ยานอวกาศเทพอำนวยหลายลำวนรอบวงโคจรของดาวเคราะห์ ลอว์กับเฟย์มุ่งหน้าไปกับกลุ่มช่างเทคนิคเพื่อจัดการกับเครื่องมือตรวจจับต่างๆ หน้าจอเล็งไปยังผิวดาว แสดงให้เห็นผู้รักษาสัจจะที่ยืนตรงกลาง
ท่ามกลางทะเลทรายสีเหลือง ผู้รักษาสัจจะเหลือบมองตราคืนชีพบนหลังมือขณะที่หยิบเอาอุปกรณ์รูปทรงแผ่นดิสก์ขนาดเท่าฝ่ามือออกมาด้วยมืออีกข้าง
เศษความทรงจำในหัวของเขาแสดงว่าตรานี้เหมือนกับเชื้อเพลิง เพื่อกระตุ้นการทำงานของมัน เขาต้องเตรียมสวิตช์ อุปกรณ์ที่สามารถแปปลงรูปแบบข้อมูลได้ ถ้าไม่มีเทคโนโลยีนั้น งั้นตรานี้ก็เป็นได้แค่รอยสัก
แผ่นดิสก์นี้ในมือเขาเป้นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีความสามารถเอสเปอร์ นักวิจัยได้พัฒนาอุปกรณ์รบกวนสถานะข้อมูลผ่านการวิเคราะห์และวิจัยบุตรแห่งโชคชะตา นี่ไม่ใช่เทคโนโลยีสีดำแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ และยิ่งบังเอิญไปกว่าคือมันสามารถทำหน้าที่เป็นสวิตช์สำหรับการคืนชีพได้
ผู้รักษาสัจจะกดปุ่มและแผ่นดิสก์ก็เริ่มส่งเสียง วินาทีต่อมา ราวกับน้ำมันร้อนถูกเทลงบนน้ำเย็น ปฏิกิริยารุนแรงบังเกิดขึ้น
ตราวิหารพลันส่องแสง แยกจากหลังมือของผู้รักษาสัจจะก่อนเปลี่ยนเป็นบอลแสงแพรวพราว ขยายออกไปครอบคุลมพื้นที่ด้านหน้า
ความผันผวนพลังงานโดยรอบเพิ่มขึ้นและผู้รักษาสัจจะก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ครั้งนี้ ช่างในยานอวกาศอุทานผ่านช่องสื่อสาร
การอ่านค่าความผันผวนได้ทำลายสถิติที่บันทึกไว้ทั้งหมดในประวัติศาสตร์!โอ้พระเจ้า มันยังพุ่งไม่หยุด!’
ปรากฏการณ์ผิดปกติตรงกับบันทึกที่เกี่ยวข้องในบานะข้อมูลซึ่งสงสัยว่าจะเป็น[การฉายรูปแบบข้อมูล]หรือ[การบิดเบือนความเป็นจริง]!
คำเตือน!ค่าสัมประสิทธิ์เวลากับพื้นที่กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว เกิดคลื่นพลังงานจักรวาล แต่ดูเหมือนจะมีพลังบางอย่างควบคุมความผันผวนไว้ที่นี่ ไม่ให้กระจายออกไป!
ผู้รักษาสัจจะจ้องกลุ่มแสงตรงหน้าอย่างระมัดระวัง ร่างกายของเขาตึงเครียด เตรียมพร้อมรับมือ
หลังผ่านไปสักพัก กลุ่มแสงที่เปลี่ยนจากตราคืนชีพก็แยกตัว เปลี่ยนเป็นบุคคลที่ส่องแสงหลายรูปร่าง ในเวลาเดียวกัน แสงก็ค่อยๆสลายหายไป และบุคคลเหล่านั้นก็เปลี่ยนจากภาพเสมือนเป็นรูปธรรม ก่อตัวเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ
เมื่อเห็น ช่องทางสื่อสารที่เต็มไปด้วยเสียงคุยก็เงียบลง
รวมถึงผู้รักษาสัจจะ สมาชิกทุกคนของเทพอำนวยต่างกลั้นหายใจ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยควาามทึ่งและความสุข
คนเหล่านี้เป็นบุคคลที่ถูกบันทึกไว้ในหัวพวกเขา
แต่ละคนคือหนึ่งในบรรพชน!
