ในตอนบ่ายข่าวก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียนมัธยมปลายเมืองเจียงซีอย่างรวดเร็วราวกับว่าข่าวนั้นติดปีกบิน —— โค้ชปีศาจ ขายหน้าหน้าหนัก ถูกทุบตีโดยเย่เฟิง!
นั่นทำให้ชื่อเสียงของเย่เฟิงโด่งดังไปทั่วภายในไม่กี่ชั่วโมง!
ครูและนักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนมัธยมปลายเมืองเจียงซีรู้ว่าเย่เฟิงนั้นเป็นเพียงลูกชายนอกสมรสของตระกูลเย่เท่านั้น
และยังมีข่าวว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนเย่เฟิงได้ให้บทเรียนกับจงเฉียงที่หน้าประตูโรงเรียนและสามารถบังคับให้กงหวู่ นักเรียนชายที่มีนิสัยอันธพาลที่สุดของชั้นปีที่ 3 ให้มาคุกเข่าต่อหน้าเขาได้อีกด้วย
และยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ ลิ้นของกงเหวิน นายน้อยรูปหล่อของกระกูลกงก็ได้ถูกตัดออกไปตามคำสั่งของเย่เฟิง
ข่าวดังกล่าวนี้กลายเป็นประเด็นสุดร้อนแรงในโรงเรียนมัธยมปลายเมืองเจียงซีในระยะเวลาอันสั้น
นักเรียนหลายคนถึงกับยกเอาเย่เฟิงมาเป็นไอดอลของพวกเขา และมีนักเรียนบางคนที่มาห้องเรียนของเย่เฟิงเพื่อขอลายเซ็นและรูปถ่ายของเย่เฟิงอีกด้วย
นั่นเป็นผลให้เย่เฟิง ยิ่งกลายเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโรงเรียนมัธยมปลายเมืองเจียงซีเพียงชั่วข้ามวัน!
…
หลังจากสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโรงเรียน เย่เฟิงก็ไปที่ร้านอาหารสไตล์ตะวันตกแห่งหนึ่งในตัวเมือง
‘ทำไมครูฝางถึงอยากจะชวนฉันไปทานอาหารเย็น?’
เมื่อตอนเที่ยง เย่เฟิงได้รับโทรศัพท์จากฝางยิ่งว่าจะเชิญเขาไปทานอาหารเย็น
ดังนั้นเขาจึงรีบเดินออกจากโรงเรียนหลังเลิกเรียนวันนี้
เมื่อเขามาถึงที่ร้านอาหาร เย่เฟิงก็เห็นเปียโนหลังหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลางของร้านอาหาร ขณะที่บรรดาแขกกำลังเพลิดเพลินกับอาหารอยู่รอบ ๆ ร้าน
“ตรงนี้ เย่เฟิง!”
เมื่อเย่เฟิงเข้ามา ฝางยิ่งยืนขึ้นและทักทายเขาที่มุมหนึ่งของร้าน
ด้วยการแต่งกายในชุดเครื่องแบบที่เป็นทางการ แว่นสายตาสีดำ ผมยาวและรูปร่างที่ร้อนแรง ฝางยิ่งดึงดูดสายตาของทุกคนในร้านอาหาร
และเย่เฟิงยังเห็นชายหนุ่มอีกคนในชุดเครื่องแบบสไตล์ตะวันตกและสวมแว่นตา อยู่ข้าง ๆ ฝางยิ่ง
นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ตรงนั้น
โดยรวมแล้ว เย่เฟิงเห็นคนสามคนที่โต๊ะ —— ฝางยิ่ง ชายหนุ่มและผู้หญิงแปลก ๆ
“ครูฝาง!” เย่เฟิงเดินตรงไปที่ด้านหน้าของฝางยิ่งในขณะที่เขาทักทายเธอ
เมื่อเห็นเย่เฟิงตรงหน้า ฝางยิ่งก็รู้สึกหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเธอระลึกได้ว่าเย่เฟิงนั้นได้เคยตบก้นเธอในวันนั้น แต่เธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เชิญนั่งก่อน เย่เฟิง!”
เย่เฟิงยักไหล่ขณะเขาเลือกนั่งลงบนเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่
จากนั้นฝางยิ่งก็เริ่มแนะนำชายใส่แว่นให้กับเย่เฟิง “เย่เฟิงนี่คือ ลี่จือเชียงผู้จัดการทั่วไปของบริษัทนำเข้า-ส่งออก หงไห่!”
หลังจากได้ยินคำพูดของฝางยิ่ง ลี่จือเชียงก็ยื่นมือไปที่เย่เฟิงด้วยรอยยิ้มและกล่าวทักทายเย่เฟิง “ยินดีที่ได้รู้จัก ผมลี่จือเชียง ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทนำเข้า-ส่งออก หงไห่ และยังเป็นผู้ที่หลงไหลในตัวของฝางยิ่ง!”
‘หืมม?’
‘ผู้ที่หลงไหล?’
หลังจากได้ยินคำทักทายของลี่จือเชียง เย่เฟิงก็รู้สึกสับสนเพราะเขาไม่รู้ว่าทำไมชายคนนี้จึงเปิดเผยข้อมูลรสนิยมส่วนตัวออกมา
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ขณะที่จับมือกับลี่จือเชียงเขาแค่พูดว่า “เย่เฟิง!”
คำแนะนำสั้น ๆ ของ เย่เฟิงนั้นทำให้สีหน้าของลี่จือเชียง เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมเล็กน้อยเนื่องจากเขารู้สึกว่า เย่เฟิงนั้นไม่ได้แสดงความจริงใจต่อเขาเลย ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างรู้สึกไม่พอใจ
แต่เย่เฟิงนั้นไม่สนใจว่า ลี่จือเชียงกำลังคิดอะไรอยู่ ขณะที่เขาเอ่ยปากถามฝางยิ่งว่า “ครูฝาง ที่นัดผมมาวันนี้มีธุระอะไรหรือเปล่า ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ฝางยิ่งตอบกลับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “เพื่อนสนิทหญิงของฉัน ต้องการพบเธอ!”
‘เพื่อนสนิทหญิง?’
เย่เฟิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยขณะที่เขามองผู้หญิงที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เขาพยักหน้าให้เล็กน้อย
เปรี๊ยะ!
จากนั้นฝางยิ่ง ก็ดีดนิ้วของเธอออกเพื่อส่งสัญญาณ หลังจากนั้นบริกรก็เดินมาหาพวกเขาพร้อมกับสเต็กชิ้นหนึ่งแล้ววางไว้ตรงหน้าเย่เฟิงด้วยความนอบน้อม
“เย่เฟิง นี่คือทีโบนสเต็กที่ฉันสั่งเป็นพิเศษสำหรับเธอ! สเต็กของพวกเขานั้นดีที่สุดในเมืองเจียงซี เร็วเข้าลองชิมดู!”
ฝางยิ่งปฏิบัติกับเย่เฟิงอย่างกระตือรือร้น เพราะที่ผ่านมาเย่เฟิงเคยช่วยชีวิตของเธอเอาไว้
หลังจากได้ยินคำแนะนำของเธอแล้ว เย่เฟิงก็พยักหน้าขณะที่เขาหยิบส้อมแล้วหั่นเข้าไปที่เนื้อสเต็กก่อนที่จะกินมัน
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยของลี่จือเชียง
“น้องชาย ส้อมและมีดไม่ได้ใช้แบบนั้น! นายไม่สามารถจะกินสเต็กแบบนั้นได้!”
ลี่จือเชียงพูดด้วยอาการดูถูก เนื่องจากเย่เฟิงนั้นดูบ้านนอกในสายตาของเขา และเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะใช้ส้อมกับมีดได้อย่างไร
ลี่จือเชียงพูดต่อด้วยท่าทางตลกขบขัน “นายควรใช้มีดด้วยมือขวาและใช้ส้อมด้วยมือซ้าย จับสเต็กไว้ด้วยส้อมของนาย แล้วค่อยหั่นแบ่งสเต็กออกมาสักชิ้น ก่อนที่จะใส่มันเข้าไปในปากของนาย! นี่เป็นวิธีที่ถูกต้องในการรับประทานอาหารสไตล์ตะวันตก! “
หลังจากพูดลี่จือเชียงก็เบะปากของเขา ขณะที่เขาหันไปคุยกับฝางยิ่งด้วยน้ำเสียงที่ดูหมิ่น “ฝางยิ่ง นี่คงเป็นครั้งแรกของเด็กชายคนนี้ที่เข้ามาในเมือง! เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกินอาหารแบบตะวันตกยังไง!”
เมื่อเขาเห็นว่าฝางยิ่งนั้นปฏิบัติกับเย่เฟิงอย่างกระตือรือร้น เขาก็รู้สึกอิจฉา แน่นอนเขาต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อที่จะโจมตีเย่เฟิงด้วยปากเปล่าและพยายามแสดงตัวตนต่อหน้าฝางยิ่ง
หลังจากได้ยินคำพูดที่แสดงความดูถูกของลี่จือเชียง ฝางยิ่งขมวดคิ้วขณะที่เธอตั้งใจจะโต้แย้งกับเขา
ทันใดนั้น เย่เฟิงก็พูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ขอโทษนะ! ผมมาที่นี่เพื่อกินอาหาร ไม่ได้มาเพื่อโอ้อวดอะไร”
‘อะไรนะ!’
หลังได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ลี่จือเชียงก็ตกตะลึงในไม่ช้า
เขาไม่คาดคิดว่า คนโง่เง่าจากบ้านนอกจะกล้าโต้แย้งกับเขา
“ไอ้เด็กเหลือขอ แกพูดว่าอะไรนะ!”
ใบหน้าของ ลี่จือเชียง เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
เย่เฟิงเผยรอยยิ้มจาง ๆ ขณะที่เขายักไหล่เงียบเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “ผมกำลังกินสเต็ก แค่กินสเต็ก! แต่คุณกำลังคุยโวและโอ้อวด!
“แก…”
ลี่จือเชียงต้องการที่จะชกเย่เฟิงในทันที
แต่เสียงเปียโนที่ไพเราะและมีชีวิตชีวาก็ดังขึ้นขัดจังหวะเอาไว้
ลี่จือเชียงค่อย ๆ นั่งลง แต่อย่างไรก็ตามเขายังคงจ้องมองเย่เฟิงด้วยเจตนาที่ชั่วร้าย
ฝางยิ่งแสดงสีหน้ารังเกียจใส่ลี่จือเชียง
เธอนั้นไม่ต้องการพา ลี่จือเชียงมาเป็นเพื่อนของเธอด้วยเลย แต่เขาเอาแต่ติดตามเธอเหมือนกับแมลงวันที่น่ารำคาญ ดังนั้นเธอมีทางเลือกเดียวเท่านั้น ก็คือพาเขามาด้วย
แต่เธอไม่คาดคิดว่า เขาจะเริ่มที่จะแสดงอาการโอ้อวดข่มคนอื่นเมื่อเขาได้พบกับเย่เฟิง
ฝางยิ่งไม่สนใจลี่จือเชียง ขณะที่เธอยังคงพูดคุยกับเย่เฟิง “เย่เฟิง คนที่เล่นเปียโนคือเพื่อนสนิทหญิงของฉัน”
‘หืมม?’
เย่เฟิงชะงักไปนิดนึง ขณะที่เขาสังเกตเห็นสาวงามคนหนึ่ง กำลังเล่นเปียโนในชุดสีขาวบริสุทธิ์และสะอาดราวกับหิมะ!
ขณะที่เธอกำลังเล่นเปียโนอย่างใจเย็นนั้น โน้ตดนตรีที่ไพเราะแต่ละคีย์นั้น ก็ค่อย ๆ ลอยเข้ามาในหูของทุก ๆ ในร้านอาหารแห่งนี้
ราวกับเสียงของคริสตัลเนื้อดี ที่ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหลงใหล!
เสียงเพลงที่ไพเราะและสาวงามที่กำลังบรรเลง มันเป็นภาพที่สวยงามอย่างมากซึ่งดึงดูดสายตาของทุกคน และเมื่อเพลงจบลงเธอก็ได้รับเสียงปรบมือดังก้องไปทั่วร้านอาหาร
หลังจากได้ฟังเพลงนี้ลี่จือเชียงก็พูดกับเย่เฟิงอย่างแดกดัน “เย่เฟิง มองดูแล้ว นายคงจะต้องไม่เคยได้ยินเสียงแกรนด์เปียโนมาก่อน! นายรู้สึกยังไงบ้าง?”
เห็นได้ชัดว่าลี่จือเชียงต้องการที่จะจี้ในจุดนี้ของเย่เฟิง
เย่เฟิงใจเย็นและมองไปที่ลี่จือเชียงราวกับว่าเขากำลังมองคนโง่ เขาไม่สนใจที่จะตอบคำถามของลี่จือเชียง
เมื่อเห็นเย่เฟิงแสดงท่าทางแบบนั้น ใบหน้าของ ลี่จือเชียงนั้นดูมืดมนลงอย่างมาก
จากนั้นเสียงฝีเท้าก็เดินมาทางเขา เขาเห็นสาวงามในชุดสีขาวกำลังเดินมาที่นี่ จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ นั่งลงข้าง ๆ เย่เฟิงในขณะที่เธอยิ้มพร้อมกับพูดว่า “เธอคงเป็นเย่เฟิง ? เธอรู้สึกยังไงบ้าง กับการเล่นเปียโนของฉัน ?”
สาวงามในชุดขาวเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย่อหยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเธอต้องการให้นักเรียนที่ไม่เชื่อฟังคนนี้ของฝางยิ่งกล่าวชื่นชมเธอ
เย่เฟิงเข้าใจในทันทีว่าเป็นสาวงามในชุดสีขาวคนนี้ที่ต้องการพบเขา
“คุณอยากได้ยินมันจริง ๆ เหรอ ?” เย่เฟิง ถามอย่างลังเล
เมื่อดูท่าทางที่ลังเลของเขาไม่เพียงแต่ลี่จือเชียงและสาวงามในชุดสีขาว แต่แม้แต่ฝางยิ่งเองก็เริ่มสนใจในคำตอบของเขา
“พูดมาเลย!”
ฝางยิ่งเผยรอยยิ้มขณะที่เธอต้องการได้ยินความคิดเห็นของคนที่ลึกลับมากเช่นเขา
อย่างไรก็ตามคำตอบสั้น ๆ ของ เย่เฟิง นั้นทำให้ทุกคนตัวแข็งทื่อ!
“ขยะ!”