เพียะ!
เสียงตบนั้นดังและชัดเจน!
สมาชิกทุกคนของตระกูลไป๋แทบจะคลั่ง
พวกเขาไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงจะทำให้ชายชราต้องเสียเกียรติด้วยการตบหน้าของเขา โดยเฉพาะเมื่อเขาใกล้ความตายแบบนี้!
“ไอ้เวร!”
ไป๋กังรู้สึกโมโหมาก เขารีบพุ่งตัวไปข้างหน้าโดยตั้งใจที่จะจัดการกับเย่เฟิง
แต่ว่าเขากลับถูกเตะกลับมาอย่างแรง!
ปัง
ไป๋กังลอยไปกระแทกกำแพงก่อนที่ร่วงลงบนพื้น และนั่นทำให้เขากระอักเลือดออกมาอย่างหนัก
“ถ้านายต้องการให้ปู่ของนายตาย นายจะวิ่งเข้ามาอีกรอบก็ได้นะ!” เย่เฟิงตวาดขณะที่เขามองตรงไปที่ดวงตาของไป๋กัง
‘อะไรนะ!’
ไป๋กังประหลาดใจ
‘ชายคนนี้หมายความว่ายังไง’
‘เขาช่วยปู่ของฉันด้วยการตบหน้าเขาอย่างนั้นเหรอ ?’
‘เป็นไปไม่ได้’
ไม่เพียงแต่ไป๋กังเท่านั้น แต่คนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจและประหลาดใจกับคำพูดของเย่เฟิง
โดยเฉพาะหมอสูงวัย เขาคำรามใส่เย่เฟิงลั่น ทั้งหนวดและเคราของเขากระตุกด้วยความโกรธ “ไร้สาระ! มันช่างไร้สาระมาก ตั้งแต่สมัยก่อน ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีใครรักษาคนด้วยการตบหน้าพวกเขา แกแค่ต้องการเล่นตลกและทำร้ายร่างกายของชายชราเท่านั้น! “
หมอสูงวัยถามไป๋เจิงกัวว่า “คุณไป๋ คุณยอมให้เด็กเมื่อวานซืนทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้อย่างไร ?”
หลังจากได้ยินคำถามของหมอ ใบหน้าของไป๋เจิงกัวเปลี่ยนเป็นเครียดเคร่งขึ้นมาทันที เพราะเขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะปฏิบัติต่อพ่อของเขาแบบนี้
เมื่อมองดูท่าทางที่ลังเลของไป๋เจิงกัว เย่เฟิงก็เปิดเผยความไม่พอใจออกมา แล้วพูดว่า “คุณไป๋ นี่มันขึ้นอยู่กับคุณ! ถ้าคุณไม่ต้องการรับการรักษาจากผม ผมจะไปจากที่นี่ทันทีและชายชราจะตายในไม่ช้า! แต่หากคุณต้องการความช่วยเหลือของผม ราคามันจะเป็น 10 ล้านหยวนสำหรับการตีหนึ่งครั้ง! “
‘อะไรนะ!’
สมาชิกทั้งหมดของตระกูลไป๋ ต่างตกใจอีกครั้งกับคำพูดของเย่เฟิง
“10 ล้านหยวนต่อการตีหนึ่งครั้ง ?”
‘นั่น…เป็นไปไม่ได้!’
‘ตบหน้าชายชราและยังกล้าจะเรียกร้องเงิน’ พวกเขาไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายเหมือนเย่เฟิงมาก่อน
ไป๋เจิงกัวกำหมัดของเขาแน่น ในขณะที่เขารู้สึกสับสนมาก
เขาไม่เชื่อในตัวของเย่เฟิงเลย แต่พ่อของเขาได้บอกเขาว่ามีแต่เย่เฟิงเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาได้ก่อนที่เขาจะนอนแน่นิ่งไปแบบนี้
แต่ในตอนนี้…
ไป๋เจิงกัวลังเลใจอย่างมาก
ถ้าเย่เฟิงสามารถรักษาโรคของชายชราได้จริง เขาสามารถยอมจ่ายราคาที่เย่เฟิงเรียกร้องได้
แต่ถ้าเย่เฟิงไม่สามารถช่วยพ่อของเขาได้ ตระกูลไป๋ก็จะเสียศักดิ์ศรี เสียหน้าและยังเสียเงินของพวกเขาไป การสูญเสียชื่อเสียงนั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อตระกูลไป๋ หากพวกเขาสูญเสียชื่อเสียงของพวกเขาไป ตระกูลไป๋อาจกลายเป็นเรื่องตลกที่สร้างเสียงหัวเราะไปทั่วเมืองเจียงซี!
เมื่อดูการแสดงออกของ ไป๋เจิงกัว ใบหน้าของไป๋ยี่นั้นซีดเล็กน้อยขณะที่เธอเดินไปหาเย่เฟิงและบอกกับเขาว่า “ฉันเชื่อในตัวนาย เย่เฟิง!”
‘หืมม?’
หลังจากได้ยินคำพูดของไป๋ยี่ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึงในทันที
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมไป๋ยี่ จึงมีความมั่นใจอย่างมากในตัวของเย่เฟิง
ไป๋ยี่เพิกเฉยต่อคำพูดหรือสายตาของคนอื่น ขณะที่เธอมองตรงไปยังดวงตาทั้งคู่ของเย่เฟิงและพูดออกมาอีกครั้งว่า “เย่เฟิงฉันเชื่อมั่นในตัวนาย”
หลังจากได้ยินคำพูดของไป๋ยี่ ไป๋เจิงกัวก็ตัดสินใจในที่สุด
“ได้! ฉันให้คำสัญญากับคุณ เย่เฟิง! 10 ล้านหยวนต่อการตีหนึ่งครั้ง!”
…
หลังจากได้ยินคำพูดของไป๋เจิงกัว ทั่วทั้งสมาชิกของตระกูลไป๋ก็ตกอยู่ในความโกลาหล
หมอสูงวัยส่ายหัวและถอนหายใจด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “โกหก! เขาเป็นหมอที่ผิดกฎหมาย เป็นคนโกหก! เฮ้อ! พวกนายทุกคนช่างโง่เง่า
ในสายตาของหมอสูงวัย เย่เฟิงเพียงแค่ต้องการก่อกวนและสร้างความเสื่อมเสีย
‘แค่ดูว่าเขาอายุน้อยแค่ไหน เด็กคนนี้คงไม่เคยรักษาโรคอะไรได้เลย! ไม่เคย!’
หมอสูงวัยจ้องมองเย่เฟิงแล้วพูดว่า “เด็กน้อย ถ้านายสามารถรักษาโรคของชายชราได้ ฉันซู่กวงจะยกย่องให้นายเป็นอาจารย์ของฉันเลย! แต่ถ้านายรักษาเขาไม่หายนายจะต้องติดคุก!”
ซู่กวงเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศจีนในฐานะรองประธานของสมาคมวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนโบราณแห่งชาติและเป็นแพทย์ของประจำตระกูลใหญ่ ๆ จำนวนมากในเมืองหลวง
คนอื่น ๆ ต่างตกใจกับคำพูดของซู่กวง
แต่เย่เฟิงเพียงแค่เผยเสียงเย้ยหยัน “ตาแก่ นายไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นลูกศิษย์ของฉัน!”
‘อะไรนะ!’
คำตอบของเย่เฟิง ช่างน่าอวดดีจนทำให้ทุกคนในห้องตัวแข็งทื่อ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซู่กวง ใบหน้าของเขาเป็นสีแดงเหมือนตับหมูเนื่องจากความโกรธและอับอาย
แต่เย่เฟิงไม่สนใจความคิดของพวกเขา เขาลงมือตบหน้าชายชราอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า!
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
เสียงตบแต่ละครั้งช่างดังและชัดเจน
สมาชิกของตระกูลไป๋ทำได้เพียงแค่กระพริบตาปริบ ๆ
‘เขากล้าตบหน้าชายชราด้วยวิธีที่โหดร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร! หากการรักษานี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนมันจะต้องกลายเป็นข่าวดังไปทั่วเมืองเจียงซีแน่’
นอกจากนี้พวกเขา ยังเห็นว่าแก้มของชายชรานั้นเป็นสีม่วงและบวม
ดังนั้นสมาชิกทุกคนของตระกูลไป๋ก็ยิ่งโมโหมากขึ้น
ทุกครั้งที่เขาตบลงไป หมอกสีดำก็ค่อย ๆ ปรากฏออกมาจากแก้มของชายชรา
นอกจากนี้ใบหน้าที่เคยซีดของเขาก็เริ่มมีสีเลือดมากขึ้น
เพียะ!
เมื่อตบอีกครั้งชายชราก็ผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมกับพ่นเลือดสีดำออกมา
‘เขาฟื้นแล้วเหรอ ?’
ทุกคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ต่างตกตะลึง
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเลือดสีดำพุ่งออกมาอีกสองสามครั้ง ใบหน้าของชายชราก็ค่อย ๆ เริ่มเป็นปกติ
ด้วยท่าทางที่งุนงงเขาสัมผัสกับแก้มที่บวมช้ำของเขาและถามว่า “มีใครบางคนตบหน้าฉันในความฝัน”
สมาชิกทุกคนของตระกูลไป๋ ไม่มีใครพูดอะไร เพราะพวกเขากำลังจ้องไปที่เย่เฟิงพร้อมอ้าปากค้าง
แต่พวกเขาก็พบว่าเย่เฟิงมีสีหน้าเป็นปกติ ราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซู่กวงกระโจนออกเข้าไปหาชายชราแล้วถามว่า “นายท่าน รู้สึกอย่างไรบ้าง ?”
“รู้สึก…” ชายชราก็ตกตะลึงในทันทีขณะที่เขาเบิกตากว้าง “ฉัน… ฉันรู้สึกเหมือนฉันมีกำลังไม่จำกัด! อาการเจ็บป่วยเก่า ๆ ทั้งหมดของฉันอาจจะหายเป็นปกติแล้ว…”
‘ว่าไงนะ!’
ซู่กวงตกใจกับคำพูดของชายชรา ขณะที่เขารีบดึงเครื่องมือจากมุมห้องและช่วยชายชราตรวจสภาพร่างกายของเขา
ในขณะที่เขาทำการตรวจสภาพร่างกาย ซู่กวงเกือบฉีกหนวดเคราของตัวเองด้วยความตกใจ “เหลือ…เหลือเชื่อ! ชีพจรปกติ อัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ ความดันโลหิตเป็นปกติ…”
ซู่กวงเริ่มรู้สึกตกใจมากขึ้นเมื่อเขากล่าวว่า “ไม่มีทาง! อาการบาดเจ็บเก่า ๆ ทั้งหมดได้หายไป สภาพร่างกายของท่านสามารถเทียบได้กับชายวัยกลางคนได้เลย! นั่นมัน…ไม่น่าเชื่อ!”
…
หลังจากได้ยินคำพูดของซู่กวง สมาชิกทุกคนของตระกูลไป๋ก็ตกตะลึงอีกครั้ง
คนที่กำลังจะตายก็สามารถฟื้นตื่นขึ้นมาได้ทันทีและร่างกายทั้งหมดของเขายังเทียบได้กับชายวัยกลางคน
‘แม่งโคตรไม่น่าเชื่อ!’
ถ้าหากพวกเขาไม่เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาก็คงจะไม่เชื่อเช่นกัน
ในเสี้ยววินาทีใบหน้าของสมาชิกทุกคนของตระกูลไป๋ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่เย่เฟิง การแสดงออกของพวกเขาทั้งซับซ้อนผสมกับมีความสุข
ในสายตาของพวกเขา เย่เฟิงเป็นเหมือนกับพระเจ้า
จากนั้นเมื่อมีเสียงอู้อี้ของซู่กวง ขณะที่เขาคุกเข่าลงต่อหน้าเย่เฟิง จากนั้นเขาก็พูดว่า “นายน้อย นี่มันเป็นความผิดของผม! ผมได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่! ผมมันตาบอด! โปรดยอมรับผมในฐานะลูกศิษย์ของคุณด้วย!”