The Man from Hell – ตอนที่ 134 : เส้นทางนองเลือด

TMFH ตอนที่ 134 : เส้นทางนองเลือด

 

หลังจากที่สิ้นเสียงดีดนิ้วของเย่เฟิง กลุ่มคนมากมายในชุดสีดําก็พุ่งเข้ามายังลานหน้าฐานของกลุ่มศีรษะพยัคฆ์!

 

1!

 

2!

 

10!

 

50!

 

100!

 

ในพริบตาจํานวนคนในชุดสีดําก็มีมากถึง 200 คนแล้ว!

 

กล้ามเนื้อทั้งหมดของพวกเขานั้นใหญ่และเด่นชัดยิ่งพวกนั้นใส่ชุดสีดําแล้วนั้น มันยิ่งขับให้กล้ามเนื้อและเส้นเลือดของพวกเขาเหมือนลวดลายของมังกรที่กําลังขดตัวไปตามแขน!

 

พวกเขาปล่อยพลังฉีที่น่ากลัว ตอนนี้พวกนั้นดูราวกับเป็นกองทัพอมตะที่ไม่มีวันตาย

 

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือชายร่างแกร่ง 20 คนที่ยืนอยู่ด้านหน้า!

 

เครื่องแบบของพวกเขาดูแตกต่างจากชุดของคนอื่นๆเล็กน้อย พวกเขาสวมหน้ากาก เสื้อผ้าและกางเกงสีดําทั้งหมด

 

นั่นทําให้ใบหน้าของพวกเขาไม่ถูกเปิดเผยออกมา อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นดวงตาที่เย็นชาของพวกเขา พวกเขานั้นเหมือนกับทหารรบอํามหิตที่ที่เพิ่งผ่านทะเลที่เต็มไปด้วยโลหิตและซากศพ ทั้ง 20 คนนี้ปลดปล่อยพลังฉีที่น่ากลัวอย่างมาก!

 

ด้านหน้าของชายทั้ง 20 คนที่สวมหน้ากากคือชายฉกรรจ์อีก 3 คนได้แก่ – หมาป่าคลั่งหมัดเหล็กกล้า โมโรบลัดดี้โกสท์ และเศียรอสูรหลังค่อม!

 

เมื่อคนในชุดสีดําทั้ง 200 คนพุ่งเข้ามาในลาน พวกเขาทั้งหมดก็คุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฟิง ขณะที่มืออีกข้างกํา แล้ววางไว้บนหน้าอกบริเวณหัวใจของพวกเขา!

 

“ผมขอแสดงความเคารพ เจ้านาย!”

.

คําทักทายนั้นดังเสียดลึกเข้าไปในหู!

 

เมื่อคนทั้ง 200 คนคุกเข่าลง ภาพนั้นก็ดูน่าตกใจอย่างมาก!

 

เมื่อเห็นแบบนี้ โม่เต๋ พยัคฆ์ดําและสมาชิกทุกคน ของกลุ่มศีรษะพยัคฆ์รู้สึกได้ว่าเปลือกตาของพวกเขานั้นกําลังกระตุกอย่างรวดเร็ว แถมยังรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งร่าง

กาย

 

 

ฉากนี้สร้างความตกตะลึงอย่างมาก!

 

ไม่มีใครรู้ว่ากลุ่มคนลึกลับในชุดดําพวกนี้มาจากไหน!

 

“หมาป่าคลั่ง!”

 

หมาป่าคลั่งหมัดเหล็กกล้ากําลังคุกเข่าลงต่อหน้าเย่เฟิง ใบหน้าของพยัคฆ์ดําก็เปลี่ยนเป็นคิดหนัก

 

“หมาป่าคลั่งอยู่ทางตอนเหนือ ศีรษะพยัคฆ์อยู่ทางตอนใต้”

 

“หมาป่าคลังมีชื่อเสียงพอๆ กันกับฉัน!”

 

“แต่เขายอมรับเย่เฟิงเป็นเจ้านาย!”

 

ดังนั้นพยัคฆ์ดําจึงพยายามหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่เขานั้นพยายามเกร็งตัวไม่ให้สั่นไปจนหมด!

