The Man from Hell – ตอนที่ 2 : มัน…เป็นปีศาจ!

ในขณะเดียวกัน ได้มีรถเบนซ์จอดอยู่ข้าง ๆ กับโรงแรมจักรพรรดิ

คนขับรถและชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ภายในนั้น

พวกเขาจ้องเข้าไปในประตูโรงแรมด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาเหมือนว่าพวกเขากำลังรอการแสดงที่แสนยอดเยี่ยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหนุ่มที่ดูร้ายกาจคนนั้น

“เหอะๆ เย่เฟิง ไอ้เลว แกจะต้องตายอย่างน่ารังเกียจ! ตั้งแต่ที่แกได้นอนกับหลินหลานคู่หมั้นของเธอ กงยุ่นเฟยจะฉีกแกออกเป็นชิ้นๆแน่นอน ไอ้เวร! ฉันอยากที่จะเห็นนักว่าตาแก่จะปกป้องลูกชายนอกสมรสของเขาในเวลานี้ยังไง! ฮ่า ๆ ๆ ๆ …”

เมื่อชายหนุ่มจินตนาการถึงตอนจบของเย่เฟิงใบหน้าของเขาดูจะโหดร้ายมากยิ่งขึ้น

 

แล้วเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“คุณชาย! นี่มันนักข่าวจาง ของสถานีโทรทัศน์เทศบาลเมืองเจียงชี!”

คนขับรีบบอกชายหนุ่มหลังจากที่จ้องมองไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา

เมื่อได้ยินอย่างนั้นชายหนุ่มก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “รีบรับสายเขาเร็วเข้า! เขาควรจะได้รูปถ่ายมาแล้วหลายใบ! จำไว้ว่าขอให้เขาส่งรูปเพิ่มเติมมาให้ฉันด้วย ฉันต้องการเห็นท่าทางที่ดูสิ้นหวังของไอ้เลวนั่น! ฮ่า ๆ ๆ ๆ …“

ชายหนุ่มทำอะไรไม่ได้นอกจากเปล่งเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจ แต่ว่าเมื่อคนขับรับสายโทรศัพท์รอยยิ้มของเขาก็ชะงัก และสีหน้าเขาเปลี่ยนไปราวกับเห็นผี จนกระทั่งคนขับวางหูโทรศัพท์ เขากลืนน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่ และบอกคุณชายว่า “คุณชาย นักข่าว…จาง บอกว่ามีเพียงแค่คุณหลินเท่านั้นที่อยู่ในห้อง”

‘อะไรนะ?!’

เย่หูรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีและขมวดคิ้ว

“เหลวไหล! เฮ้ย ก็ฉันนี้แหละที่ได้จัดฉากให้ไอ้เลวนั่นกับหลินหลานอยู่ด้วยกัน จะเป็นไปได้ยังไงที่มีหลินหลานอยู่คนเดียว? พวกเขาได้ค้นห้องดีหรือยัง? ไอ้เลวนั่นยังต้องอยู่ในห้องแน่ๆ!”

เย่หูรู้สึกโมโหแทบบ้า

เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการวางกับดักเพื่อทำให้เย่เฟิงหมดสติและวางยาใส่หลินหลาน จนโยนทั้งคู่ไปอยู่บนเตียงเดียวกัน เขาวางแผนที่จะทำลายเย่เฟิงโดยการเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวนี้สู่สาธารณะ

ยังไงไอ้เลวนั่นก็นอนกับหลินหลานแน่นอน แต่ทำไมไม่มีนักข่าวสักคนที่สามารถถ่ายรูปมันเอาไว้ได้ นั่นทำให้เย่หูหงุดหงิดใจเป็นที่สุด

เมื่อคนขับรถได้เห็นใบหน้าที่เดือดดาลของเย่หู เขานั้นก็ตัวสั่นด้วยความกลัว “คุณชาย! นักข่าวจางบอกว่าพวกเขาได้ค้นหาทุกซอกทุกมุมของโรงแรมแล้ว และพวกเขายังได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วด้วย แต่แปลกตรงที่ไม่เห็นไอ้เลวนั่นออกมาจากห้องด้วยซ้ำ มีเพียงแค่หลินหลานเท่านั้นที่อยู่ในห้อง“

เป็นไปไม่ได้!

เย่หูไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง

คนทั้งคนอยู่ ๆ มันจะหายไปได้อย่างไร

“ไอ้สารเลวเอ้ย!!“

เย่หูเป็นบ้าอย่างห้ามไม่ได้ เส้นเลือดสีเขียวปูดนูนออกมาที่บริเวณหน้าผากของเขา

“ไอ้สารเลวนั่นมันหลบหนีไปได้ยังไง? โธ่เว้ย! แม่ง!”

เย่หูคลุ้มคลั่งเหมือนหมาบ้า

ตอนนี้เอง เย่หูก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสีหน้าของคนขับเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงถามคนขับอย่างรวดเร็ว “เป็นอะไร? ทำไมแกถึงทำหน้าแบบนั้น?”

