รุนแรง!
โหดเหี้ยม!
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกตกใจกับการกระทำของเย่เฟิง
พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าลูกชายนอกสมรสที่ขี้ขลาดคนนั้นจะเหี้ยมโหดและร้ายกาจแบบนี้!
เย่หลิงนอนกองอยู่บนพื้นเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว ขยับตัวไม่ได้ราวกับเป็นอัมพาต และกำลังร้องไห้เหมือนหมูที่กำลังจะถูกเชือด
แขนขาทั้งหมดของเขาหัก!
เย่เฟิงกล่าวว่า “ผมแค่แสดงให้ทุกคนดู ว่าเวลาที่ผมทำร้ายคนอื่นมันเป็นยังไง!” นั่นทำให้เลือดในกายของทุกคนแข็ง!
อึก!
เมื่อมองเย่เฟิง เย่โม่ก็กลืนน้ำลายของเขาเข้าไปอึกใหญ่ ขณะที่เขารู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกาย
ผู้ชายคนหนึ่งที่มักถูกรังแกโดยคนในตระกูลของเขา เมื่อถึงจุดหนึ่งมักจะน่ากลัวยิ่งกว่าคนบ้าที่กำลังคลั่ง!
“ไอ้สารเลว!”
ใบหน้าของเย่หยุนซานนั้นซีดลงอย่างน่ากลัว ขณะที่เขาจ้องมองที่เย่เฟิงในลักษณะที่อธิบายไม่ได้แล้วกล่าวว่า “เย่เฟิง! ทำไม… แกถึงกล้าทำร้ายเขาต่อหน้าสมาชิกตระกูล! แกยอมรับว่าแกทำเรื่องผิดศีลธรรมหรือไม่ ?”
เย่หยุนซานบ้าคลั่งไปแล้ว
เขาไม่นึกว่าเย่เฟิง จะกล้าทำร้ายเย่หลิงต่อหน้าเขา!
ความโหดร้ายของเย่เฟิง นั่นทำให้เขาตกใจอย่างมาก
เขาไม่เคยเห็นคนที่ดุร้ายและเหี้ยมโหดเช่นนี้มาก่อน
เย่เฟิงนั้นหักแขนขาของ เย่หลิงอย่างใจเย็นเหมือนเป็นเรื่องปกติ!
‘แกยอมรับว่าแกทำเรื่องผิดศีลธรรมหรือไม่ ?’
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้วเย่เฟิง ก็จ้องมองเข้าไปในดวงตาของเย่หยุนซาน ในขณะที่เขาถามกลับว่า “เย่หลิงใส่ความผมโดยไม่มีเหตุผล! เขาไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมใช่ไหม ?”
“ลุงดุด่าผมโดยไม่มีการสอบสวนอย่างละเอียดและถูกต้อง! ลุงไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมใช่ไหม ?”
“มีเพียงเย่โม่เท่านั้นที่ออกมาพูดเพื่อผม เมื่อผมถูกเย่หลิงใส่ร้าย! คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมด้วยใช่ไหม ?”
…
คำถามสามข้อของเย่เฟิงนั้นก้าวร้าวและดุดัน
แต่ละคำถามทำให้เย่หยุนซานเดินถอยหลังไปทีละก้าว!
หลังจากได้ยินคำถามทั้งสามข้อ ใบหน้าของเย่หยุนซานก็ดูซีดเซียวไปหมด หน้าผากของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเหมือนโดนน้ำในถังตักราดมา
ไม่รู้ว่าทำไมเย่หยุนซานจึงรู้สึกราวกับว่าเย่เฟิงนั้นเป็นสัตว์ที่ดุร้าย เขายังสงสัยว่าเขาอาจจะสูญเสียชีวิตของเขาไปถ้าเขายังคงไม่หยุดพูด!
‘…’
เย่หยุนซานตกอยู่ในความสับสน ภายใต้สายตาที่กดดันของเย่เฟิง!
“พอได้แล้ว!”
เย่ฟ่างเฉิงหัวหน้าของตระกูลเย่ทำลายความเงียบ ในขณะที่เย่หยุนซานก็ได้สติขึ้นมา
เย่ฟ่างเฉิงที่กำลังนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะเป็นคนสง่างามที่มีหนวดเครายาวสีขาวและมีใบหน้าสูงวัย
เขากำลังมองดูเย่เฟิงอย่างแปลกใจ!
เขาสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างที่แตกต่างไปจากเดิมเกี่ยวกับหลานชายของเขาจากครั้งที่แล้วที่พวกเขาพบกัน
“เย่เฟิง ช่วยลืมเรื่องนี้ไปก่อน! มีอีกหนึ่งเหตุการณ์ซึ่งเราต้องการคำชี้แจงจากเจ้า!”
เย่ฟ่างเฉิงกล่าวในขณะที่เขาจ้องมองเย่เฟิง ด้วยสายตาที่ซับซ้อน
ที่จริงแล้วเขาใส่ใจอย่างมากในตัวของเย่เฟิง
เขานั้นต้องการประกาศว่าเย่เฟิงนั้นเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของตระกูลเย่และส่งมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับเขา
แต่มีคนจำนวนมากเกินไปที่คัดค้าน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตัดสินใจทำเช่นนั้นได้ แม้ว่าเขาจะต้องการมากแค่ไหน
เย่ฟ่างเฉิงถอนหายใจลึก ๆ ออกไป “เย่เฟิง เจ้าอยู่ที่ไหนเมื่อคืนนี้ ?”
‘เมื่อคืนนี้ ?’
เย่เฟิงก็ชะงักเล็กน้อย ขณะที่เขาหลี่ตาลงแล้วตอบว่า “อยู่ที่บ้านผม!”
“ที่บ้าน ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิงแล้ว เย่หยุนไห่ลูกชายคนที่สองของเย่ฟ่างเฉิงก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขาจ้องมองเย่เฟิงพลางถามว่า “มีใครเป็นพยานได้หรือไม่ ?”
‘หืมม?’
ใบหน้าของเย่เฟิงดูเคร่งขรึมเมื่อเขาตอบว่า “หมายถึงคนที่อยู่กับผมเหรอ ?”
“ใช่อยู่กับแกนั่นแหละ!” เย่หยุนไห่ตอบโดยไม่ลังเล
อย่างไรก็ตามใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปหลังจากนั้น
เพราะตอนนั้นเย่เฟิงอยู่ลำพังคนเดียว คำถามของเขาจึงดูไร้สาระ
ดังนั้นเย่หยุนไห่ จึงดูอาย ๆ เล็กน้อยที่ถามคำถามแบบนั้นออกมา
แต่เขายังคงกล่าวต่ออย่างโหดเหี้ยม “เย่เฟิงเมื่อแกอยู่คนเดียว ไม่มีใครเป็นพยานว่าแกอยู่ที่บ้านของแกได้เมื่อคืนนี้! ซึ่งหมายความว่าแกอาจจะอยู่ที่บ้านหรือไม่ก็ได้! ดังนั้นคำพูดของแกไม่น่าเชื่อถือ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่หยุนไห่ เย่เฟิงเลิกคิ้วของเขาในขณะที่ถามว่า “ลุงกำลังหมายถึงเรื่องบ้าอะไร ?”
‘เขาหมายถึงอะไรกันแน่?’
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้วเย่หยุนซานก็ยืนขึ้นมาแล้วชี้เย่เฟิงพลางด่าว่า “แกควรถามตัวเอง! ทำไมแกถึงแอบเข้าไปในโรงพยาบาลและพยายามจะฆ่าเย่หูเมื่อคืนนี้ ? แกยังตัดมือทั้งสองข้างของเขาออกอีกด้วย!”
‘อะไรนะ!’
ใบหน้าของเย่โม่ซีดลงอย่างน่ากลัวหลังจากได้ยินคำพูดของเย่หยุนซาน
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงยังคงหรี่ตาและยังดูสงบตามปกติ
จากนั้นเย่หยุนซานก็โบกมือแล้วตะโกนว่า “พาเย่หูเข้ามา!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่หยุนซาน สมาชิกรุ่นหลานของตระกูลบางคนก็รีบผลักวีลแชร์เข้าไปมาในห้อง
คนที่กำลังนั่งอยู่ในวีลแชร์นั้นพิการอย่างหนัก
และคนนั้นคือเย่หู!
ขาทั้งสองข้างหักและใส่เฝือก มือสองข้างนั้นหายไป เย่หูดูซีดเซียวอย่างมาก ในขณะเดียวกันเลือดสีแดงก็ไหลออกมาจากผ้าพันแผลของเขา
อย่างไรก็ตามเมื่อ เย่หูได้เห็นหน้าเย่เฟิง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคียดแค้นและดุร้าย เขาตะโกนลั่นว่า “ มันเป็นเขา! เย่เฟิงเป็นคนที่แอบเข้าไปในห้องพยาบาลของผมและต้องการจะฆ่าผม ผมทำได้แค่ป้องกันตัวของผมด้วยแขนสองข้างเท่านั้น! นั่นทำให้ผมสูญเสียแขนทั้งสองของผมไป!”
เสียงของเย่หูโหยหวนอย่างยิ่งราวกับว่าเขาจะไม่มีวันลืมความแค้นเก่า ๆ ระหว่างเขากับเย่เฟิงได้ “เร็วเข้า! รีบไปฆ่ามัน! กำจัดไอ้คนไร้ค่านั่นและล้างแค้นให้กับความทุกข์ของผม!”
หน้าตาที่น่าสงสารของเย่หู ได้กระตุ้นความไม่พอใจของสมาชิกทั้งหมดของตระกูลเย่
พวกเขาต่างก็จ้องมองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น ราวกับว่าพวกเขาไม่ต้องการให้เย่เฟิงมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
เมื่อเห็นท่าทางของเย่หู คิ้วของเย่เฟิงก็ขมวดเล็กน้อย ขณะที่ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา
“น่าสนใจ! นี่มันน่าสนใจ”
เย่เฟิงพูดด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ ในขณะที่เขาอยากรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวต่อไปของพวกเขา
“เย่เฟิง แกยอมรับว่าแกก่ออาชญากรรมนี้หรือไม่ ?”
เย่หยุนซานจ้องมองเย่เฟิงด้วยความโกรธเคืองราวกับว่าเขากำลังจะหั่นเขาออกเป็นชิ้น ๆ
จนกระทั่งตอนนี้ เย่เฟิงก็เข้าใจได้แล้วว่าทำไมเย่หยุนซานถึงได้แสดงความเกลียดชังต่อเขามากและยังช่วยให้เย่หลิงใส่ร้ายเขาอีกด้วย เพราะเขาแค่ต้องการล้างแค้นให้กับความทุกข์ทรมานของลูกชายของเขา
ดังนั้นเย่เฟิงจึงตอบด้วยท่าทางเย้ยหยันว่า “ลุงเข้าใจผิดแล้ว! ไม่ใช่ว่าผมต้องการฆ่ามัน แต่มันตากห่างที่ต้องการฆ่าผม!”
‘อะไรนะ!’
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ทุกคนในตระกูลเย่ก็สับสนในทันที
หลังจากนั้นพวกเขาก็บ้าคลั่งขึ้นมาเพราะพวกเขาคิดว่าเย่เฟิงยังคงพยายามที่จะเถียงต่อความจริงตรงหน้า ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงรุมด่าทอเย่เฟิง
แต่เย่เฟิงไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาคิดหรือทำ เขาเพียงแต่จ้องมองเย่หูแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้เย่หูทำให้ผมสลบและวางยาหลินหลาน เขาวางพวกเราไว้ในห้องเพื่อจะถ่ายรูปของผมกับเธอ! มันแค่ต้องการให้กงหยุ่นเฟยฆ่าผม!”
“หลังจากนั้นเขาสั่งการให้คนลักพาตัวหลินหลานและวางตัวเธอไว้ในห้องของผมตอนที่ผมไม่อยู่ มันตั้งใจจะให้คนพวกนั้นข่มขืนเธอก่อนจะฆ่าเธอทิ้ง ก่อนจะป้ายความผิดทั้งหมดให้ผม”
“ช่วยบอกผมทีใครเป็นคนที่ก่ออาชญากรรมผมหรือมัน”
…
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง สมาชิกเกือบทุกคนของตระกูลเย่ก็ก่นด่าเย่เฟิง เพราะพวกเขาคิดว่าเย่เฟิงกำลังสร้างเรื่องใส่ร้ายเย่หู
เย่หูคำรามด้วยความโกรธ ขณะใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง “เย่เฟิง แกกำลังสาดโคลนมาที่ฉัน! แกมีหลักฐานอะไร ในเรื่องนี้หรือเปล่า ?”
เย่หูยิ้มเยาะพลางพูดต่อ “คำพูดทั้งหมดของแก มันก็แค่สร้างเรื่องขึ้นมา แต่คำพูดของฉันสามารถพิสูจน์ได้จากบาดแผลของฉัน!”
เย่หูดูชั่วร้ายในขณะที่เขามั่นใจว่า เย่เฟิงไม่ได้มีหลักฐานใด ๆ
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เย่เฟิงก็หัวเราะอีกครั้งขณะที่จ้องมองเย่หูและพูดว่า “หลักฐานเหรอ ? หลักฐานของฉัน มันก็อยู่ในปากของแก!”
‘ว่าไงนะ?’
หลังจากได้ยินคำพูดที่ดูเสียสติของเย่เฟิง ทุกคนในห้องนั้นก็ตกตะลึงในทันที เพราะพวกเขารู้สึกว่าเย่เฟิงบ้าไปแล้ว
‘หลักฐานอยู่ในปากของเย่หู ?’
‘นี่แกล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย!‘
สมาชิกแต่ละคนของตระกูลเย่ มองดูเย่เฟิงราวกับว่าเขาเป็นคนโง่
ทันใดนั้นดวงตาของเย่เฟิงก็เป็นประกายแสงสีม่วง!
…
ในเสี้ยววินาที นั้นราวกับสายฟ้าฟาดผ่านดวงตาของเย่หู ทำให้เขาเกือบจะหน้าทิ่มลงไป
“บอกฉันว่าแกใส่ร้ายฉันได้อย่างไร” เย่เฟิงถามเย่หูอย่างใจเย็น
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง สมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลเย่ก็ทำสายตาดูถูกเหยียดหยาม เพราะพวกเขาคิดว่าเย่เฟิงนั้นเป็นบ้าไปแล้ว!
ตัวของเย่หูแข็งทื่อและคำพูดของเขาทำให้ทุกคนต่างตกใจ “ฉันมอบหมายให้ใครบางคนทำให้แกสลบและก็วางยาหลินหลานในวันนั้น…”
เย่หู พูดอธิบายต่อช้า ๆ ราวกับกำลังอยู่ในภาวะสับสนกึ่งหลับกึ่งตื่น
เมื่อได้ยินคำอธิบายของเขา สมาชิกในตระกูลเย่ก็ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความไม่เชื่อ บางคนก็อ้าปากค้าง
‘เป็นไปไม่ได้’
‘เย่หูจะพูดอย่างนั้นได้อย่างไร!’
ไม่มีใครเชื่อได้ว่าเย่หูจะตอบคำถามของเย่เฟิง!
‘สะกดจิต!’
เห็นได้ชัดว่าเย่หูกำลังถูกสะกดจิตโดยเย่เฟิง
ทว่าพวกเขาไม่สามารถหยุดเย่หูได้ ดังนั้นพวกเขาทำได้แค่ฟังอยู่เงียบ ๆ เท่านั้น
ใบหน้าของเย่ฟ่างเฉิง เย่หยุนซาน และเย่หยุนไห่ เปลี่ยนไปอย่างมากด้วยความโกรธ
“สารเลว! เย่หูทำตัวแบบนั้นได้อย่างไร!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่หู ใบหน้าของเย่ฟ่างเฉิงก็เปลี่ยนเป็นสีเข้ม ในขณะที่เขาจ้องมองเย่หยุนซานพลางตะโกนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “หยุนซาน ฟัง…ฟังสิ่งที่ลูกชายของแกทำ!”
หลังจากได้ยินการด่าของพ่อ เย่หยุนซานแทบจะบ้าด้วยความโกรธ เขาไม่ได้นึกว่าเย่หูจะทำสิ่งโง่ ๆ มากมายได้อย่างลับ ๆ และเขาไม่คาดคิดว่าลูกชายของเขาจะยอมรับสิ่งที่เขาทำออกมา
“เมื่อคืนนี้กงหยุ่นเฟยเข้ามาในห้องพยาบาลของฉันและตัดมือของฉันออก เขาต้องการให้ฉันใส่ร้ายเย่เฟิง และฆ่ามันด้วยอำนาจของตระกูลเย่…”
เย่หูได้ยอมรับในความผิดทั้งหมดที่เขาได้กระทำไปแล้ว
เปรี๊ยะ!
เมื่อเย่เฟิงดีดนิ้วของเขา สีหน้าที่ว่างเปล่าของเย่หูก็หายไปทันที
“อะไรนะ…เกิดอะไรขึ้นกับฉันตอนนี้? แกทำอะไรกับฉัน”
เย่หูสับสนในทันที จากนั้นเขาก็รีบพูดและแกล้ง ๆ ร้องไห้ต่ออีกพลางบอกเย่ฟ่างเฉิง “ท่านปู่รีบ ๆ รีบฆ่าไอ้ชั่วนั่น! เมื่อคืนมันต้องการฆ่าผม! มือของผมถูกตัดโดยมัน! มันเป็นความผิดของไอ้ชั่วนั่นทั้งหมด!”
เย่หูดูราวกับเป็นคนบ้าเพราะเขาไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่สามารถรอที่จะตัดเย่เฟิงออกเป็นชิ้น ๆ ได้!
อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดของเย่หู สมาชิกทุกคนในตระกูลเย่ก็โกรธจัด
“ฉันต้องการที่จะฆ่าแก ?”
เย่เฟิงพูดพลางเดินไปหาเย่หูในขณะที่เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ดูกระหายเลือด “จริง ๆ แล้วฉันมักจะฆ่าคนด้วยวิธีนี้!”
ในทันใดนั้น เย่เฟิงก็พุ่งไปข้างหน้าเย่หู ขณะที่เขาจับไปที่คอของเย่หูแล้วยกขึ้น “แก…แก!”
เย่หูตกใจมาก
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่เฟิง จะโจมตีเขาต่อหน้าสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูล
ในตอนนี้เย่หูรู้สึกว่าเขานั้นหายใจไม่ออกและดวงตาของเขาก็มีเลือดไหลออกมา
เขาตกใจ!
เขากลัวมาก!
เขามองเย่เฟิงราวกับว่าเย่เฟิงนั้นเป็นปีศาจ!
เขาต้องการขอความเมตตาจากเย่เฟิง ทว่าในเสี้ยววินาทีนั้นดวงตาของเย่หูก็เปิดค้างอยู่ไปตลอดกาล!