‘ทำไม…ทำไมฉันถึงร้องไห้ออกมา? ฉันไม่ได้อยากจะเศร้า ฉันไม่ได้อยากจะร้องไห้! แต่ทำไมใบหน้าของฉันถึงเต็มไปด้วยหยดน้ำตา… ‘
ใบหน้าของลี่จือเชียงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่อยากร้องไห้ ยิ่งเป็นการร้องไห้เนื่องจากเปียโนของเย่เฟิงแล้ว เขายิ่งไม่ต้องการ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้มันออกมา
ใบหน้าที่งดงามของฝางยิ่งก็เต็มไปด้วยคราบน้ำตา และดวงตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความสับสน
‘ฉันได้เห็นชายคนหนึ่งที่ประสบกับความยากลำบากมามากมาย และเขาก็คิดถึงผู้หญิงอันเป็นที่รักกับเหล่าพี่น้องของเขา…นั่นมันช่างเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน!’
‘มันเป็นท่วงทำนองแห่งวิญญาณ! โอ้พระเจ้า! เขา… กำลังบรรเลงท่วงทำนองแห่งวิญญาณ! ชายคนนี้มัน…’ ดวงตาที่สวยงามของฉินเสวียก็เต็มไปด้วยน้ำตาเช่นกัน เธอนั้นแทบไม่เชื่อสายตาและหูของเธอเอง
ไม่เพียงแค่พวกเขาสามคน ลูกค้าคนอื่น ๆ ก็ดื่มด่ำกับการเล่นเปียโนครั้งนี้อย่างเต็มที่
พวกเขาทั้งร้องไห้และหัวเราะไปกับโน้ตดนตรีราวกับว่าเพลงนั้นแต่งมาจากทั้งชีวิตและทั้งโลกของเขา!
เมื่อโน้ตดนตรีตัวสุดท้ายจากแกรนด์เปียโนนั่นสิ้นสุดลง ทั้งร้านอาหารก็ตกอยู่ในความเงียบสนิท!
ทุกคนในร้านอาหารจับจ้องไปที่เย่เฟิงอย่างเงียบ ๆ
เย่เฟิงรู้สึกแปลก ๆ กับสายตาเหล่านั้น ขณะที่เขายกมือขึ้นเกาหัวแล้วพูดอย่างขวยเขิน “เอ่อ… มีอะไรผิดปกติกับเพลงของผมเหรอ ?”
คำพูดนั้นเหมือนก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบอันเงียบสงบ คำพูดของเย่เฟิงปลุกทุกคนในร้านอาหารขณะที่พวกเขาเด้งตัวยืนขึ้นมาและตบมืออย่างบ้าคลั่ง
แปะ! แปะ! แปะ!
ทุกคนปรบมือให้เย่เฟิง ด้วยสายตาแห่งความชื่นชม
“เยี่ยมมาก! โอ้พระเจ้า! ช่างเป็นการเล่นเปียโนที่สุดยอดจริง ๆ! เหมือนจิตวิญญาณของฉันเต้นไปพร้อมกับโน้ตดนตรี!”
“ใช่! เหลือเชื่อ! ฉันได้เข้าชมคอนเสิร์ตมากมาย แต่นี่เป็นการเล่นเปียโนที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมา!”
“…”
ลูกค้าทุกคนตบมืออย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามือของพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดง พวกเขาก็ไม่สนใจเพราะพวกเขาต้องการที่จะส่งเสียงปรบมืออย่างแรงกล้านี้ไปให้กับเย่เฟิง
เย่เฟิง เดินกลับมาที่ฝางยิ่ง ฉินเสวีย และลี่จือเชียงด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
ฝางยิ่ง และฉินเสวีย ก็ยืนขึ้นและปรบมือให้กับเย่เฟิงด้วยความชื่นชมอย่างมาก
มีเพียงลี่จือเชียงเท่านั้น ที่ดูสิ้นหวังเมื่อเขาบ่นว่า “ฮึ! เขาก็แค่โชคดี!”
