ตอนที่ 494 แผนฉุกเฉิน
ในฐานดาราทมิฬ อัลวินทรุดตัวลงกลางห้องพร้อมกับร่างแยกทั้งสามเขาที่ถูกมัดอยู่ตรงมุม
เชอร์แมนแบกปืนใหญ่เขาพลางกล่าว“มีอัลวินทั้งหมดห้าคน ร่างแยกสี่และร่างหลักหนึ่ง โกโดร่าได้ช่วยร่างแยกไว้ ดังนั้นควรเป็นร่างหลัก เขาซ่อนตัวเองได้ดีมาก และไซน์ซ่าก็สามารถทําลายมาตรการป้องกันจิตของร่างแยกเขาได้ หลังปูพรมค้นหา เราก็เจอร่างหลักของคนทรยศในตําแหน่งที่ปกปิดได้ดีมาก”
ข้างๆ ชายร่างผอมที่ชื่อไซน์ช่าพยักหน้าเห็นด้วย เขาคือผู้ใช้พลังจิตระดับB ร่างแยกก็เหมือนกับร่างหลัก และแม้แต่ความผันผวนทางจิตก็ยังเหมือนกัน ส่งผลให้คนนอกไม่อาจแยกพวกเขาได้ แต่ทว่า นี่ยังกลายเป็นเบาะแสสําหรับการไล่ล่า”
อานูพยักหน้าด้วยความพอใจ”ดีมาก ผลงานของคุรได้นําความภาคภูมิใจมาสู่องค์กร ภารกิจเราสามารถเสร็จสิ้นได้เร็วขึ้น เอ็มเบอร์ ลงมือเลย”
เอ็มเบอร์พยักหน้า และยกนิ้วขึ้น ร่างหลักของอัลวินลดลงเป็นฝุ่น
ทุกคนมีแสดงสีหน้าและคุ้นเคยกับวิธีการฆ่าศัตรูแล้ว
เพียงเมื่อพวกเขาอยากเก็บของและถอยทั้งหมดก็แข็งค้าง สายตาพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจขณะมองมุมห้อง
ร่างแยกทั้งสามของอัลวินยังอยู่และมีสีหน้าเยาะเย้ย
“ร่างหลักตายไปแล้ว ทําไมพวกมันถึงยังไม่หายไป?!”สีหน้าของอานเปลี่ยนไป และก็มองกองฝุ่นบนพื้นหรือนี่จะไม่ใช่ร่างหลัก?”
“ฮ่าๆๆ…”ร่างแยกทั้งสามระเบิดเสียงหัวเราะ
เสียงหัวเราะนี้ท่าให้เหล่านักรบแห่งดาราทมิฬโกรธเคืองทันที หลังค้นหาอยู่นาน พวกเขากลับถูกหลอก?!
ใบหน้าของอานูบิดเบี้ยวและคําราม”ฆ่าพวกมันให้หมด!หนึ่งในนั้นต้องเป็นร่างหลัก!”
สวบ!
ทั้งสามกลายเป็นฝุ่น แม้กระทั่งตอนที่สองคนแรกตาย ร่างสุดท้ายก็ยังอยู่ ตอนร่างที่สามตาย ดาราทมิฬไม่อาจรู้ว่ามันเป็นร่างหลักหรือไม่ แต่ทว่า พวกเขาก็เดาได้แล้ว
“อัลวินร่างจริงอยู่ในเงื้อมมือของโกโดร่า!มันห้าวหาญมาก!เขาใช้ร่างหลักเพื่อหลอกเรราและเสี่ยงที่จะขอการปกป้องจากนากาคิน!หากเราจับตัวเขาได้แต่แรก เขาคงตายไปแล้ว!”เชอร์แมนโกรธ
ปัง!
ยิ่งเชอร์แมนคิด เขาก็ยิ่งโกรธ บางทีมันอาจแค่ความหวาดระแวงเขา แต่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงสายตาของสหายรอบตัวและทุบเก้าอี้จนแหลกคามือ เพราะเขาไม่อาจเอื้อมมือถึงโต๊ะได้
สีหน้าของอานูดํามืด“ด้วยการที่ร่างแยกตายพร้อมกัน อัลวินจะต้องบาดเจ็บสาหัสแน่ เราไม่อาจล่าช้าได้อีกต่อไป ทุกคนลงมือและฆ่าร่างหลักให้ได้!”
เนื่องจากร่างแยกทั้งสี่ตายไปแล้ว เป้าหมายพวกเขาจึงชัดเจน ตราบเท่าที่พวกเขาฆ่าอัลวินร่างจริงได้ ภารกิจพวกเขาจะสําเร็จ อานูไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปและเตรียมนํากองกําลังเขาออกไปปิดงาน!
หลังได้รับข่าว หานเชียวก็รีบกลับมาฐานพร้อมอีกสองคน จากนั้นก็เห็นสีหน้าดํามืดของทุกคนในฐาน เมื่อเดินไปห้องประชุม เขาก็เห็นว่ากองกําลังรบหลักได้มาอยู่หมดแล้ว จากนั้นเขาก็เห็นอัลวิน ผู้นั่งอยู่ปลายโต๊ะและตกตะลึง
ร่างหลักเขาถูกจับไปแล้วไม่ใช่รึไง?ตามบุคลิกแสนใจร้อนของดาราทมิฬ พวกเขาต้องสังหารร่างหลักทันที แต่อัลวินกลับยังนั่งอยู่ได้และภารกิจก็ยังไม่ล้มเหลว หานเซี่ยวจึงเดาได้ทันที
“นายควรบอกเราแต่แรกว่านี้คือร่างหลักของนาย”
“ขอโทษด้วย ฉันเกรงว่าจะรั่วไหล ข้อมูลที่มีเพียงฉันที่รู้ย่อมไม่เสี่ยงจะเล็ดรอดออกไป แค่กแค่ก…”
อัลวินปิดปากเขาและเริ่มไอ เลือดไหลผ่านนิ้วและจุดสีแดงก็ทิ้งไว้บนโต๊ะ ดวงตาเขาไม่มีชีวิตชีวา และผิวเขาก็ดูซีด สัมผัสของร่างแยกและร่างหลักเชื่อมกัน และการตายของทั้งสี่พร้อมกันย่อมส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจเขาอย่างหนัก สภาพปัจจุบันเขาย่าแย่มาก
เขาแบกรับความเสี่ยงไว้มาก เขาได้สลับร่างหลักเขากับร่างแยกและยอมรับการคุ้มครองของนากาคินและคนอื่น เขาได้สนับสนุนความคิดที่จะนอนรอเพราะร่างหลักที่ดาราทมิฬกําลังหาคือร่างแยกเขา ดังนั้น เขาจึงมั่นใจ เขาไม่ชอบอยู่เฉยๆ แทนที่จะซ่อนตัวและสวดภาวนาให้ดาราทมิฬไม่เจอเขา เขาอาจขอการปกป้องและก็จะ ปลอดภัยกว่า
“แต่ดาราทมิฬมองแผนฉันออกหมดแล้ว และการเคลื่อนไหวต่อไปจะเป็นการโจมตีและกําจัดฉัน”อัลวิน กล่าวอย่างอ่อนแอฉันทําได้แค่พึ่งพาพวกนายแล้ว ได้โปรด
ดวงตาหานเซี่ยวเป็นประกาย ภารกิจนี้ไม่ง่าย ภารกิจจริงๆอาจเป็นการหลบหนีการโจมตีของดาราทมิฬขณะปกป้องอัลวิน แต่ทว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสู้ไปตลอด และหานเซี่ยวก็เดาว่าเขาคงทําได้แค่ถ่วงศัตรูไว้จนกว่าอัลวินจะสร้างร่างแยกใหม่ จากนั้นพวกเขาถึงสามารถหลอกดาราทมิฬและสู้เพื่อถ่วงเวลา
หานเซี่ยวไม่เคยได้ยินชื่อของอัลวินมาก่อนในชีวิตก่อนหน้าเขา และอัลวินก็ควรตายบนนอเรียส ถูกดาราทมิฬลอบสังหารสําเร็จ นอกจากกองกําลังภาคพื้น ดาราทมิฬต้องส่งกองยานมารอด้านนอกชั้นบรรยากาศด้วย สําหรับอัลวิน นี่เป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวัง และเขาก็ทําได้แค่ดิ้นรนเอาชีวิตรอด
ด้วยกองยานขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่นอกชั้นบรรยากาศ พวกเขาต้องถูกล้อมหากพยายามหลบหนีในยานอวกาศ พวกเขาต้องใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาเล็กน้อยก่อนกองยานดาราทมิฬจะโจมตี แต่ทว่า นี่แทบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ํา
อย่างไรก็ตาม มียานอวกาศที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการระดับสูงแบบนี้ได้อยู่
ยานแสงทมิฬิของรสด้!