สำเร็จ!
ลอว์กับเฟย์ยินดี แม้กระทั่งเหล่าช่างก็ยังกระโดดกอดกัน
พวกเขาหลายคนเป็นลูกหลานของบรรพชน ดังนั้นเมื่อเห็นว่าบรรพบุรุษพวกเขาคืนชีพ พวกเขาจะไม่ยินดีได้ไง?
ตอนนี้ เหล่าผู้คืนชีพสำรวจสภาพแวดล้อมของพวกเขา
เราอยู่ที่ไหน?
ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?ฉันควรทำสงครามอยู่ไม่ใช่เหรอ
เอ๊ะ นายตายไปแล้วนี่?ฉันเป็นคนที่โปรยขี้เถ้านายเอง อย่าบอกนะว่านายแกล้งตาย หลังเห็นคนรอบตัวพวกเขา บางคนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ผู้เผชิญหน้ากันบนสนามรบ เหล่าบรรพชนจึงรีบวิ่งหนีทิ้งระยะห่างด้วยความสับสน
ผู้อยู่เหนือที่คืนชีพในวิหารจะคงไว้แค่ควาามทรงจำในอดีตพวกเขา วินาทีสุดท้ายของการเสียชีวิต สำหรับพวกเขา มันราวกับว่าพวกเขาเพิ่งตื่น และก็แทบไม่รู้เรื่องเวลาที่ผ่านไป
ครั้งนี้ ผู้รักษาสัจจะเดินมา ดึงดูดความสนใจของทุกคน บรรพชนหลายคนตกใจ เพิ่งรู้ว่ามีคนเยอะแยะ
พวกเขามองผู้รักษาสัจจะที่ค่อยๆลดฮู้ด เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน
ฉันทำตามคำสาบานเดิมแล้ว ขอแสดงความยินดีกับการเกิดใหม่ของพวกนาย
หลังเห็นหน้าตาเขาชัด บรรพชนหลายคนก็ตกตะลึง พวกเขารู้จักผู้รักษาสัจจะ มันเป็นนายจริงๆ!
ความคิดเดิมของเราถูกต้อง!
เราคืนชีพ?
ทุกคนตกตะลึง ตกใจ และไม่อยากเชื่อ
วัตถุที่จะคืนชีพโดยวิหารต้องการสื่อกลาง ดังนั้น ผู้ที่ได้รับเลือกชุดแรกโดยผู้รักษาสัจจะจึงล้วนเป็นผู้ก่อตั้งเดิมของเทพอำนวย ซึ่งเป็นแค่ส่วนหนึ่งของบรรพชน
คนเหล่านี้รับใช้อารยธรรมต่างกันในช่วงยุคสำรวจ ดังนั้นจึงมีส่วนร่วมกับการฆ่าไร้สิ้นสุดเพราะกองกำลังพวกเขา แต่ทว่า พวกเขาจึงตั้งสมาคมลับเป็นการส่วนตัว มุ่งมั่นเพื่อเป้าหมายร่วมกัน
แต่ในขณะที่สงครามยุคสำรวจดำเนินต่อไป บรรพชนก็ตายทีละคน ลดจำนวนสมาชิกในเทพอำนวย องค์กรเทพอำนวยในตอนท้ายของยุคสำรวจจึงแทบกลายเป็นองค์กรในนาม จากไปโดยไร้ความหวัง แต่ไม่เคยมีใครคิดว่าสุดท้ายฝันพวกเขาจะเป็นจริง! นายทำอะไร?
ทุกคนอยากรู้
ตอนนั้น ผู้รักษาสัจจะถอนหายใจ เล่าประสบการณ์ของเขา
ช่วงเวลาที่มีแค่เขาคนเดียวในองค์กรเทพอำนวยหลังยุคสำรวจ เขาเก็บตัว ไม่เข้าร่วมกับเหตุการณ์ใด อุทิศตัวเองให้กับการพัฒนาองค์กรอย่างเดียว ค่อยๆฟื้นเทพอำนวยที่ตายไปแล้ว พวกเขามักยึดถือคำสาบานดั้งเดิมเป็นวัตถุประสงค์ขององค์กรมาตลอด
ขณะที่ผู้รักษาสัจจะพูด ทุกคนก็สามารถเข้าใจถึงความยากได้ ปฏิบัติการนี้ส่วนทางกับกระแสน้ำและช่วยชีวิตพวกเขาไว้ทั้งหมด
จิตวิญญาณในการดำเนินชีวิตตามคำพูดของคนคนนี้ควรค่าแก่การยกย่องอย่างยิ่ง
เป็นเวลาสักพัก คนส่วนใหญ่ขยับอีกครั้ง ตบบ่าผู้รักษาสัจจะ แสดงความขอบคุณ
ขอบใจนายมาก
ไม่เป็นอะไร ฉันแค่ทำตามคำสาบาน ผู้รักษาสัจจะโบกมือเขา สวมฮู้ดอีกครั้ง
นายทำให้เราคืนชีพได้ยังไง?มันเกี่ยวกับวิหารจริงไหม?
ไม่เชิง โชคเป็นส่วนสำคัญ และวิธีนี้ก็อาจได้ผลแค่ครั้งเดียว ผู้รักษาสัจจะหรี่ตาและพูด ไม่เปิดเผยกลไกแท้จริงของวิหาร
ทุกคนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคำพูดนี้ แต่ระดับความสงสัยก็ไม่สูงนัก เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขายังประทับใจในตัวผู้รักษาสัจจะ
สิ่งสำคัญสุดคือไม่มีทางที่พวกเขาจะระบุมันได้ เพราะมีแค่ผู้รักษาสัจจะถึงไปวิหาร จึงไม่มีใครหักล้างสิ่งนี้ได้
หลังจากนั้นไม่นาน อารมณ์ของบรรพชนส่วนใหญ่ก็สงบลง คำถามต่างๆผุดในหัวพวกเขา
ปีนี้เป็นปีอะไรแล้ว?เกิดอะไรกับสงครามยุคสำรวจ? บางคนถาม
ผู้รักษาสัจจะถอนหายใจ
สงครามยุคสำรวจจบไปนานแล้วสหพันธ์แห่งแสง จักรวรรดิคริมสัน และศาสนจักรอาร์เคนตอนนี้เป็นผู้ปกครองแห่งจักรวาล
เมื่อได้ยิน ทุกคนก็พยักหน้า รู้สึกคันหัวใจ ราวกับพวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะทำความเข้าใจกับยุคสมัยใหม่
ตอนนี้ ร่างสูงที่ยืนอยู่เงียบมาตลอดพลันพูดขึ้น
อารยธรรมของฉันยังดำรงอยู่หรือไม่?
ทุกคนหันไปมองและสีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไป พวกเขาจำคนคนนี้ได้ [ราชาแห่งสงคราม]ผานกอน ฟีเล็ต หรือคนคลั่งสงคราม
หลังคำถามนี้ ทุกคนก็เริ่มตระหนักถึงปัญหาที่ทิ่มแทงหัวใจ ความตื่นเต้นของพวกเขาลดหาย
เป้าหมายเดิมของพวกเขาคือเพื่อคืนชีพตัวเองในอนาคต แต่เป้าหมายของทุกคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนแค่อยากหนีสงคราม บางคนอยากบรรลุความทะเยอทะยาน บางคนปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป
มีบางคนที่อารยธรรมโดนทำลายในยุคสำรวจ พวกเขาอยากแก้แค้นไหม?บางคนเป็นของอารยธรรมขั้นสูงในจักรวาลปัจจุบัน งั้นจะกลับไปไหม?ปัญหาเหล่านี้ค้างคาใจพวกเขา
เมื่อเป้าหมายเดิมของการคืนชีพบรรลุ ผู้คนจึงเสียความสามัคคี และถูกกำหนดให้แยกทางกัน
หลังเข้าใจสิ่งนี้ ตำแหน่งของทุกคนก็ค่อยๆเปลี่ยน เปลี่ยนเป็นฝ่ายต่างๆขณะระวังกัน
ผู้รักษาสัจจะไม่แปลกใจเลย เขาคาดหวังเรื่องนี้มานานและไม่พยายามบังคับมัน เขาตอบอย่างไม่แยแส
สำหรับสถานการณ์ของอารยธรรมต่างๆ นายสามารถตรวจสอบข้อมูลได้เองเมื่อถึงเวลา ยังไงก็ตาม ฉันแค่ทำให้พวกเนายทุกคนกลับมามีชีวิตตามสัญญา ฉันไม่สนใจว่าพวกนายจะทำอะไร และจะไม่ห้ามด้วย ตราบเท่าที่ไม่ทรยศเทพอำนวย เพียงแต่ว่าทุกคนนั้นยังขาดความเข้าใจของยุคปัจจุบัน ฉันจึงขอแนะนำให้พวกนายอยู่กับฉันก่อนและเรียนรู้ถึงสถานการณ์
ได้ ผานกอนพยักหน้า
เมื่อเห็น ไม่มีใครเปล่งเสียงคัดค้าน ไม่ว่าความสัมพันธ์พวกเขาจะเป็นแบบไหน อย่างน้อย ทุกคนในตอนนี้ก็คือผู้ก่อตั้งของเทพอำนวย ยด้วยลูกหลานมากมายในองค์กร นอกจากนี้ พวกเขายังเพิ่งคืนชีพและไม่สงสัยถึงความอ่อนแอ มันเหมือนว่าพลังพวกเขาจะลดลงพอสมครว พวกเขาจึงไม่เต็มใจออกไปสร้างปัญหา
หนึ่งในบรรพชนกล่าวกับผู้รักษาสัจจะ แล้วนายละ?เนื่องจากนายคืนชีพเรา นายตั้งใจจะทำอะไรต่อในอนาคต?
เทพอำนวยเป็นผลมาจากความพยายามของฉัน ฉันจะพัฒนามันต่อ ถ้ามีใครเต็มใจอยู่ช่วย นั่นคงดีแต่ฉันจะไม่บังคับใคร ข้อดีคือเราอยู่ในที่ลับ ไม่มีอารยธรรมจักรวาลใดมีข้อมูลของเรา ตราบเท่าที่เราไม่เผยตัวเอง มันง่ายที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยปราศจากฝ่ายใดควบคุม ผู้รักษาสัจจะตอบอย่างสงบ
นอกจากเรา ไม่มีใครรุ้เรื่องการคืนชีพของเราเลยหรือ? อีกคนถาม
ผู้รักษาสัจจะกำลังจะตอบ แต่ก็มีร่างหนึ่งแวบผ่านหัว
สีหน้าเขาเปลี่ยนไป เขาลังเลก่อนตอบ ไม่ มีคนที่รู้
ทุกคนตกใจ
ใครกัน?
ผู้รักษาสัจจะตอบ ฉายาของเขาคือแบล็คสตาร์ เป็นผู้อยู่เหนือ เขาอยู่มาแค่ไม่กี่สิบปี แต่พลังกับอิทธิพลของเขาเรียกได้ว่าสูงสุดแล้วในยุคนี้ ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขามีเป้าหมายอะไร บางทีองค์กรอาจมีคนทรยศ
เป็นผู้มาใหม่?
บรรพชนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินชื่อหานเซี่ยวและไม่สนใจมากนัก ในฐานะบุคคลกลุ่มแรกที่เป็นผู้อยู่เหนือ พวกเขาจึงเย่อหยิ่ง
ผู้รักษาสัจจะอธิบาย แต่แบล็คสตาร์ไม่มีความคิดชั่วร้าย ฉันยังทำข้อตกลงกับเขา เขาสามารถถือได้ว่าเป็นพันธมิตรเรา เขายังช่วยเราให้ทำการคืนชีพได้สำเร็จ
งั้น ฉันเดาว่าเราคงเป็นหนี้เขา มันดูเหมือนเด็กนี่จะไม่เลวเลย ทุกคนพยักหน้า
แม้พวกเขาจะไม่เคยพบกัน คนรุ่นใหม่ที่ชื่อแบล็คสตาร์ก็คือผู้ช่วยชีวิตพวกเขา พวกเขาจึงมีความรู้สึกเชิงบวกต่อเขา
ดังนั้น ฉันจึงวางแผนอธิบายการคืนชีพให้แบล็คสตาร์ฟังและขอความช่วยเหลือจากเขา ตอนนี้ ท่ามกลางผู้อยู่เหนือ มีน้อยคนที่มีอิทธิพลเหมือนกันกับเขา เนื่องจากเขาเป็นมิตรกับเรา ทรัพยากรในมือเขาก็สามารถให้ความช่วยเหลือได้มาก
ผู้รักษาสัจจะอธิบาย
เขาได้ปกปิดกลไกเบื้องหลังวิหารไว้ และตอนนี้ก็มีความคิดใหม่ ซึ่งคือใช้วิธีนี้ฟื้นคืนชีพผู้อยู่เหนือมากขึ้น ผ่านการศึกษาช่องทางนี้อย่างละเอียด
เขาสามารถใช้ความร่วมมือกับแบล็คสตาร์เพื่อรับเอาข้อมูล แม้มันจะเป็นการร่วมมือ แต่ในสายตาผู้รักษาสัจจะ เขาแค่อยากใช้ทรัพยากรของแบล็คสตาร์ เหนือสิ่งอื่นใด แบล็คสตาร์ไม่เข้าใจความสำคัญของวิหาร ดังนั้น เขาจึงสามารถหลอกอีกฝ่ายได้
ก่อนเขาจะเข้าวิหาร แบล็คสตาร์มักเป็นฝ่ายปิดบังความจริง
ผู้รักษาสัจจะคิดว่าวิธีนี้คงหลอกแบล็คสตาร์ได้นาน เทพอำนวยเตรียมการมาหลายปีก่อนเข้าวิหาร ดังนั้น ในความคิดของเขา ต่อให้แบล็คสตาร์จะทรงพลัง มันก็ไม่ใช่สถานที่ที่สามารถเข้าได้ง่ายๆ
เขาได้ตกลงที่จะบอกแบล็คสตาร์ถึงข่าวของวิหาร แต่นั่นจำกัดเฉพาะข้อมูลที่องค์กรเขามี ไม่เกี่ยวกับประสบการณ์เขาเองในวิหาร ผู้รักษาสัจจะไม่คิดละเมิดข้อตกลง แต่ก็ไม่รังเกียจที่จะบอกความจริงแค่ครึ่งเดียว เขาไม่มีความคิดเชิงลบอะไรกับหานเซี่ยว แต่เขามักเป็นฝ่ายตั้งรับมาตลอด เขาไม่รู้ว่าหานเซี่ยวได้รับข้อมูลไปมากแค่ไหน ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจ
ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ได้ข้อมูลพิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้ เขาจึงเลือกปกปิดมัน
แผนคืนชีพสำเร็จแล้ว มันถึงเวลาต้องคุยกับแบล็คสตาร์ ฉันต้องกอดเขาไว้
แสงแวบผ่านตาของผู้รักษาสัจจะ