ตะขอตกปลา? เสื้อผ้า?
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ชายชรา ไป๋ยี่ และชายวัยกลางคนต่างตกตะลึง พวกเขาพบว่าตะขอตกปลายังคงเกี่ยวติดอยู่กับเสื้อผ้าของเย่เฟิง และได้ก่อให้เกิดความเสียหาย
…
ทั้งสามคนจินตนาการไม่ออกเลยว่า ชายแปลกหน้าที่มีความแข็งแกร่งอย่างน่าทึ่งนั้น ห่วงใยเสื้อผ้าของเขาที่สามารถซื้อได้ทั่วไปตามท้องถนน
‘เขา … เขาไม่ใช่ศัตรูหรือ‘
ชายชราพึมพำพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาประสานมือของเขาและโค้งตัวต่อเย่เฟิงด้วยรอยยิ้ม
“สหายน้อย ฉันขอโทษด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น! เนื่องจากเบ็ดตกปลาของฉันได้สร้างความเสียหายต่อเสื้อผ้าของคุณ ฉันจะชดใช้ค่าเสียหายสำหรับเรื่องนี้แน่นอน!”
ในขณะที่ชายชราขอโทษเขาหยิบการ์ดสีดำออกมาและมอบให้แก่เฟิง “สหายน้อย คุณสามารถเอาการ์ดใบนี้ สำหรับเป็นค่าชดเชยของฉันได้เลย!”
ขณะที่ชายชราพูดเขาจ้องมองเย่เฟิง จนกระทั่งเย่เฟิงรับบัตรไป เขาก็มั่นใจว่า
คนแปลกหน้าคนนี้ไม่ใช่ศัตรู!
แต่เมื่อเขาตระหนักว่าชายหนุ่มคนนี้สามารถส่งชายวัยกลางคน ลอยกระเด็นไปโดยการชกเพียงหมัดเดียว หัวใจของชายชราก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น พร้อมกันนั้นเขาจึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “สหายน้อย ฉันขอทราบชื่อของคุณได้หรือไม่? แล้วก็คุณอยากเป็นสหายกับฉันไหม?”
เห็นได้ชัดว่าชายชรากำลังแสดงความสนใจต่อเย่เฟิง ซึ่งนั่นทำให้ไป๋ยี่และชายวัยกลางคนแปลกใจมาก
ไป๋ยี่และชายวัยกลางคนรู้ว่า แม้แต่นายกเทศมนตรีเมืองเจียงซีนั้น ก็ไม่ได้รับความสนใจจากชายชรา
แต่ชายชรากลับต้องการเป็นเพื่อนกับเด็กหนุ่มอายุประมาณ 18 ปี
หากบุคคลชั้นสูงในเมืองเจียงซีรู้เข้า พวกเขาจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามคำตอบของเย่เฟิง แทบจะทำให้ไป๋ยี่และชายวัยกลางคนสำลัก
“ชื่อตระกูลของผมคือเย่! แต่สำหรับการเป็นเพื่อนนั้น…” เย่เฟิง ยักไหล่เล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “คุณไม่มีคุณสมบัติพอ…”
หลังจากที่เอ่ยจบ เย่เฟิงก็จัดเสื้อผ้าของเขาให้เข้าที่แล้วเดินออกไปทิ้งชายชรา ไป๋ยี่และชายวัยกลางคนไว้ท่ามกลางความงุนงง
‘คุณ…ไม่มี…คุณสมบัติ…พอ…’
การตอบสนองที่เรียบง่ายนั้น ทำให้เกิดความแปลกใจ สับสน และงุนงงอย่างมากต่อคนสามคน
ชนชั้นสูงเกือบทุกคนในเมืองเจียงซีต้องการประจบประแจงชายชราผู้นี้ พวกเขาจะรู้สึกเหมือนได้รับรางวัลใหญ่เพียงแค่เพราะพวกเขาได้รับคำชมจากชายชราก็ตาม
ถึงจะอย่างนั้นก็มีเพียง 5 คนในเมืองเจียงซีท่ามกลางประชากรมากกว่า 1 ล้านคนโดยประมาณ ที่เรียกได้ว่าเป็น “สหาย” ของชายชราผู้นี้!
แต่แล้วชายหนุ่มคนนั้น*กลับกล่าวว่าชายชราไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเพื่อนกับเขา!
‘พระเจ้า คุณแม่งเจ๋งจริง ๆ !‘
ในขณะที่คนทั้งสามยังงุนงงไม่หาย เย่เฟิงก็หยุดจากนั้นก็หันเดินกลับมา
เมื่อเห็นท่าทางของเขา ทั้งสามคนก็ตื่นเต้นทันที
‘หรือว่าชายหนุ่มคนนี้เสียใจที่ปฏิเสธในตอนแรก? หรือเขาตกลงที่จะทำความรู้จักกับชายชราหลังจากรู้ตัวว่าพลาดโอกาสไป?’
