TMFH ตอนที่ 129 : นายรู้ดีน่า ว่าฉันเป็นใคร! |
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงก็แทบจะกลั้นหายใจ
มีใครบางคนกําลังมาแน่ ๆ
จากนั้นกลุ่มชายชุดดําก็เข้ามาในประตูโดยมีชายผิวขาววัยกลางคนเดินตามหลังเข้ามา
ด้วยหนวดที่โค้งและตกแต่งอย่างเรียบร้อย จมูกเหยี่ยวดวงตาสีฟ้าและผมสีทอง ชายผิวขาวคนนั้นดูสง่างามมาก
การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของเขาให้ความรู้สึกสูงส่งกว่าคนอื่น ๆ ทุกคนต่างกลั้นหายใจทันทีที่เขาเข้าประตูมา
“หัวหน้าตระกูลฟีบี้! ผมคิดไม่ถึงว่าคุณ…. คุณจะมา!”
ขณะที่เขาเฝ้ามองดูชายวัยกลางคน โม่เต๋าก็ตกตะลึง จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายชายผิวขาวด้วยความดีใจ
“อะไรนะ!”
หลังจากได้ยินคําพูดของเขา ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงก็ต่างตกใจ
“หัวหน้าตระกูลฟีบี้ ?”
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าตระกูลฟนี้ส่วนใหญ่มักจะมอบหมายให้ใครสักคนที่เป็นสมาชิกตระกูลมาร่วมงานแทน
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหัวหน้าตระกูลจะเป็นคนที่มาด้วยตัวเองเช่นนี้!
ในเสี้ยววินาทีเกือบทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็ตาแดงก่ำ
พวกเขาทุกคนรู้ดีว่ามันจะง่ายมากแค่ไหนที่จะกลายเป็นผู้มีอํานาจในการค้า หากพวกเขาสามารถทําความสนิทสนมคุ้นเคยกับหัวหน้าตระกูลฟีบี้ได้
“ฮ่า ฮ่า….โม่ที่รัก ยินดีที่ได้พบกับนายนะ!”
หัวหน้าตระกูลฟีบี้สุภาพมาก ในขณะที่เขาโค้งคํานับให้กับโม่เต๋า
เมื่อดูการตอบสนองของเขา โม่เต๋าก็รีบโค้งคํานับให้ชายผิวขาวครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความดีใจ
คนอื่น ๆ ทั้งหมดต่างตกใจกับสิ่งที่พวกเขาเห็น
จนถึงตอนนี้พวกเขาตระหนักได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง โม่เต๋าและหัวหน้าตระกูลฟีบี้กันสนิทสนมกันมากแค่ไหน
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงจับจ้องไปที่โม่เต๋ด้วยสายตาที่ชื่นชมและนับถือ
แน่นอนว่าไม่เตสังเกตเห็นการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกพอใจอย่างมาก
จากนั้นเขาก็พาหัวหน้าตระกูลฟ์ไปที่มุมหนึ่งแล้วพูดว่า “คุณฟีบี้ครับ นี่คือคุณหลิน ประธานของหลินกรุ๊ป!”
หลังจากได้ยินคําพูดของโม่เต๋า หัวหน้าตระกูลฟ์ก็ตกใจ เขารีบทักทายด้วยรอยยิ้มกว้าง “ฮ่า ฮ่า…ผมได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้วว่าคุณหลินสวยมาก การได้พบคุณสัก ครั้งน่ายินดีกว่าการได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณหนึ่งร้อยครั้งเสียอีก!”
แม้ว่าเขาจะเป็นคนอเมริกัน แต่หัวหน้าของตระกูลฟีบี้ ก็พูดภาษาจีนได้คล่องแคล่วมาก!
หลังจากได้ยินคําพูดของเขาหลินหลานก็ตอบกลับทันทีว่า “ขอบคุณนะคะ คุณฟีบี้!”
“คุณหลิน ผมมาที่นี่ด้วยเหตุผลที่ตรงไปตรงมา ที่จริงฉันมาที่นี่เพื่อเจรจากับหลินกรุ๊ป โดยเฉพาะ!”
เขาไม่ได้มีการทักทายแบบเดิม ๆ มากมายนัก หัวหน้าตระกูลฟีบี้พูดตรงเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา
หลังจากได้ยินคําพูดของเขา หลินหลานก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงขณะที่เธอรู้สึกว่านั่นเป็นลางไม่ดี
“ว่ามาเลยค่ะ!”