แค่ชาร์จไม่นาน ยานแสงทมิฬก็สามารถกระโดดไปในอวกาศได้ หากพวกเขาติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการแกะรอยและป้องกันการตรวจจับ ยานอวกาศลาดตระเวนระดับสูงของสหพันธ์แห่งแสงจะสามารถผ่านเขตอันตราย ส่วนใหญ่และหลบหนีการซุ่มโจมตีของดาราทมิฬได้
หากฉันช่วยให้อัลวินรอด ผลลัพธ์จะเป็นแบบไหน?หานเซี่ยวพลันคิดถึงภารกิจระดับS[สายเลือด] เขามีความรู้สึกว่าอัลวินอาจกลายเป็นกุญแจสําคัญในภารกิจนี้
ขณะที่เขายังมีบัตรสําเร็จภารกิจ]ในมือ เขาจึงได้รับแค่รางวัลต่ําสุด หานเซี่ยวพยายามตั้งเป้าไว้ให้ผลสําเร็จสูงสุด มันจะเป็นการสิ้นเปลืองหากเขาจบลงด้วยการใช้บัตรสําเร็จภารกิจ หานเซี่ยวยังเตรียมเก็บบัตรสําเร็จ ภารกิจไว้ในกรณีของอนาคต
“ดาราทมิฬจะไม่ลังเล พวกมันจะมาถึงในไม่ช้า”เสียงของหานเซี่ยวแน่วแน่ เขากระแทกโต๊ะเพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคนเรามีเวลาเตรียมตัวไม่มากพอ ฟังฉัน ฉันมีแผนส่งอัลวินออกจากนอเรียส
ทุกคนต่างตกใจเมื่อได้ยิน
“เราต้องแบ่งกองกําลังเราเป็นสองส่วน นากาคนและส่วนใหญ่จะอยู่ด้านหลังเพื่อถ่วงศัตรู อโรเชียจะพาอัลวินไปหาจอมเวทย์เคลื่อนย้ายเพื่อส่งพวกเขาไปยังท่า ไม่เพียงแต่มันจะปรัหยัดเวลาได้ พวกเขาจะยังสามารถไล่ผู้ไล่ล่าได้ จากนั้นเธอจะไปหาริสด้าเพื่อพาอัลวินออกนอเรียส”
สายตาของหานเชียวดูแน่วแน่ แม่แผนจะฟังดูง่าย แต่จริงๆแล้วมันก็เสียงมาก ดาราทมิฬมีสองภัยพิบัติและหนึ่งในนั้นก็คือเอ็มเปอร์ ผู้มีความสามารถสังหารกองทัพ ประเด็นสําคัญสุดคือพวกเขาไม่มีเวลาพอจะเตรียมตัว และต้องรีบลงมือ
ฝ่ายของเขามีแค่นากาคินและหานเซี่ยวที่สามารถต้านทานพลังของเอ็มเบอร์ได้และมั่นใจว่าเอ็มเบอร์จะไม่มีพลังงานไปทําร้ายคนอื่น ต้องขอบคุณเอ็มเบอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปไม่กี่วันก่อน และพลังเขาย่อมได้รับผลไปด้วย แต่ทว่า ต่อให้เป็นแบบนั้น การรับมือสองภัยพิบติพร้อมกันก็ยังเกินไป แม้จะรวมเขาไปด้วย หานเซี่ยวก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะสามารถรับมือกับทั้งอานูและเอ็มเบอร์ได้โดยไม่ได้เตรียมการ
พวกเขามีทางเลือกเดียว แยกสนามรบออกเป็นสองส่วน ดังนั้น พวกเขาจะปล่อยให้ศัตรูรู้ว่าอัลวินกําลังหลบหนี แบบนั้น พวกเขาจะสามารถแยกกําลังศัตรูเป็นสองได้ แม้แผนจะเสี่ยงมากก็ตาม
แต่พวกเขาก็ต้องเสี่ยง
เวลาจวนตัว และหานเซี่ยวก็รีบส่งมอบภารกิจ ทุกคนกังวลมาก หวังว่าจะสามารถลงมือได้รวดเร็ว
หลังเตรียมพร้อมได้ไม่ถึงสิบนาที การระเบิดก็เกิดขึ้น
บูม!
ลมแรงได้โจมตีอาคาร และทุกคนก็เซ แต่ทว่า พวกเขาเตรียมใจไว้แล้วและกระโดดออกอาคารและวิ่งไปบนถนน
ในอากาศ อานูก้มมองพวกเขาด้วยแรงดันลมที่หมุนรอบตัว เอ็มเบอร์เองก็อยู่ในอากาศและมีพายุคาร์บอนกว้างนับร้อยเมตร นักรบดาราทมิฬที่เหลือกรูกันเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“พวกมันโจมตีเร็วมาก!”
สีหน้าหานเซี่ยวดํามืด นากาคินอยู่ข้างๆเขา ปกคลุมด้วยไฟและพร้อมต่อสู้ ทหารรับจ้างทั้งหมดต่างเผยสีหน้ากังวลใจ ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถรักษาความเยือกเย็นได้
แรงกดดันมหาศาลกดมาจากฟ้า และทุกคนก็หายใจลําบาก
อาคารถล่มก่อให้เกิดเมฆฝุ่นขึ้น ความปั่นป่วนใหญ่โต และเหล่าพลเรือนก็โกรธเคืองมาก
อีกแล้ว?!
ช่วยหยุดทําลายกันได้ไหม?!