ทว่าคนขับเพียงแค่จ้องไปที่เบาะหลังด้วยสีหน้าเหลือเชื่อเหมือนผี เขาไม่ได้ฟังในสิ่งที่เย่หูพูดเลยแม้แต่น้อย

‘หืม?’

ด้วยความอยากรู้นั่น ทำให้เย่หูหันมองไปรอบ ๆ แล้วเขาก็ต้องตกใจอย่างมาก

มีชายหนุ่มนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

ชายคนนี้ดูหล่อ สุขุมและเยือกเย็น ริมฝีปากเขายิ้มอยู่เล็กน้อย และดวงตาที่ดำมืดนั่นเหมือนมีประกายที่น่าหวาดกลัวออกมา

เขาคนนั้นคือ เย่เฟิง!

แต่น่าแปลกที่ทั้งคนขับและเย่หูไม่ได้สังเกตเห็นตอนที่เย่เฟิงขึ้นรถมา จู่ ๆ ก็เหมือนเขาปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่าราวกับผี ดังนั้นคนขับและเย่หูจึงตัวสั่นด้วยความตกใจกลัว

“แกนี่เอง ไอ้เลว! ไอ้คนไร้ค่า!”

เย่หูผงะเล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าของเขาจะกลายเป็นความเกลียดชัง

เขายิ้มเยาะ “ไอ้คนไร้ค่า! แกขึ้นมาบนรถของฉันได้ยังไง รถของฉันไม่มีที่ว่างพอสำหรับขยะหรอกนะ! แกอยากตายเหรอ! รีบ ๆ ลงไปจากรถของฉันได้แล้ว!”

เย่หูจ้องมองเย่เฟิงด้วยสายตาที่จงเกลียดจงชัง

ในสายตาของเขา เย่เฟิงเป็นแค่ไอ้คนไม่มีค่า เป็นขยะที่เขาสามารถจะเอาไปทิ้งเมื่อใดก็ได้ที่เขาต้องการ แม้ว่าเย่เฟิงจะได้ยินว่าเขาเป็นนั้นผู้สมรู้ร่วมคิดนี้ เย่หูก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย

 

เมื่อดูการแสดงออกที่น่าเกรงขามของเย่หู เย่เฟิงเหยียดริมฝีปากของเขาขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายจาง ๆ

และเอ่ยถามว่า “เย่หู? ทายาทสายเลือดตรงของตระกูลเย่? เป็นแกใช่ไหมที่วางแผนก่อเรื่องทั้งหมดนี่?”

เย่เฟิงนั้นดูใจเย็นเหมือนว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

‘หืม?’

เย่หูรู้สึกได้ ถึงบรรยากาศเล็กน้อยที่ต่างไปจากเดิมของเย่เฟิง

ก่อนหน้านี้ เย่เฟิงมักขี้ขลาดและไม่กล้าเรียกชื่อของเขาตรงๆ เย่เฟิงไม่กล้าแม้แต่หายใจต่อหน้าเขา แม้ว่าเขานั้นทุบตีเย่เฟิงอยู่ทุกวัน แต่เย่เฟิงก็ไม่กล้าที่จะบ่นเลยสักครั้ง

แต่ทว่า ในตอนนี้เย่เฟิงค่อนข้างดูแปลกไป

“หึหึ! ในเมื่อแกอยากรู้ ฉันก็จะบอกความจริงกับแก!” เย่หูมองตรงเข้าไปในดวงตาของเย่เฟิง พร้อมกับหัวเราะเยาะและพูดจาเสียดสี “ใช่! ฉันทำมันเองแหละ! ฉันทำให้แกสลบ! แล้วฉันก็วางยาใส่หลินหลาน! ฉันบอกพวกนักข่าว! ฉันอยากจะฆ่าแกโดยยืมมือของกงหยุ่นเฟยคู่หมั้นของหลินหลาน!”

ในขณะที่เย่หูตอบ ดวงตาของเขาก็เผยให้เห็นความชั่วร้ายและโหดเหี้ยม

“หึหึ! ไอ้คนไร้ค่าอย่างแกเอาชนะใจของตาแก่นั่นได้อย่างไร? ทำไมเขาถึงต้องการให้แกสืบทอดมรดกของตระกูลเย่ด้วย! ฟังนะ แกเป็นคนที่น่าอับอายของตระกูลเย่! เป็นขยะ! ที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง! หากแกต้องการสืบทอดมรดกของตระกูลเย่ แกจะต้องตาย!”

เสียงของเย่หูเต็มไปด้วยอารมณ์ที่แสนจะเกรี้ยวกราด!

แต่ทว่า เมื่อเย่เฟิงได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเย่หู เขาไม่ได้แสดงอาการโกรธเลยสักนิด เขาแค่พยักหน้าอย่างใจเย็น

และกล่าวว่า “โอเค! เอาล่ะตอนนี้ในเมื่อแกต้องการที่จะฆ่าฉัน ฉันก็จะทำให้ฝันของแกเป็นจริง!”