ลี่จือเชียง นั่งมองไปที่เย่เฟิงด้วยความเกลียดชังที่มากกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้เขาต้องการที่จะดูว่าเย่เฟิงจะทำตัวเองให้โง่ได้อย่างไร แต่เขาไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงจะทำผลงานได้ดีเกินคาดและได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม และแน่นอนลี่จือเชียงก็ไม่พอใจอย่างมาก!
จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ เดินใกล้เข้ามา
“อาจารย์หลิง!”
“ท่านอาจารย์!”
ฝางยิ่งและฉินเสวียต่างก็ตกใจ
หลังจากดูอาจารย์หลิงที่กำลังเดินเข้ามาแล้วเย่เฟิงก็คิดว่า ‘อาจารย์หลิงคงต้องการจะรับเขาไปเป็นลูกศิษย์ หลังจากรับรู้ถึงศักยภาพอันยอดเยี่ยมของเขาในด้านดนตรีเหรอ ?’
ไม่เพียงแต่ฝางยิ่งและฉินเสวียเท่านั้น ลี่จือเชียงก็คิดแบบนั้นเช่นกัน ดังนั้นเขายังคงพูดพึมพำว่า เย่เฟิงโชคดีเกินไปแล้ว
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความคิดเงียบ ๆ อาจารย์หลิง ก็เอ่ยปากพูดว่า “นายน้อย ผมชื่อหลิงฉางเฟิงประธานสมาคมเปียโนแห่งประเทศจีน! ผมมีคำขอที่อาจจะดูบุ่มบ่ามเกินไปหน่อย หวังว่าคุณจะยอมรับและช่วยผม!”
‘อาจารย์หลิงต้องการให้เย่เฟิงไปเป็นลูกศิษย์ของเขาแน่ ๆ เลย’ ฝางยิ่งสบตาถามความเห็นกับฉินเสวีย เนื่องจากพวกเขาคิดว่าสิ่งที่พวกเขาคิดนั้นมันต้องใช่แน่
อย่างไรก็ตามสิ่งที่อาจารย์หลิงพูดต่อไปนี้ทำให้ ฝางยิ่งและฉินเสวียตัวแข็งกลายเป็นหิน!
“เอ่อ… ผมขอให้คุณเป็นอาจารย์ของผมได้ไหม” อาจารย์หลิงถามเย่เฟิง ในขณะที่ดวงตาของเขาดูเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า!
‘อะไรนะ!’
ฝางยิ่ง ฉินเสวียและลี่จือเชียง ล้วนแต่ตกตะลึงจนตาค้าง
ทุกคนที่อยู่ในร้านอาหารก็ตกตะลึงเช่นกัน
‘นักเปียโนที่เก่งที่สุดในประเทศจีน ต้องการให้ชายหนุ่มเป็นอาจารย์ของเขา’
‘เป็น…เป็นไปไม่ได้!’
ทุกคนต่างสงสัยในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้ยิน พวกเขาทั้งหมดคิดว่ามันเป็นอาการหูฝาด
“นายน้อย ความสามารถทางเปียโนของคุณสามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของผู้คนได้โดยตรง โปรดให้โอกาสผมด้วย โปรดให้ผมได้เป็นลูกศิษย์ของคุณ!”
อาจารย์หลิงอธิบายเพิ่มเติมด้วยความชื่นชมอย่างลึกซึ้ง
หลังจากที่เขาพูด เขาก็โค้งคำนับเย่เฟิงอย่างมาก!
ทั้งร้านอาหารตกอยู่ในความโกลาหล
“โอ้พระเจ้า! ประธานสมาคมเปียโนแห่งประเทศจีนและนักเปียโนที่เก่งที่สุดในประเทศจีน ต้องการให้ชายหนุ่มคนนั้นเป็นอาจารย์ของเขา นี่มันช่างเหลือเชื่อ!”
พวกเขารู้ว่าเย่เฟิงจะต้องตอบตกลงกับเขาแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วมันถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับเย่เฟิงที่ได้นักเปียโนที่เก่งที่สุดในประเทศจีนมาเป็นศิษย์ของเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉินเสวียที่มุมปากของเธอกระตุกเล็กน้อย
อาจารย์ของเธอคืออาจารย์หลิง หากเย่เฟิงกลายเป็นอาจารย์ของอาจารย์หลิง ฉินเสวียก็จะกลายเป็นศิษย์หลานของเย่เฟิง!
เมื่อเธอนึกถึงคำว่าศิษย์หลาน และใบหน้าที่ยังเด็กของเย่เฟิง ฉินเสวียก็เกือบจะร้องไห้ออกมา
“ผมขอโทษนะ แต่คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นลูกศิษย์ของผม!”
ตอนนั้นเองที่คำพูดของเย่เฟิงทำให้ทุกคนต่างตกใจ!
‘เขาปะ…ปฏิเสธ’
‘ไม่มีทางน่า!’
ไม่มีใครคาดคิดได้ว่าเย่เฟิงจะปฏิเสธคำขอของอาจารย์หลิงและพวกเขาก็ไม่นึกว่าคำตอบจะโหดร้ายเช่นนี้
‘เชี่ย! เขาแม่งเกินไปแล้ว!’
“คุณแก่เกินไปและคุณหมดศักยภาพไปแล้ว ฝีมือของคุณมันอยู่ตัวแล้วและก็แทบจะไม่สามารถพัฒนาใด ๆ ได้! แต่หากคุณสามารถทำลายกุญแจมือทางความคิดของคุณและให้ความสำคัญกับการปรับแต่งท่วงทำนองมากกว่าการเล่นเปียโน คุณก็อาจจะมีความคืบหน้า แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!”
เย่เฟิงพูดอย่างใจเย็นขณะที่เขาสบตาอาจารย์หลิง
‘ให้ความสำคัญกับการปรับแต่งท่วงทำนองมากกว่าการเล่นเปียโน!’
อาจารย์หลิงราวกับได้รับทางสว่างในทันที เขาเผยท่าทางที่มีความสุข
“ผมเข้าใจแล้ว ฮ่า ฮ่า… ผมเข้าใจแล้ว!”
จากนั้นอาจารย์หลิงมองไปที่เย่เฟิง ก่อนที่จะโค้งคำนับให้เขา และพูดอย่างเคร่งขรึม “ขอบคุณมากสำหรับการทำให้ผมรู้แจ้งนะนายน้อย! แม้วันนี้ผมจะสมองทึบไปแล้ว แต่ผมก็จะถือว่าท่านเป็นครูของข้า!”
จากนั้นอาจารย์หลิงหันหลังกลับ แล้วออกจากร้านอาหารไป
ทุกคนในร้านอาหารรู้สึกตกใจมากอีกครั้ง
พวกเขาจับจ้องอยู่ที่เย่เฟิงด้วยความชื่นชมอย่างมาก
เย่เฟิงเป็นบุคคลแรกที่สามารถทำให้อาจารย์หลิงยอมอ่อนข้อได้ หากข่าวนั้นถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนมันจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดความแปลกใจไปทั่วประเทศอย่างแน่นอน!
ฝางยิ่งและฉินเสวีย ทั้งคู่เผยรอยยิ้มเจื่อน ๆ เนื่องจากพวกเขาไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงจะสามารถเล่นเปียโนได้ดี
ในสายตาของฝางยิ่ง เย่เฟิงเป็นบุคคลปริศนา!
เขาเป็นคนที่ลึกลับมาก
ฉินเสวียเผยรอยยิ้มอันขมขื่นเพราะเธอไม่คาดคิดว่าเธอจะมีอาจารย์ของอาจารย์หลังอาหารเย็นมื้อนี้!