‘หืมม มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ!‘
ไม่เพียงแต่ชายชราเท่านั้น แม้กระทั่งไป๋ยี่ก็เยาะเย้ยด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง เห็นได้ชัดว่าทุกคนใฝ่ฝันที่จะได้ทำความรู้จักกับชายชรา
เช่นเดียวกับสิ่งที่พวกเขาคาดคิด เมื่อเย่เฟิงหยุดเสียงฝีเท้าของเขาและมองดูชายชราอย่างลึกซึ้ง เขาพูดอย่างจริงจังว่า “คุณดูสดใส ร่าเริง มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง คุณน่าจะเป็น คนที่รวยและสง่างาม…”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ทั้งสามคนก็รู้สึกมีความสุขมาก เมื่อพวกเขามั่นใจว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังประจบชายชรา
อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดต่อมาของเขา ทั้งสามก็ยังสงสัยว่าพวกเขาอาจจะฟังผิด!
“แต่น่าเศร้านะ…คุณกำลังจะตาย!”
…
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเย่เฟิง ทำให้ชายชราและไป๋ยี่เกือบจะล้มลงกับพื้น
ทั้งสามคนตัวแข็งทื่อไปในทันที!
พวกเขาไม่เคยนึกเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะสาปแช่งชายชราให้ตายโดยเฉพาะหลังจากคำประจบ เป็นผลให้พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังถูกเบรกกะทันหันขณะขับรถมาด้วยความเร็วสูง
เมื่อพวกเขารู้สึกตัว ไป๋ยี่และชายวัยกลางคนรู้สึกโกรธ พวกเขาหันมาประจันหน้าและเตรียมพร้อมที่จะเถียงกับเย่เฟิง แต่ว่าพวกเขาถูกชายชราห้ามเอาไว้ก่อน
ถึงอย่างนั้นชายชราก็ดูเคร่งขรึมไปเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะมีอุปนิสัยที่ดีเพียงใด เขาก็ควรจะโกรธแค้นเมื่อถูกสาปแช่งให้ตาย
เย่เฟิงดูเหมือนจะสังเกตเห็นความโกรธของพวกเขา จากนั้นเขาก็ยักไหล่แล้วกล่าวด้วยเสียงเรียบ ๆ
“ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามมันขึ้นอยู่กับคุณ! คุณคือคนที่กำลังจะตาย! และมันไม่ใช่ธุระของผม!”
หลังจากทิ้งคำเหล่านั้นไว้แล้ว เย่เฟิงไม่ได้หันกลับไปมอง และมุ่งหน้าเดินไปทางแม่น้ำอีกสาย
เมื่อเย่เฟิงจากไป ไป๋ยี่ยังคงบ่นอุบพร้อมกับใบหน้าที่ยังคงโมโห
“คุณปู่! ทำไมไม่ให้ฉันด่าเขาสักหน่อย เขาเป็นคนเลวจริง ๆ นอกจากบอกว่าคุณปู่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเพื่อนกับเขา เขายังสาปแช่งให้ตายด้วย! เขาทำให้คุณปู่ต้องขายหน้าและตระกูลไป๋เสื่อมเสียเกียรติ!
ดวงตาที่สวยงามของไป๋ยี่แทบลุกเป็นไฟ!
มันเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับคนแปลก ๆ ที่พูดจาเหลวไหลไร้สาระ แบบนี้!
ชายชราส่ายหัวเล็กน้อย
“ใจเย็น ๆ ก่อน! แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ตัวไม่ได้ใหญ่ แต่ชายหนุ่มผู้นั้นแข็งแรงมาก! เพราะเขาสามารถส่ง ลุงจงให้กระเด็นไปได้ด้วยการชกเพียงครั้งเดียว เขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน!”
ชายชรากล่าวพลาง จ้องมองไปยังทิศทางที่เย่เฟิง จากไปด้วยสายตาที่ขุ่นมัว
“โดยเฉพาะตอนที่เมื่อเขา เข้าใกล้ปู่ ปู่รู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่มาจากดึกดําบรรพ์ และดูเหมือนว่าเขาจะสามารถฆ่าปู่ได้ด้วยนิ้ว เพียงนิ้วเดียว!”
“อะไรนะ?”
ชายชรายังคงพูดต่อไป ซึ่งทำให้ไป๋ยี่ และชายวัยกลางคนตกใจเป็นอย่างมาก
พวกเขาทั้งสองรู้แน่ชัดเกี่ยวกับความสามารถในการต่อสู้ที่สุดยอดของชายชราโดยเฉพาะประสาทรับรู้ที่ยอดเยี่ยมของเขาเกี่ยวกับความอันตรายตรงหน้า
‘ชายหนุ่มคนนั้นอันตรายจริง ๆ เหรอ?’
ไป๋ยี่และชายวัยกลางคนทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบ
นอกจากนี้ชายชรายังเสริมด้วยท่าทางที่ดูว่างเปล่าและน่ากลัวด้วยว่า “ปู่มีความรู้สึกแบบเดียวกันเหมือนครั้งที่ยืนต่อหน้าบุคคลผู้เป็นตำนานของกองกำลังพิเศษ!”