หลังจากพูดเสร็จ เย่เฟิงเริ่มใช้นิ้วที่เรียวยาวของเขาวาดคาถาแปลกๆไปที่เบาะหลัง

คาถานั้นเหมือนเป็นลักษณะเฉพาะหรือรูปแบบของอักขระพิเศษ เย่หูสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ภาพตรงหน้านี้ทำเย่หูคำรามด้วยเสียงหัวเราะ “ไอ้ขยะ นี่แกกำลังจะทำอะไรน่ะ? รถของฉันแพงมากนะ ถ้าแกทำลายที่นั่งบนรถของฉัน ฉันสาบานว่า ฉันจะฆ่าแกแน่!”

“ฆ่าฉัน?”

เมื่อได้ยินคำขู่นั้นของเย่หู เย่เฟิงก็เผยรอยยิ้มเหมือนผู้ชนะ ราวกับเด็กที่ได้แอบขโมยลูกอมมาได้

“ขอโทษนะ! ถ้าฉันต้องการให้แกมีชีวิตรอด แกก็ต้องรอด! แต่ถ้าฉันต้องการให้แกตาย แกก็… ต้องตาย!”

หลังจากพูดเสร็จ เย่เฟิงก็มองเย่หูเหมือนว่าเขานั้นได้มองดูซากศพ จากนั้นก็เปิดประตูและลงจากรถไป

“ไอ้สารเลว!”

เมื่อมองดูเย่เฟิงลงจากรถ ความโกธรของเย่หูก็ปะทุยิ่งกว่าเดิม

“โธ่เว้ย! ไอ้เลวนี่แกล้งทำตัวแบบนี้ต่อหน้าฉันได้ยังไง? ได้! เมื่อแกรอดชีวิตในครั้งนี้ ฉันสาบานว่าครั้งหน้าแกจะไม่รอดแน่!”

หลังจากสบถคำเหล่านั้นเสร็จเย่หูก็สั่งคนขับรถ “ออกรถได้แล้ว!”

เมื่อคนขับได้ยินเย่หูสั่งเขาดูตกใจและกลืนน้ำลายเข้าไปอีกอึกใหญ่

“คุณชาย! แต่อักขระแปลก ๆ ที่ไอ้ขยะวาด มันดู…ประหลาด…”

ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อคนขับเห็นตัวอักษรแปลก ๆ เหล่านั่น เขาสัมผัสได้ว่าผมบนศีรษะของเขาชี้ขึ้น

เขารู้สึกเหมือนกำลังจะเผชิญกับหายนะ

มันดูไม่ใช่ตัวอักษรทั่ว ๆ ไป แต่ราวกับว่าเป็น อักขระที่ใช้ช่วงชิงชีวิต!

‘หืม?’

เย่หูหันกลับ และดูรูปแบบอักขระนั่น ด้วยความอยากรู้ในทันที

แต่แล้ว ขณะที่เย่หูกำลังหันไปจดจ้องกับอักขระอันแสนลึกลับ ตัวอักษรบนเบาะเหล่านี้กลับเปล่งแสงสว่างวาบและปลดปล่อยพลังฉีแห่งการทำลายล้าง!

“เห้ย! ลง!”

เย่หูรีบพุ่งตัวออกจากรถทันที เขารู้สึกว่าวิญญาณของเขาเกือบหลุดออกจากร่าง

แต่มันสายเกินไป!

 

บูม!

เสียงระเบิดดังกึกก้อง เปลวไฟร้อนแรงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!

รถทั้งคันถูกทำลายภายในเสี้ยววินาที

เย่หูกระเด็นไปไกลประมาณ 3-4 เมตร เขานอนอยู่กับพื้นด้วยสภาพเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

ขาข้างหนึ่งหัก และเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน

“ โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย! ขาของฉัน! ขาฉันหัก!”

ดวงตาของเย่หูเต็มไปด้วยความตกใจ

เขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่เฟิงจะทำอะไรแบบนี้ได้

นอกจากนี้ เมื่อตอนที่เขาเห็นรอยยิ้มแปลก ๆ ของเย่เฟิงก่อนลงไปจากรถ เย่หูก็รู้สึกถึง พลังฉีที่เย็นเฉียบพุ่งมาที่หัวของเขาจนลงไปถึงฝ่าเท้า และทำให้เกิดอาการขนลุกทั่วหนังศีรษะ

“ปีศาจ! มันไม่ใช่คน! มัน…เป็นปีศาจ!”

ในสายตาของเย่หูมีเพียงปีศาจเท่านั้นที่สามารถทำอะไรที่น่ากลัวแบบนี้ได้!

The Man from Hell

The Man from Hell

จักรวรรดิปีศาจได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งในจักรวาลแห่งนี้ เหล่าศัตรูต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา แลเหล่าหญิงงามควรสยบแทบเท้าของเขา “ข้าคือปีศาจ ผู้ที่เหล่าทวยเทพเทวาทั้งหลายต่างยอมศิโรราบ หากเจ้าไม่ยอมก้มหัวให้ข้า ข้าจักบังคับเจ้าด้วยกำลัง” — เย่เฟิง! The Demon Empire in the universe was reborn and came back! Enemies should kneel down in front of him! Beauties should lie down in front of him! “I am a demon. I ens*ave gods and immortals! If you don’t succumb to me, I will convince you by force!”–Ye Feng!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset