านเลยด้วยซ้ำ แถมทุกคนยังทิ้งคฤหาสน์ตระกูลเย่ไว้แล้วหนีไปหมด
นอกจากนี้เย่ม่าน เจ้าบ้านตระกูลเย่ยังถูกลอบสังหาร ตอนนี้ยังไม่ฟื้นคืนสติด้วยซ้ำ แล้วตระกูลเย่เอาอะไรมาแย่งชิงตระกูลเย่กลับไป?
ทันทีหลังจากนั้น ลูกน้องอีกคนก็วิ่งเข้ามา “ท่านผู้นำครับ แย่แล้วครับ หวงเจิ้งจากตระกูลหวงนำคนมาแย่งคฤหาสน์ตระกูลหวงกลับไปแล้วครับ”
“ว่าไงนะ?”
หลินเทียนเจ๋อก็ลุกยืนขึ้นทันที และดวงตาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
เมื่อกี้เขายังแอบนินทาในใจหลังจากได้ยินว่าคฤหาสน์ตระกูลเย่ที่ถูกตระกูลซุนยึดไปถูกแย่งชิงกลับไปแล้ว
ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลซุน สำหรับตระกูลหลินแล้วมันก็คือกำไรทั้งนั้น เพราะด้วยวิธีนี้ มันจึงเป็นโอกาสที่ตระกูลหลินจะสามารถแซงหน้าตระกูลซุนไปได้
แต่ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที คฤหาสน์ตระกูลหวงที่ตระกูลหลินยึดมาก็ถูกแย่งชิงกลับไปแล้วเหมือนกัน
สีหน้าของซ่งชิงซานดูเคร่งขรึมทันที คฤหาสน์ของตระกูลเย่กับตระกูลหวงที่ตระกูลซุนกับตระกูลหลินยึดไปถูกแย่งชิงกลับไปในเวลาเดียว ซึ่งนี่เป็นสัญญาณที่ไม่ดีอย่างแน่นอน
“ท่านผู้นำครับ แย่แล้วครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ หวังเฉินจากตระกูลอวี๋เหวินพาคนมายึดตระกูลอวี๋เหวินกลับไปแล้วครับ แล้วหวังเฉินยังขู่ว่าจะมาเอาคืนตระกูลซ่งของเราอีกด้วยครับ!”
และลูกน้องอีกคนก็วิ่งเข้ามาแล้วรายงานข่าวอย่างรีบร้อน