 

ในขณะเดียวกันนั้นไม่เต่ากําลังจ้องมองไปที่ชายฉกรรจ์อีกคน ขณะที่เขารู้สึกว่าหัวใจของเขานั้นราวกับกําลังพยายามหนีออกจากร่างกายของเขามาทางปาก “บลัด… บลัดดี้โกสท์! คุณ…คุณคืออาจารย์ของซางเปียวที่เป็นองครักษ์ของตระกูลซู่!”

 

ตระกูลโม่และตระกูลซู่นั้นต่างก็เป็นตระกูลใหญ่ในจีนตอนใต้

 

เนื่องจากบลัดดี้โกสท์นั้นใกล้ชิดกับตระกูลซู่ ซึ่งแน่นอนว่าโม่เต่านั้นรู้จักเขา

 

ทว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าบลัดดี้โกสท์ที่ทรงพลังและแข็งแกร่งอย่างมากในตอนใต้ของจีนจะเป็นลูกสมุนของเย่เฟิง แบบนี้!

 

วัลเทอร์ที่ถูกมัดไว้กับเสาเหล็กแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ขณะที่เขาคิดในใจว่า “พวกคนที่อยู่ใต้เสื้อผ้าและหน้ากากสีดํา…นั่นคือกลุ่มกองกําลังอะไรกันแน่นะ?? 

 

แต่เมื่อวัลเทอร์เห็นชายในชุดดําคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กหนุ่มนั่น เปลือกตาของวัลเทอร์ก็เบิกกว้าง ขณะที่เขาตัวสั่นอย่างหนักและกลัวจนแทบหัวใจจะวาย “ด้วยส่วนสูง 1.9 เมตร เขาต้องเป็นหนึ่งในพวกอสูรแน่นอน! คนที่มีพลังฉีที่รุนแรงแบบนี้! เขาต้องเป็นเศียรอสูรยาจก!”

 

วัลเทอร์รู้สึกว่าหัวของเขากําลังเต้นตุบๆ ราวกับมันใกล้จะระเบิด

 

ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความกลัว เขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่เฟิงนั้นจะเป็นเจ้านายของกลุ่มความมืด!

 

เมื่อเขาแน่ใจว่าเขาได้เห็นเจ้านายของกลุ่มความมืดที่ว่ากันว่าลึกลับที่สุด ใบหน้าของวัลเทอร์ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากความตื่นเต้น ขณะที่เขามองดูเย่เพิ่งด้วยท่าทางที่มีความสุข

 

ในขณะที่โม่เต๋ พยัคฆ์ดําและสมาชิกคนอื่นๆของกองกําลังศีรษะพยัคฆ์ต่างกําลังตกตะลึงอย่างหนัก เย่เฟิงนั้นมองดูโม่เต๋อย่างเคร่งขรึมและพูดออกมาเสียงดังว่า “แกต้องการเปรียบเทียบขนาดของกลุ่มระหว่างพวกเรางั้นเหรอ ตอนนี้คงพอจะบอกได้แล้วนะว่าใครคือผู้ชนะ!”

 

“บ้าชิบ!”

 

หลังจากได้ยินคําพูดของเเย่เฟิง ใบหน้าของโม่เต่ก็ซีดลงอย่างน่ากลัว

 

เขาไม่สามารถเข้าใจเหตุผลว่าทําไมหัวหน้าตระกูลฟีบี้ ถึงกลัวเย่เฟิงมากจนกระทั่งตอนนี้

 

“ปรากฏว่าผู้ชายที่ดูต่ําต้อยคนนี้ กลับมีตัวตนเบื้องหลังที่ลึกลับ

 

โม่เต๋รู้สึกหนาวไปทั้งตัวพร้อมกับขนลุกซู่ เขาหันหลังกลับทันทีและตั้งใจจะหนีในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ออกคําสั่ง “พยัคฆ์ดําหยุดพวกมันไว้”

 

โม่เต่ไม่ได้สนใจกลุ่มศีรษะพยัคฆ์มากนัก ในความคิดของเขาพวกศีรษะพยัคฆ์นั้นอาจจะถูกกําจัดทิ้งก็ได้ อย่างไรก็ตามเขานั้นจะต้องรอดชีวิต!