หัวหน้าตระกูลฟ” โม่เต๋า และหลินหลานต่างก็พากันไปนั่งลงบนโซฟา
“คุณหลิน ผมได้ยินมาว่าหลินกรุ๊ปกําลังพัฒนาสินค้าใหม่ชื่อ Fenghost 1!” หัวหน้าตระกูลฟีบี้ยกมุมปากของเขาขึ้น ขณะที่เขาเคาะที่โต๊ะไปด้วย ” ผมต้องการเป็นหุ้นส่วนของคุณ!
“อะไรนะ!”
ใบหน้าที่ดูงดงามของหลินหลานเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดในทันที
อย่างที่คิดไว้ชายคนนี้มีเจตนาที่ไม่ดีแน่ ๆ
หลินหลานมืดแปดทิศ ขณะที่เธอเสยผมยาวสลวยของเธอและพูดว่า “คุณฟีบี้คะ คุณมีแผนในการเป็นหุ้นส่วนยังไงเหรอคะ ?”
ธุรกิจหลักทั้งหมดของหลินกรุ๊ปและของตระกูลหลินในตอนใต้ของจีนนั้น เกี่ยวข้องอยู่กับตระกูลฟีบี้ ดังนั้นหลินหลานไม่กล้าที่จะทําให้เขาไม่พอใจ
ชายผิวขาวก็ยิ้มออกมาก่อนที่จะพูดว่า “ผมได้เจรจากับตระกูลโม่แล้ว! เราจะให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่คุณหลินกรุ๊ปจะรับผิดชอบด้านการผลิตและการขายสําหรับผลกําไรเราจะขอ 70% และคุณจะได้รับ 30%!”
“อะไรนะ!”
ดวงหน้าของหลินหลานเปลี่ยนไปอย่างมาก
“ความช่วยเหลือด้านเทคนิค ?”
“นี่มันเรื่องไร้สาระบ้าบออะไรกัน!”
เทคโนโลยีของ Fenghost 1 อยู่ในมือของหลินกรุ๊ปอย่างสมบูรณ์ พวกมันไม่ต้องการความช่วยเหลือทางเทคนิคใด ๆ จากตระกูลฟีบี้หรือตระกูลโม่เลยด้วยซ้ํา
และหลินกรุ๊ปยังต้องรับผิดชอบในการผลิตและจําหน่าย Fenghost 1 กล่าวคือการลงทุนจํานวนมหาศาลในช่วงแรกทั้งหมดมาจากหลินกรุ๊ป แต่ตระกูลฟีบี้และตระกูลโม่ จะได้รับ 70% ของผลกําไรที่สามารถขายได้!
“พวกเขา…พวกเขากําลังขู่เอาเงินชัด ๆ!”
ใบหน้างดงามของหลินหลานโกรธจัด ขณะที่เธอตะโกนออกมาว่า “คุณฟีบี้คะ ฉันขอพิจารณาดูก่อน!”
“80/20!”
“เราจะได้รับ 80% ของผลกําไร หลินกรุ๊ปจะเอาไป 20%!”
หัวหน้าตระกูลฟิ์ไม่สนใจความรู้สึกของหลินหลาน แต่เขากําลังจ้องมองไปที่หลินหลาน
ใบหน้าปั้นยากของหลินหลานนั้นยิ่งดูมืดมนขึ้นเรื่อย ๆ
เธอไม่คิดเลยว่าอีกฝั่งจะมีเจตนาที่แน่วแน่และโหดร้ายมากขนาดนี้
“คุณฟีบี้”
หลินหลานยังคงพยายามที่จะอธิบาย!
อย่างไรก็ตามหัวหน้าตระกูลฟีบี้กลับตีหน้าขรึมจัดขณะที่เขาพูดว่า “90/10! เราจะได้รับ 90% ของผลกําไรคุณจะได้รับ 10%!”
หลังจากได้ยินคําพูดของเขา หลินหลานก็ทรุดตัวลงบนโซฟาด้วยใบหน้าซีดเซียวอย่างน่ากลัว
“มันจบแล้ว!”
“นอกจากกรีดเลือดของหลินกรุ๊ป แล้วพวกเขายังอยากกินเนื้อของหลินกรุ๊ปด้วยและทําให้กระดูกของหลินกรุ๊ปแตกละเอียด!”
“คุณหลิน ผมว่าคุณควรพิจารณาข้อเสนอของเราอย่างรอบคอบนะ!”
ขณะนั้นหัวหน้าตระกูลฟีบี้บอกหลินหลานด้วยท่าทางหยิ่งผยองเล็กน้อยว่า “ถ้าคุณเห็นด้วย ตระกูลฟีบี้สัญญากับคุณว่า Fenghost1 จะไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมในจีน เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอเมริกาด้วย! แต่หากคุณปฏิเสธ ผมต้องขอโทษที่ตระกูลฟีบี้จะต้องใช้มาตรการขั้นรุนแรงกับหลินกรุ๊ป!”
ในที่สุดหัวหน้าตระกูลฟีบี้ก็ได้เปิดเผยท่าทางข่มขู่ ขณะที่เขาพูดต่อ “นอกจากนี้หลินกรุ๊ปอาจจะสูญเสียพันธมิตรทางความร่วมมือทั้งหมด ห่วงโซ่ทุนของคุณจะพังทลาย ธุรกิจของคุณจะล่มสลาย เราจะกินรวบและซื้อกิจการมาในที่สุด!”
หลังจากได้ยินคําพูดของเขา ใบหน้าที่เคยงดงามของหลินหลานก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดในทันที
เธอรู้ดีว่าตระกูลฟีบี้และตระกูลโม่ ตั้งใจจะสูบเลือดเนื้อของหลินกรุ๊ป!
“ฉันควรทําอย่างไรดี!”
“ฉันควรทําอย่างไรดี!”
.
หน้าผากของหลินหลานมีเหงื่อไหลซึมออกมา
การตัดสินใจใด ๆ ที่เธอเลือกอาจส่งหลินกรุ๊ปไปสู่ขุมนรก
หลังจากเงียบไปชั่วครู่หลินหลานก็เผยรอยยิ้มอันขมขื่น!
“ดูเหมือนว่าฉันจําเป็นจะต้องเห็นด้วยกับเขา..”
“ถ้าฉันเห็นด้วยกับเขา หลินกรุ๊ปก็ยังคงอยู่รอดได้ ถ้าไม่งั้นหลินกรุ๊ปคงจะต้องตายแน่นอน!!
หลินหลานกัดฟันอย่างเจ็บปวด
จากนั้นเสียงเบา ๆ ก็ดังขึ้น “ตกลงผมเห็นด้วยกับคุณ 90/10! เราจะเอา 90% ของผลกําไร และคุณจะได้ 10%!”
“หืมม ?”
“เราจะเอา 90%?”
“คุณจะได้ 10%”
เสียงที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน มันทําให้หัวหน้าของตระกูลฟีบี้และโม่เต๋าตกใจเล็กน้อย
จากนั้นพวกเขาก็ได้รู้ว่าคนพูดนั่นคือเย่เฟิง
“ไอ้งั่ง แกบ้าหรือเปล่า ? แกเอา 90%? แล้วเรา 10% ? แกกําลังล้อเล่นกับฉันงั้นเหรอ?” โม่เต๋ามองเย่เฟิงราวกับว่า เขาเป็นคนโง่เง่า
“เขากล้าพูดต่อหน้าหัวหน้าตระกูลพี่บี้แบบนี้ได้อย่างไร ? เขากําลังผลักหลินกรุ๊ปไปสู่ทางตัน!”
แม้แต่หลินหลานก็ยังตกใจ
เธอเคยได้เห็นท่าทางข่มขู่ของหัวหน้าตระกูลฟีบี้มาก่อน แล้วเห็นได้ชัดว่าคําพูดของเย่เพิ่งนั้นกําลังทําให้เขาโกรธมากแน่ ๆ!
ตามที่จินตนาการไว้หลังจากได้ยินคําพูดของเย่เฟิง หัวหน้าของตระกูลฟีบี้ก็เปลี่ยนไปเป็นมืดมนอย่างน่ากลัว
เขาจ้องมองไปที่เย่เพิ่งด้วยสายตาเย็นชาขณะที่เขาถามว่า “เจ้าหนู แกเป็นใคร ?”
“ฉันเหรอ ?”
เย่เฟิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่เขาค่อย ๆ เอื้อมมือลงมาคว้าแก้วไวน์จากบนโต๊ะ แล้วเผยให้เห็นสร้อยข้อมือสีดําของเขา
“นายรู้ดีน่า ว่าฉันเป็นใคร!”
เย่เพิ่งมองหัวหน้าตระกูลฟีบี้ด้วยรอยยิ้ม!
ก่อนหน้านี้หัวหน้าตระกูลฟีบี้ ต้องการคํารามใส่หน้าเขา ทว่าเมื่อเขาเห็นสร้อยข้อมือสีดํานั้นเขาก็ตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว
ในขณะนั้นเขาผุดลุกขึ้นยืนเหมือนแมวที่หางถูกเหยียบ