‘บุคคลผู้เป็นตำนานของกองกำลังพิเศษ!’
ชายวัยกลางคนตกใจกับคำพูดของชายชราในพลางเอ่ยถามว่า “นาย…นายท่านหมายถึง จ้าวหมาป่าโลหิต เทพเจ้าของกองทัพเหรอ? เป็น…เป็นไปไม่ได้! จ้าวหมาป่าโลหิต เป็นตำนานในกองกำลังพิเศษ แม้ว่าเขาจะหายตัวไปเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขานั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นอันดับหนึ่งของกองกำลังพิเศษ! แต่หมอนั่นยังเด็กมาก! เขาอยู่ไกลจากการที่จะเทียบกับ จ้าวหมาป่าโลหิต เทพเจ้าแห่งกองทัพ”
ในฐานะแชมป์ของการต่อสู้แบบฟรีสไตล์ของกองกองกำลังพิเศษ ชายวัยกลางคนมักจะมอง จ้าวหมาป่าโลหิต เป็นเหมือนไอดอลของเขา
และแน่นอนหลังจากได้ยินชายชราคนนี้เปรียบเทียบชายหนุ่มที่ดูไม่ค่อยเก่งกับไอดอลของเขา เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ
เมื่อดูการแสดงออกของชายวัยกลาง คนชายชราส่ายหัวในขณะที่เขาก็เริ่มรู้สึกเห็นด้วยว่าเย่เฟิงไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะเอาไปเปรียบเทียบกับจ้าวหมาป่าโลหิตได้
ขณะนั้นเองไป๋ยี่อุทานราวกับว่าเธอได้เห็นอะไรบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อ!
“คุณปู่ ลุงจง ลองมองดูที่ในแม่น้ำนั่น…”
‘หืมม?’
คำพูดที่แสดงความตกตะลึงตกใจของไป๋ยี่ ทำให้ชายชราและลุงจงแปลกใจเล็กน้อย ขณะที่พวกเขารีบหันกลับไปมอง!
ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้ทั้งคู่ตัวแข็งเป็นหิน!
ซากสัตว์เริ่มลอยอยู่เหนือแม่น้ำ
ในพริบตาเดียวน้ำทั้งหมดได้ถูกปกคลุมไปด้วยสัตว์น้ำที่ตายแล้วอย่างหนาแน่น
ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกฆ่าตาย เมื่อเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นผมบนหนังศีรษะของพวกเขาเหมือนกำลังจะลุกซู่ขึ้นมา
“ตายแล้ว…พวกมันทั้งหมดตายแล้ว…”
ลุงจงตกตะลึง
สัตว์น้ำที่ตายแล้วทั้งหมดได้ลอยขึ้นและปกคลุมไปทั้งแม่น้ำ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตมากมายแค่ไหนในแม่น้ำแต่เท่าที่ปรากฏเห็นด้วยสายตาตอนนี้ เดาว่าคงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลือแล้ว
ชายชราดูนิ่งขรึมไปในทันที เขาก้มตัวลงเล็กน้อยและพยายามที่จับปลาที่ตายแล้วขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ
ทันทีที่เขาคว้ามัน ปลาก็หลุดจากมือเขา สลายไปราวกับดินเหนียวผสมน้ำ
เมื่อเห็นอย่างนี้ชายชราตัวสั่นเล็กน้อย
“พลังชีวิตและความแข็งแกร่งของสัตว์น้ำเหล่านี้อาจถูกดูดไปโดยสิ่งที่ลึกลับ! มันแปลกมากเกินไป!”
หลังจากได้ยินคำพูดของคุณปู่ ใบหน้าของไป๋ยี่ก็ซีดจางลง ทันใดนั้นเธอก็จำได้ว่าชายแปลกหน้าคนนั้นพึ่งขึ่นมาจากแม่น้ำ ในตอนนี้เอง ร่างของเธอก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“คุณปู่…หนูจำคนนั้นได้…เขาพึ่งขึ้นมาจากในแม่น้ำ…”
‘อะไรนะ?’
คำพูดของไป๋ยี่ทำให้ชายชราและลุงจงเปลี่ยนสีหน้าอย่างมากเนื่องจากพวกเขาทั้งสองจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น
ชายทั้งสองรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาเหมือนถูกคำสาป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขากับชายหนุ่มคนนั้น ชายชราและชายวัยกลางคนรู้สึกว่าขนทั่วร่างกายลุกอย่างควบคุมไม่ได้ในทันที
“ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชายหนุ่มคนนั้นจริง ๆ ชายผู้นี้ ไม่ควรที่จะทำให้เขาโกรธเคือง! จำไว้!”
ในเสี้ยววินาทีนั้น ชายชรารู้สึกเหมือนเขาจะมีชีวิตเหลืออยู่เพียงไม่กี่ปีด้วยความหวาดกลัวตลอดไป