เขาต้องเป็นบ้าแน่ ๆ!’
ในมุมมองของหลินหลาน เย่เฟิงนั้นเสียสติไปแล้ว
เขาต้องการที่จะปรับแต่งรถตู้โดยที่ไม่มีเครื่องมือใด ๆ และไล่ตามรถสปอร์ต
“อย่าเสียเวลาเลย! รถตู้จะไล่ตามรถสปอร์ตได้อย่างไร กว่าที่นายแก้ไขเสร็จ พวกมันคงเข้าตัวเมืองไปแล้ว และเราก็คงจะหาพวกมันไม่เจอด้วย!”
หลินหลานพูดอะไรไม่ออกเกี่ยวกับการกระทำของเย่เฟิง ในความเห็นของเธอ เย่เฟิงกำลังทำอะไรที่โง่มาก
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงไม่สนใจคำพูดของเธอ
ในฐานะจักรพรรดิปีศาจเย่เฟิงเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับอารยธรรมมามากมาย ทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์และอารยธรรมเชิงเทคโนโลยี
ดาวเหล่านั้นมีสมรรถนะและความก้าวหน้ามากกว่าของโลกนี้ทั้งทางวิทยาศาสตร์และทางเทคโนโลยี
สำหรับเย่เฟิงตราบใดที่มีวัสดุเพียงพอเขาสามารถสร้างยานอวกาศได้ ดังนั้นการประกอบรถยนต์เขาจึงสามารถทำได้อย่างแน่นอน
ดวงตาของเย่เฟิง มีประกายแสงสีม่วงขณะที่เขากำลังถอดชิ้นส่วนด้วยมือที่ความเร็วเท่ากับสายฟ้า
เขาคลายเกลียวสกรูทีละตัวด้วยมือเปล่าซึ่งดูเหมือนคีมเหล็กทรงพลังคู่หนึ่ง
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีเครื่องยนต์ทั้งหมดก็ถูกถอดออกมาอย่างสมบูรณ์
เครื่องยนต์ของรถตู้ทั่วไปมักจะอยู่ที่ใต้ของตัวรถ แต่เครื่องยนต์ของฟอร์ดนี้อยู่ที่ด้านหน้า
ทันใดนั้นเย่เฟิง ก็ถอดฝาครอบเครื่องยนต์ออก ขณะที่เขาแยกมันออกเป็นชิ้นส่วนโลหะเหมือนกับใช้คีมขนาดใหญ่
ในเวลาเดียวกันเขาก็สอดชิ้นส่วนโลหะเหล่านั้น เข้าไปในเครื่องยนต์ทีละชิ้น
ในชั่วขณะหนึ่งส่วนเครื่องยนต์ทั้งหมดถูกฝังไปด้วยชิ้นส่วนโลหะขนาดใหญ่หรือเล็กซึ่งดูน่าเกลียด
หลินหลานตกใจมาก
เมื่อดูการรวมกันที่ยุ่งเหยิงและรูปลักษณ์ของเครื่องยนต์ที่น่าเกลียดหลินหลานก็สงสัยว่ารถตู้จะวิ่งได้อย่างไร
“เสร็จแล้ว!”
เมื่อเย่เฟิงใส่ชิ้นส่วนโลหะชิ้นสุดท้ายเขาก็เข้าไปในรถด้วยท่าทางทะเล้น
แต่ครั้งนี้เย่เฟิงนั่งอยู่ในตำแหน่งของคนขับ
หลินหลานยังคงสับสนจนถึงตอนนี้
หลังจากเข้ามาในรถหลินหลานถาม เย่เฟิงด้วยความสงสัยอย่างมากว่า “นายแน่ใจนะ ว่ารถคันนี้ยังใช้งานได้? นายรู้หรือเปล่าว่ามันอันตรายมากที่จะดัดแปลงเครื่องยนต์ด้วยตัวเอง! มันจำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญอย่างมาก!”
ในกลุ่มธุรกิจของหลินหลานนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ ดังนั้นเธอมีความรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับการดัดแปลงเครื่องยนต์
ในสายตาของเธอ เย่เฟิงดูอายุน้อยกว่า 20 เธอคิดว่าไม่มีทางที่เขาจะประกอบรถส่วนใหญ่ได้โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องจักร
‘นี่นายล้อฉันเล่นใช่ไหม’
“เย่เฟิง นี่มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีสำหรับนายที่จะแสดงความสามารถ ตราบใดที่เครื่องยนต์ยังอาจมีปัญหามันอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้! นายรู้หรือเปล่าว่ามันอันตรายแค่ไหน?” หลินหลานบอกกับเย่เฟิงด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยดีนัก
เธอต้องการเกลี้ยกล่อมเย่เฟิง ให้ยอมแพ้ในการไล่ตามรถสปอร์ต มันเสี่ยงเกินไป
แต่หลังจากคำพูดของหลินหลาน รถตู้ทั้งคันก็สั่นสะเทือนไปทั่วด้วยเสียงกระหึ่มราวกับว่าสัตว์ร้ายที่กำลังคร่ำครวญ!
จากนั้นรถตู้ก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยเสียงกระหึ่มดัง
“อ๊า!”
หลินหลานตกใจเมื่อเธอถูกโยนลงที่เบาะนั่งโดยไม่ทันระวังตัว
เธอเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดขณะที่เธอจ้องไปที่แผงหน้าปัดอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
60!
80!
100!
ในชั่วพริบตารถนั้นมีความเร็วเกิน 100 ก.ม. / ช.ม.