 

เมื่อเห็นแบบนี้ใบหน้าของพยัคฆ์ดําก็มืดมนลงอย่างมาก

 

แต่เนื่องจากตระกูลโม่ได้ว่าจ้างพวกเขา โม่เต๋จึงถือเป็นเจ้านายของเขา ดังนั้นพยัคฆ์ดําจึงไม่มีทางเลือกอื่น!

 

ทันใดนั้นพยัคฆ์ดําโบกมือและคํารามด้วยท่าทางดุร้าย “ศีรษะพยัคฆ์จงฟัง ฆ่าพวกมันให้หมด!”

 

สมาชิกแต่ละคนของ ศีรษะพยัคฆ์นั้นไม่หวั่นไหว

 

แม้ว่าคนของเย่เฟิงจะมีจํานวนมากกว่าพวกเขา แต่ก็ไม่มีใครถอยหนีเพราะความหวาดกลัว แต่พวกเขาทั้งหมดกลับกํากระบี่เหล็กแน่นแล้วพุ่งเข้าไปหมายจะฟันเย่เฟิงและเหล่าลูกน้องของเขา!

 

 

เงาและประกายของกระบี่เหล่านั้นพุ่งตรงไปยังเย่เฟิงราวกับพลุที่ถูกจุดฉลองในวันเทศกาล!

 

ทว่าเมื่อดูความพยายามของพวกเขา เหล่าชายฉกรรจ์ในชุดดําก็หัวเราะเบาๆ ขณะที่พวกเขาทั้งหมดยังคงนิ่งอยู่

 

สมาชิก 20 คนของกลุ่มความมืดที่อยู่ด้านหน้าของทั้งกลุ่ม พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนวิญญาณร้าย!

 

ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!

 

พวกเขาแต่ละคนเหมือนยมทูต เพราะพวกเขานั้นสามารถฆ่าคนได้หนึ่งคนต่อการโจมตีแต่ละครั้ง

 

นั้นเป็นผลให้สมาชิกแต่ละคนของศีรษะพยัคฆ์ต่างถูกฆ่าตายทีละคนไปเรื่อยๆ ยิ่งการโจมตีใช้เวลามากเท่าไหร่เส้นทางนองเลือดก็ถูกสร้างขึ้นยาวมากเท่านั้น!

 

ดูเหมือนว่าพวกกลุ่มศีรษะพยัคฆ์ไม่ได้กําลังรับมือกับคน 20 คน แต่เป็นปีศาจ 20 ตนมากกว่า!

 

มีกองซากศพกระจายไปทั่ว ไม่ว่าพวกเขาจะผ่านไปทางไหน!

 

เย่เฟิงนั้นมีความมั่นใจอย่างมากเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของกลุ่มความมืด เขาไม่ได้มองพวกเขาด้วยซ้ําว่าพวกเขาจะชนะหรือไม่ เขาค่อยๆเดินไปยังทิศทางที่ไม่เต่หนีไป

 

1 ใน 4 วานร พุ่งตัวเข้ามาขวางเย่เฟิงอย่างรวดเร็วราวกับสายลม!

 

“ไปตายซะ!”

 

“ทําลายตัวหัวหน้าแล้วกลุ่มก็จะล่มสลาย!”

 

เห็นได้ชัดว่าวานรคนนี้ต้องการที่จะล้มกลุ่มความมืด โดยการชิงฆ่าเย่เฟิงซะ!

 

จากนั้นเขาก็แทงกระบี่เหล็กอันแหลมคมของเขาไปที่คอของเย่เฟิงอย่างรุนแรง!

 

ทันใดนั้นแสงที่เย็นยะเยือกก็พุ่งเข้ามาใส่เขา!

 

หลังจากนั้นตัวเขาก็กลายเป็นน้ําแข็งทันที ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาหลุดร่วงลงมา!

 

ร่างของเขาถูกแบ่งออกเป็นสองซีก!

 

เขาไม่เห็นการโจมตีของเย่เฟิงด้วยซ้ํา!

 

“พี่ใหญ่!”

 

ใบหน้าของเหล่าวานรที่เหลืออีก 3 คนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง!

 

ทว่าพวกเขาต่างก็เบิกตากว้างด้วยความโกรธ!

 

“ในเมื่อแกฆ่าพี่ใหญ่ของฉัน แกก็จงไปกับเขาในโลกหลังความตายซะ!”

