เหลือเชื่อ! นี่มันโคตร…เหลือเชื่อ!
เมื่อเหล่าคนในตระกูลไป๋ได้ยินเสียงอุทานของชายชรา ทุกคนก็ตกตะลึงในทันที
พวกเขาพบว่าชายชราจ้องดูที่หนังสือมรดกด้วยความดีใจอย่างมาก
ไป๋เจิงกัว ก็ประหลาดใจเช่นกันเพราะเขาไม่เคยคิดว่าพ่อของเขาจะอุทานออกมาแบบนี้ จากนั้นไป๋เจิงกัวก็ถามชายชราด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พ่อมันเป็นยังไงเหรอ ?”
“โอ้พระเจ้า เขาจะต้องเป็นเทพเจ้าแน่นอน!”
ในที่สุดชายชราก็ขยับสายตาของเขาออกไปจากหนังสือมรดก ไปจับจ้องเย่เฟิงด้วยความเคารพอย่างสูงพลางกล่าวว่า “หลังจากที่ฉันได้ลองมหาเวทย์สวรรค์โลกาเวอร์ชั่นใหม่ พลังฉีของฉันราบรื่นและสบายตัวอย่างมาก ฉันรู้สึกราวกับว่าฉันได้รับการรักษาจากพลังชีวิตของห้วงจักรวาล แม้แต่รอยแผลเป็นตามตัวของฉันก็หายไปทั้งหมด นั่นมัน…เกินจินตนาการเอาไว้มาก!”
‘อะไรนะ!’
หลังจากได้ยินคำพูดของชายชรา ทุกคนในห้องก็ตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไป๋เจิงกัวผู้ฝึกมหาเวทย์สวรรค์โลกามาเป็นเวลาช้านาน เขาได้ลองเวอร์ชั่นใหม่พร้อมกับสีหน้าที่เหลือเชื่อ
จากนั้นเขาก็โคจรพลังฉีของเขาตามกฏใหม่ในหนังสือ
“โอ้โห… มันรู้สึกสบายตัวมาก!”
ไป๋เจิงกัวหลับตาอย่างพึงพอใจ
หลังจากนั้นเขาก็พับแขนเสื้อขึ้น และพบว่ารอยแผลเป็นบนแขนของเขานั้นจางหายไปอย่างรวดเร็ว
…
ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างสับสน
‘นั่นมันผิดหลักวิทยาศาสตร์!’
“ไม่น่าเชื่อ! ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นหลังจากโคจรพลังฉีของฉันตามการฝึกฝนแบบใหม่ และมันหมุนเวียนได้รวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า!”
ไป๋เจิงกัวดูตกใจราวกับว่าเขาเพิ่งเห็นผีขณะที่เขายังพูดต่อว่า “นอกจากนี้ อาการบาดเจ็บเก่า ๆ ของฉันก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรอีกต่อไปแล้ว…”
หลังจากได้ยินความเห็นของชายชราและไป๋เจิงกัวต่อหนังสือมรดกที่เย่เฟิงแก้ไขแล้ว สมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลไป๋ก็ตัวแข็งทื่อไป
พวกเขามองดูเย่เฟิงด้วยสายตาที่เหมือนมองดูเทพเจ้า
แม้ว่าพวกเขาจะเทิดทูนหนังสือต้นฉบับเล่มนี้ ที่เย่เฟิงมองว่าเป็นแค่ขยะ
แต่หลังจากแก้ไขหนังสืออย่างง่าย ๆ แล้ว เย่เฟิงก็สามารถทำให้มันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนได้
ในตอนนั้นเองไป๋เจิงกัว โบกมือไปหาลูกน้องคนหนึ่งของเขา หลังจากนั้นทนายความคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบสไตล์ตะวันตกก็ได้มอบการ์ดของธนาคารและเอกสารฉบับหนึ่งให้กับไป๋เจิงกัว
หลังจากรับพวกมันมา ไป๋เจิงกัวมองเย่เฟิงด้วยความชื่นชมอย่างมาก ขณะที่เขาพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น “คุณเย่ ผมขอขอบคุณคุณมากที่ช่วยพ่อของผมและตระกูลไป๋!”
จากนั้นไป๋เจิงกัวก็มอบการ์ดธนาคารและเอกสารนั้นให้กับเย่เฟิงโดยอธิบายว่า “นี่คือการ์ดเงินสดของธนาคารมีมูลค่า 200 ล้านหยวนนี่คือค่าตอบแทนของคุณ! และนี้เป็นเอกสารข้อตกลงการโอนของกลุ่มธุรกิจคราวน์ ที่เคยอยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลไป๋! คุณเพียงแค่ต้องเขียนลายเซ็นของคุณลงไปและมันก็จะกลายเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของคุณ! “
‘อะไรนะ!’
ซู่กวงตกใจมาก
‘200 ล้านหยวน!’
‘รวมทั้งกลุ่มธุรกิจคราวน์ทั้งหมด!’
ซู่กวงรู้แน่ชัดเกี่ยวกับมูลค่าของกลุ่มธุรกิจคราวน์ ก่อนหน้านี้เคยมีนักธุรกิจที่ร่ำรวยในภาคใต้ของจีนได้ทำการขอซื้อกลุ่มธุรกิจคราวน์ ด้วยเงินหลายพันล้านหยวน แต่ตระกูลไป๋ก็ได้ปฏิเสธมันไป
ทว่าตระกูลไป๋กลับมอบของขวัญที่เป็นเหมือนเค้กชิ้นใหญ่ให้กับเย่เฟิงโดยตรง
…
แต่เมื่อเขานึกถึงว่าทุกสิ่งที่เย่เฟิงได้ทำเพื่อช่วยตระกูลไป๋ เขาก็เริ่มสงบจิตใจของเขาได้มากขึ้น
‘ดูเหมือนว่านายน้อยของฉันจะลึกลับกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้!’
ซู่กวงได้ตัดสินใจแล้วว่าเขานั้นจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเย่เฟิงเพื่ออนาคตที่สดใสและไม่มีที่สิ้นสุดของเขา
ทว่าอีกฝั่งหนึ่ง เย่เฟิงกลับดูสงบนิ่งเหมือนอย่างเคย
แม้ว่าการแก้ไขมหาเวทย์สวรรค์โลกาขึ้นมาใหม่จะมีมูลค่ามากกว่ากลุ่มธุรกิจคราวน์ทั้งหมด
เขาก็ตัดสินใจรับการ์ดใบนั้นและลงชื่อในเอกสารทันที
…
ช่วงเวลาค่ำ ๆ !
ชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้พับและเพลิดเพลินกับชาของเขาอย่างเงียบ ๆ ในบ้านพักขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของเมืองเจียงซี
นอกจากใบหน้าที่หล่อเหลาและรูปร่างที่เพรียวบางของเขาแล้ว เขายังมีนิ้วที่ละเอียดอ่อนเหมือนกับผู้หญิง
แต่อย่างไรก็ตามถ้ามีใครเห็นเขาเข้า คนพวกนั้นก็จะกลัวจนเหงื่อออกเพราะเขาคือกงหยุ่นเฟย นายน้อยผู้ชั่วร้ายและเป็นหนึ่งในสี่นายน้อยที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองเจียงซี!
และเขายังเป็นหนึ่งในนายน้อยที่ลึกลับที่สุดในเมืองเจียงซีด้วยเช่นกัน
หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วห้อง กงหยุ่นเฟยเอ่ยปากถามอย่างใจเย็นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา “เป็นยังไงบ้าง สิงโตระห่ำ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ชายฉกรรจ์ที่ดูแข็งแกร่งนั่นก็หยุดเดินลงที่ด้านข้างของกงหยุ่นเฟยในขณะที่เขาคุกเข่าลงพร้อมโค้งคำนับแล้วตอบว่า “นายน้อย! ผมเพิ่งได้รับข่าวจากตระกูลกง! เมื่อช่วงกลางวันนายน้อยกงเหวินถูกตัดลิ้นของเขาจนขาด”
‘หืมม?’
หลังจากได้ยินคำพูดของสิงโตระห่ำ กงหยุ่นเฟยก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะที่ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็เป็นประกายออกมาพลางพูดพึมพำว่า “ต้องเป็นมันแน่ ๆ !”
“ใช่แล้ว! นายน้อย! นายน้อยกงเหวินได้รับบาดเจ็บสาหัสจากไอ้ลูกชายนอกสมรส สิงโตระห่ำพูดด้วยความเคารพขณะที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียด
ดูเหมือนว่ากงหยุ่นเฟย จะคาดคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นฝีมือของเย่เฟิง
หลังจากยกตัวขึ้นยืนอย่างช้า ๆ สิงโตระห่ำก็มองไปที่นอกหน้าต่าง พระจันทร์กำลังทอแสงสีเหลืองนวลตา เขามองไปที่นั่นพลางพูดขึ้นว่า “ทั้งอสรพิษหกดัชนี นายน้อยกงหวู่ และก็นายน้อยกงเหวินเป็นคนที่สาม!”
“น่าสนใจ! ในที่สุดฉันก็มีคู่แข่งที่มีความสามารถคู่ควรในเมืองเจียงซี!”
กงหยุ่นเฟยพูดขณะที่ดวงตาของเขาส่องประกายจากความตื่นเต้น ราวกับนักล่าที่สังเกตเห็นเหยื่อที่เขาโปรดปราน
“นายตรวจสอบหรือยัง ว่ากงหวู่และอสรพิษหกดัชนี เสียชีวิตได้ยังไง ?”
วันก่อนเขาได้มอบหมายให้กงหวู่และอสรพิษหกดัชนีไปฆ่าเย่เฟิง ทว่าทั้งสองคนไม่ได้กลับมา คงไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าพวกเขาถูกฆ่าตายไปแล้วแน่นอน
กงหยุ่นเฟยเพียงสงสัยว่าอสรพิษหกดัชนีที่ซึ่งเป็นหนึ่งในสองผู้คุ้มครองที่สำคัญของเขาถูกไอ้ขยะผู้โด่งดังนั่นฆ่าตายได้อย่างไร!
หลังจากได้ยินคำถามของกงหยุ่นเฟย ใบหน้าของสิงโตระห่ำก็มืดมนขณะที่เขาตอบว่า “นายน้อย เราตรวจดูทั้งโรงงานเหล็กร้างแล้ว! ไม่มีอะไรเลยนอกจากคราบเลือด! เราไม่พบแม้กระทั่งศพ ราวกับว่ากงหวู่และอสรพิษหกดัชนีหายตัวไปเฉย ๆ”
“หายตัวไป? น่าสนใจ! น่าสนใจมาก!”
กงหยุ่นเฟยแสยะยิ้มกว้างออกมาแล้วพูดต่อว่า “ดูเหมือนว่าพวกเราจะประเมินไอ้ลูกชายนอกสมรสที่ไร้ประโยชน์นั่นต่ำไป!”
กงหยุ่นเฟยเดินออกจากคฤหาสน์ขณะที่เขาตะโกนว่า “สิงโตระห่ำ ไปเตรียมรถ! ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องหาเหยื่อเพื่อทดสอบไอ้ขยะนั่นกัน!”
สิงโตระห่ำเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ร้ายกาจออกมาเล็กน้อย
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเจ้านายของเขาเริ่มจะเอาจริงแล้ว เมื่อเขากำลังจะฆ่าใครบางคนเท่านั้น กงหยุ่นเฟยถึงจะดูจริงจังมากแบบนี้
สิงโตระห่ำรีบดำเนินการตามคำสั่งทันที
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมาในห้องผู้ป่วยหนักของโรงพยาบาลเฟิร์สพีเพิลเมืองเจียงซี ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียงพร้อมขาของเขาที่พิการ
เขาคือเย่หู!
ไม่กี่วันก่อนเย่หูได้ ส่งเย่เฟิงและหลินหลานไว้ในห้องของโรงแรมแห่งหนึ่งและมอบหมายให้นักข่าว ทำข่าวเรื่องของพวกเขา แต่เขาล้มเหลวอย่างน่าสมเพชและยังสูญเสียขาเนื่องจากตัวอักษรลึกลับที่ทำให้ระเบิดของเย่เฟิง
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาจ้างกลุ่มคนเพื่อลักพาตัวหลินหลานอีกครั้ง และต้องการให้พวกเขานั้นข่มขืนและฆ่าเธอในห้องของเย่เฟิง เพื่อจัดฉากใส่ร้ายเย่เฟิง ทว่าเขาก็ล้มเหลวอีกครั้ง
“เย่เฟิง แกทำให้ฉันพิการ! แกจะต้องตาย! แกจะต้องตายอย่างทรมาน!”
เย่หูคำรามเหมือนสัตว์ร้าย ขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ทันใดนั้นลมหนาวก็พัดเข้ามาในห้องของเขา นั่นทำให้ร่างกายของเขานั้นถึงกับสั่น
“นั่นใครน่ะ!”
เย่หูจ้องมองที่ประตูหน้าห้องขณะที่เขารู้สึกราวกับว่ามีงูพิษซ่อนอยู่ตรงนั้น นั่นทำให้เลือดของเขาแทบแข็งตัว
ทันใดนั้นสายลมก็พัดผ่านม่านหน้าประตูลอยขึ้น ด้านหลังม่านปรากฏเงาของมนุษย์คนหนึ่ง
เมื่อเห็นเขา เย่หูก็เปล่งเสียงออกมาจากปากด้วยความกลัวและตกใจอย่างมาก “กง…กงหยุ่นเฟย!”