หลินหลานเริ่มตะลึง
‘ขึ้นไปแตะถึง 100 กม. / ชม. ใน 1-2 วินาที! เป็น…เป็นไปไม่ได้!‘
หลินหลานไม่เชื่อสายตาของเธอเอง
ลัมโบร์กินี เวเนโน่ ใช้เวลาเพียง 2.8 วินาทีในการทำความเร็ว 100 กม. / ชม. แต่ว่ารถตู้คันนี้ใช้เวลาน้อยกว่า 2 วินาที!
‘นี่มัน…เป็นไปไม่ได้!’
ดวงตาของหลินหลานเกือบกระดอนออกมาจากเบ้าตา
รถตู้ทั้งหมดกำลังเร่งความเร็วด้วยเสียงกระหึ่มดัง
แผงหน้าปัดของฟอร์ดสามารถแสดงความเร็วได้สูงสุดที่ 220 ก.ม. / ช.ม. เท่านั้น ทว่าหลินหลานรู้ดีว่าความเร็วที่แท้จริงตอนนี้มันสูงกว่านั้นแน่ ๆ !
“เป็นไปไม่ได้! มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”
ความเชื่อในชีวิตของหลินหลานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
‘รถตู้มีสมรรถนะเทียบได้กับรถสปอร์ต! นั่น…มันเกินเหตุไปแล้ว!’
จนกระทั่งพวกเขาจะผ่าไป 4 หรือ 5 สี่แยกไฟแดงหลินหลานก็เอ่ยปากว่า “เย่เฟิง! นาย… คุณเพิ่งวิ่งผ่าไฟแดงมา 3 รอบ! นี่จะมีการหักกี่คะแนนเพราะเหตุนี้?”
เมื่อเย่เฟิงผ่านทางแยกเขาไม่ได้รอสัญญาณไฟเลย
เมื่อเธอเห็นภาพของการจราจรที่หนาแน่น หน้าผากของหลินหลานก็มีเหงื่อออกมาอย่างหนัก
หลังจากได้ยินแบบนั้นเย่เฟิงตอบกลับว่า “หักคะแนน! คุณหมายถึงอะไร”
‘คุณหมายถึงอะไร’
หลินหลานเริ่มพูดไม่ออก
“คะแนนที่แนบมากับใบขับขี่ของนายไง! หลังจากผ่าไฟแดง 3 ครั้งคะแนนทั้งหมดของนายจะถูกหัก!”
ทว่าหลังจากได้ยินคำพูดของหลินหลาน เย่เฟิงก็ยักไหล่แล้วตอบอย่างมั่นใจ “ไม่ว่าจะเป็นยังไง ผมไม่มีหรอกใบขับขี่!”
‘อะไรนะ!’
‘ผมไม่มีหรอกใบขับขี่…ไม่มีใบขับขี่…’
หลินหลานรู้สึกทึ่ง
เธอไม่เคยคิดเลยว่าเย่เฟิงจะกล้าขับด้วยความเร็วสูงโดยไม่มีใบขับขี่
ใบหน้าของหลินหลานดูซีดเซียวลงอย่างน่ากลัว
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงคำพูดของเย่เฟิงได้ ในขณะที่เธอตัวสั่นด้วยความกลัว “เย่เฟิงนายไม่ได้…บอกว่านายขับรถไม่เป็นเหรอ? ทำไมนาย…”
หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ เย่เฟิงก็ตอบขณะที่ยิ้มเล็กน้อย “อืม! ผมไม่เคยขับรถมาก่อน แต่ตอนนี้ผมเรียนรู้แล้ว! นี่เป็นครั้งแรกที่ผมขับรถ! แล้วยังไงล่ะ!”
เย่เฟิงเผยเสียงหัวเราะราวกับสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย ขณะที่ดวงตาของเขาก็หรี่ลงคล้ายพระจันทร์เสี้ยว!
หลินหลานแทบจะกระอักเลือด
‘แม่งเอ้ย!’
“นี่เป็นครั้งแรกของนายใช่ไหม!”
หลินหลานรู้สึกหวาดกลัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นว่าเย่เฟิงนั้นเปลี่ยนเกียร์อย่างเงอะงะ เธอเกือบจะสติแตก!
‘พระเจ้า!’
‘นายประกอบเครื่องยนต์ทั้ง ๆ ที่นายขับรถยนต์ครั้งแรกใช่ไหม’
‘นายเหยียบไปมากกว่า 200 ก.ม. / ช.ม. ทั้ง ๆ ที่นายขับรถยนต์ครั้งแรกใช่ไหม’
หลินหลานสบถกับเขาเสียงดัง
‘ฉันต้องตายแน่!’
‘ฉันต้องตายอย่างแน่นอน!’
ในเสี้ยววินาทีหลังของเธอก็เปียกชุ่ม และใบหน้าของเธอดูราวกับเป็นคนป่วย
ทันใดนั้นเย่เฟิงหรี่ตาเล็กน้อยในขณะที่เขาเอ่ยด้วยท่าทางเย็นชาว่า “ในที่สุดฉันก็ตามพวกแกทัน!”
หลังจากได้ยินคำพูดนั้น หลินหลานก็ตกตะลึง เธอรีบมองไปข้างหน้า ลัมโบร์กินีกำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงมาก อยู่ด้านหน้าพวกเขา
หลินหลานก็พูดพึมพำด้วยท่าทางที่ตกตะลึงเช่นกัน “นี่เรา…เราตามพวกมันทันจริง ๆ !”