 

3 วานรและ 10 อรหันต์ล้อมรอบเย่เฟิงในเสี้ยววินาที ขณะที่พวกเขาเริ่มโจมตีเย่เฟิงด้วยทักษะที่รุนแรง!

 

พวกเขาแต่ละคนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะฆ่าเย่เฟิง! 

 

เศียรอสูรยาจกและบลัดดี้โกสท์ไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ขณะที่พวกเขามองดูอยู่ข้างสังเวียนราวกับผู้ชม

 

ทั้งสองเผยรอยยิ้มเหยียดหยามราวกับว่าคนเหล่านั้นกําลังเป็นฝูงมดแมลงที่เข้ามาท้าทายกับปีศาจ!

 

ด้วยเสียงฝีเท้าที่ดังต่อเนื่อง เย่เฟิงนั้นยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ!

 

แต่ละก้าวที่เขาเดินไปข้างหน้า ประกายของวัตถุในมือก็สว่างเป็นระยะๆ

 

ฉัวะ!

 

ฉัวะ!

 

ฉัวะ!

 

ประกายแต่ละครั้งคร่าชีวิตไปที่ละคน!

 

วานรคนที่ 2 เสียชีวิต!

 

อรหันต์คนที่ 1 เสียชีวิต!

 

วานรคนที่ 4 เสียชีวิต!

 

วานรและอรหันต์ล้มลงไปกับพื้นทีละคนเรื่อยๆ !

 

หนึ่งก้าวที่เขาเดินไป คือหนึ่งชีวิตที่หลุดลอย!

 

เลือดสาดกระจายเต็มพื้นไปหมด!

 

สมาชิกคนอื่นๆ ของกลุ่มศีรษะพยัคฆ์ที่เหลือต่างตกตะลึง!

 

ในกลุ่มศีรษะพยัคฆ์ 4 วานรและ 10 อรหันต์ถือว่ามีพลังแข็งแกร่งมากที่สุดนอกจากตัวของพยัคฆ์ดําแล้ว!

 

แต่พวกเขาทั้งหมดถูกฆ่าตายราวกับมดแมลง!

 

ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวจริงๆ!

 

พยัคฆ์ดํา วัลเทอร์ และสมาชิกของศีรษะพยัคฆ์ที่เหลือมองเย่เฟิงราวกับว่าเขานั้นเป็นปีศาจ

 

จากรูปลักษณ์ที่ธรรมดาของเขา ปรากฏว่าเขานั้นมีพลังน่ากลัวมากที่สุด!

 

ฉัวะ!

 

เมื่ออรหันต์คนสุดท้ายถูกผ่าออกเป็นสองซีก เลือดอุ่นๆของเขาก็กระจายเต็มใบหน้าของพยัคฆ์ดํา นั่นทําให้เขาตัวสั่นอย่างแรง เขากลัวจนแทบจะปัสสาวะรดกางเกง

 

“ไปเลือกเจ้านายที่เหมาะสมในชีวิตหลังความตายของแกแล้วกัน!”

 

เย่เฟิงเดินผ่านพยัคฆ์ดํา พลางพูดด้วยน้ําเสียงเยือกเย็น!

 

ฉัวะ!

 

เลือดเริ่มไหลออกจากคอของพยัคฆ์ดํา

 

จากนั้นพยัคฆ์ดําก็คุกเข่าลงกับพื้น ความกลัวที่ไม่อาจจินตนาการได้ฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเขา!

 

“ปี…ปีศาจ!”

 

พยัคฆ์ดําเสียชีวิตในที่สุด!

 

The Man from Hell

The Man from Hell

จักรวรรดิปีศาจได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งในจักรวาลแห่งนี้ เหล่าศัตรูต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา แลเหล่าหญิงงามควรสยบแทบเท้าของเขา “ข้าคือปีศาจ ผู้ที่เหล่าทวยเทพเทวาทั้งหลายต่างยอมศิโรราบ หากเจ้าไม่ยอมก้มหัวให้ข้า ข้าจักบังคับเจ้าด้วยกำลัง” — เย่เฟิง! The Demon Empire in the universe was reborn and came back! Enemies should kneel down in front of him! Beauties should lie down in front of him! “I am a demon. I ens*ave gods and immortals! If you don’t succumb to me, I will convince you by force!”–Ye Feng!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset