The Man from Hell – ตอนที่ 63 : แกยอมรับว่าแกก่ออาชญากรรมหรือไม่ ?

รุนแรง!

โหดเหี้ยม!

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกตกใจกับการกระทำของเย่เฟิง

พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าลูกชายนอกสมรสที่ขี้ขลาดคนนั้นจะเหี้ยมโหดและร้ายกาจแบบนี้!

เย่หลิงนอนกองอยู่บนพื้นเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว ขยับตัวไม่ได้ราวกับเป็นอัมพาต และกำลังร้องไห้เหมือนหมูที่กำลังจะถูกเชือด

แขนขาทั้งหมดของเขาหัก!

เย่เฟิงกล่าวว่า “ผมแค่แสดงให้ทุกคนดู ว่าเวลาที่ผมทำร้ายคนอื่นมันเป็นยังไง!” นั่นทำให้เลือดในกายของทุกคนแข็ง!

อึก!

เมื่อมองเย่เฟิง เย่โม่ก็กลืนน้ำลายของเขาเข้าไปอึกใหญ่ ขณะที่เขารู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกาย

ผู้ชายคนหนึ่งที่มักถูกรังแกโดยคนในตระกูลของเขา เมื่อถึงจุดหนึ่งมักจะน่ากลัวยิ่งกว่าคนบ้าที่กำลังคลั่ง!

“ไอ้สารเลว!”

ใบหน้าของเย่หยุนซานนั้นซีดลงอย่างน่ากลัว ขณะที่เขาจ้องมองที่เย่เฟิงในลักษณะที่อธิบายไม่ได้แล้วกล่าวว่า “เย่เฟิง! ทำไม… แกถึงกล้าทำร้ายเขาต่อหน้าสมาชิกตระกูล! แกยอมรับว่าแกทำเรื่องผิดศีลธรรมหรือไม่ ?”

เย่หยุนซานบ้าคลั่งไปแล้ว

เขาไม่นึกว่าเย่เฟิง จะกล้าทำร้ายเย่หลิงต่อหน้าเขา!

ความโหดร้ายของเย่เฟิง นั่นทำให้เขาตกใจอย่างมาก

เขาไม่เคยเห็นคนที่ดุร้ายและเหี้ยมโหดเช่นนี้มาก่อน

เย่เฟิงนั้นหักแขนขาของ เย่หลิงอย่างใจเย็นเหมือนเป็นเรื่องปกติ!

‘แกยอมรับว่าแกทำเรื่องผิดศีลธรรมหรือไม่ ?’

หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้วเย่เฟิง ก็จ้องมองเข้าไปในดวงตาของเย่หยุนซาน ในขณะที่เขาถามกลับว่า “เย่หลิงใส่ความผมโดยไม่มีเหตุผล! เขาไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมใช่ไหม ?”

“ลุงดุด่าผมโดยไม่มีการสอบสวนอย่างละเอียดและถูกต้อง! ลุงไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมใช่ไหม ?”

“มีเพียงเย่โม่เท่านั้นที่ออกมาพูดเพื่อผม เมื่อผมถูกเย่หลิงใส่ร้าย! คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมด้วยใช่ไหม ?”

 

คำถามสามข้อของเย่เฟิงนั้นก้าวร้าวและดุดัน

แต่ละคำถามทำให้เย่หยุนซานเดินถอยหลังไปทีละก้าว!

หลังจากได้ยินคำถามทั้งสามข้อ ใบหน้าของเย่หยุนซานก็ดูซีดเซียวไปหมด หน้าผากของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเหมือนโดนน้ำในถังตักราดมา

ไม่รู้ว่าทำไมเย่หยุนซานจึงรู้สึกราวกับว่าเย่เฟิงนั้นเป็นสัตว์ที่ดุร้าย เขายังสงสัยว่าเขาอาจจะสูญเสียชีวิตของเขาไปถ้าเขายังคงไม่หยุดพูด!

‘…’

เย่หยุนซานตกอยู่ในความสับสน ภายใต้สายตาที่กดดันของเย่เฟิง!

“พอได้แล้ว!”

เย่ฟ่างเฉิงหัวหน้าของตระกูลเย่ทำลายความเงียบ ในขณะที่เย่หยุนซานก็ได้สติขึ้นมา

เย่ฟ่างเฉิงที่กำลังนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะเป็นคนสง่างามที่มีหนวดเครายาวสีขาวและมีใบหน้าสูงวัย

เขากำลังมองดูเย่เฟิงอย่างแปลกใจ!

เขาสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างที่แตกต่างไปจากเดิมเกี่ยวกับหลานชายของเขาจากครั้งที่แล้วที่พวกเขาพบกัน

“เย่เฟิง ช่วยลืมเรื่องนี้ไปก่อน! มีอีกหนึ่งเหตุการณ์ซึ่งเราต้องการคำชี้แจงจากเจ้า!”

เย่ฟ่างเฉิงกล่าวในขณะที่เขาจ้องมองเย่เฟิง ด้วยสายตาที่ซับซ้อน

ที่จริงแล้วเขาใส่ใจอย่างมากในตัวของเย่เฟิง

เขานั้นต้องการประกาศว่าเย่เฟิงนั้นเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของตระกูลเย่และส่งมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับเขา

แต่มีคนจำนวนมากเกินไปที่คัดค้าน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตัดสินใจทำเช่นนั้นได้ แม้ว่าเขาจะต้องการมากแค่ไหน

เย่ฟ่างเฉิงถอนหายใจลึก ๆ ออกไป “เย่เฟิง เจ้าอยู่ที่ไหนเมื่อคืนนี้ ?”

‘เมื่อคืนนี้ ?’

เย่เฟิงก็ชะงักเล็กน้อย ขณะที่เขาหลี่ตาลงแล้วตอบว่า “อยู่ที่บ้านผม!”

“ที่บ้าน ?”

หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิงแล้ว เย่หยุนไห่ลูกชายคนที่สองของเย่ฟ่างเฉิงก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขาจ้องมองเย่เฟิงพลางถามว่า “มีใครเป็นพยานได้หรือไม่ ?”

‘หืมม?’

ใบหน้าของเย่เฟิงดูเคร่งขรึมเมื่อเขาตอบว่า “หมายถึงคนที่อยู่กับผมเหรอ ?”

“ใช่อยู่กับแกนั่นแหละ!” เย่หยุนไห่ตอบโดยไม่ลังเล

อย่างไรก็ตามใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปหลังจากนั้น

เพราะตอนนั้นเย่เฟิงอยู่ลำพังคนเดียว คำถามของเขาจึงดูไร้สาระ

ดังนั้นเย่หยุนไห่ จึงดูอาย ๆ เล็กน้อยที่ถามคำถามแบบนั้นออกมา

แต่เขายังคงกล่าวต่ออย่างโหดเหี้ยม “เย่เฟิงเมื่อแกอยู่คนเดียว ไม่มีใครเป็นพยานว่าแกอยู่ที่บ้านของแกได้เมื่อคืนนี้! ซึ่งหมายความว่าแกอาจจะอยู่ที่บ้านหรือไม่ก็ได้! ดังนั้นคำพูดของแกไม่น่าเชื่อถือ!”

หลังจากได้ยินคำพูดของเย่หยุนไห่ เย่เฟิงเลิกคิ้วของเขาในขณะที่ถามว่า “ลุงกำลังหมายถึงเรื่องบ้าอะไร ?”

‘เขาหมายถึงอะไรกันแน่?’

หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้วเย่หยุนซานก็ยืนขึ้นมาแล้วชี้เย่เฟิงพลางด่าว่า “แกควรถามตัวเอง! ทำไมแกถึงแอบเข้าไปในโรงพยาบาลและพยายามจะฆ่าเย่หูเมื่อคืนนี้ ? แกยังตัดมือทั้งสองข้างของเขาออกอีกด้วย!”

‘อะไรนะ!’

ใบหน้าของเย่โม่ซีดลงอย่างน่ากลัวหลังจากได้ยินคำพูดของเย่หยุนซาน

อย่างไรก็ตามเย่เฟิงยังคงหรี่ตาและยังดูสงบตามปกติ

จากนั้นเย่หยุนซานก็โบกมือแล้วตะโกนว่า “พาเย่หูเข้ามา!”

หลังจากได้ยินคำพูดของเย่หยุนซาน สมาชิกรุ่นหลานของตระกูลบางคนก็รีบผลักวีลแชร์เข้าไปมาในห้อง

คนที่กำลังนั่งอยู่ในวีลแชร์นั้นพิการอย่างหนัก

และคนนั้นคือเย่หู!

ขาทั้งสองข้างหักและใส่เฝือก มือสองข้างนั้นหายไป เย่หูดูซีดเซียวอย่างมาก ในขณะเดียวกันเลือดสีแดงก็ไหลออกมาจากผ้าพันแผลของเขา

อย่างไรก็ตามเมื่อ เย่หูได้เห็นหน้าเย่เฟิง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคียดแค้นและดุร้าย เขาตะโกนลั่นว่า “ มันเป็นเขา! เย่เฟิงเป็นคนที่แอบเข้าไปในห้องพยาบาลของผมและต้องการจะฆ่าผม ผมทำได้แค่ป้องกันตัวของผมด้วยแขนสองข้างเท่านั้น! นั่นทำให้ผมสูญเสียแขนทั้งสองของผมไป!”

เสียงของเย่หูโหยหวนอย่างยิ่งราวกับว่าเขาจะไม่มีวันลืมความแค้นเก่า ๆ ระหว่างเขากับเย่เฟิงได้ “เร็วเข้า! รีบไปฆ่ามัน! กำจัดไอ้คนไร้ค่านั่นและล้างแค้นให้กับความทุกข์ของผม!”

หน้าตาที่น่าสงสารของเย่หู ได้กระตุ้นความไม่พอใจของสมาชิกทั้งหมดของตระกูลเย่

พวกเขาต่างก็จ้องมองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น ราวกับว่าพวกเขาไม่ต้องการให้เย่เฟิงมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

เมื่อเห็นท่าทางของเย่หู คิ้วของเย่เฟิงก็ขมวดเล็กน้อย ขณะที่ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา

“น่าสนใจ! นี่มันน่าสนใจ”

เย่เฟิงพูดด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ ในขณะที่เขาอยากรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวต่อไปของพวกเขา

“เย่เฟิง แกยอมรับว่าแกก่ออาชญากรรมนี้หรือไม่ ?”

เย่หยุนซานจ้องมองเย่เฟิงด้วยความโกรธเคืองราวกับว่าเขากำลังจะหั่นเขาออกเป็นชิ้น ๆ

จนกระทั่งตอนนี้ เย่เฟิงก็เข้าใจได้แล้วว่าทำไมเย่หยุนซานถึงได้แสดงความเกลียดชังต่อเขามากและยังช่วยให้เย่หลิงใส่ร้ายเขาอีกด้วย เพราะเขาแค่ต้องการล้างแค้นให้กับความทุกข์ทรมานของลูกชายของเขา

ดังนั้นเย่เฟิงจึงตอบด้วยท่าทางเย้ยหยันว่า “ลุงเข้าใจผิดแล้ว! ไม่ใช่ว่าผมต้องการฆ่ามัน แต่มันตากห่างที่ต้องการฆ่าผม!”

‘อะไรนะ!’

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ทุกคนในตระกูลเย่ก็สับสนในทันที

หลังจากนั้นพวกเขาก็บ้าคลั่งขึ้นมาเพราะพวกเขาคิดว่าเย่เฟิงยังคงพยายามที่จะเถียงต่อความจริงตรงหน้า ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงรุมด่าทอเย่เฟิง

แต่เย่เฟิงไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาคิดหรือทำ เขาเพียงแต่จ้องมองเย่หูแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้เย่หูทำให้ผมสลบและวางยาหลินหลาน เขาวางพวกเราไว้ในห้องเพื่อจะถ่ายรูปของผมกับเธอ! มันแค่ต้องการให้กงหยุ่นเฟยฆ่าผม!”

“หลังจากนั้นเขาสั่งการให้คนลักพาตัวหลินหลานและวางตัวเธอไว้ในห้องของผมตอนที่ผมไม่อยู่ มันตั้งใจจะให้คนพวกนั้นข่มขืนเธอก่อนจะฆ่าเธอทิ้ง ก่อนจะป้ายความผิดทั้งหมดให้ผม”

“ช่วยบอกผมทีใครเป็นคนที่ก่ออาชญากรรมผมหรือมัน”

 

หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง สมาชิกเกือบทุกคนของตระกูลเย่ก็ก่นด่าเย่เฟิง เพราะพวกเขาคิดว่าเย่เฟิงกำลังสร้างเรื่องใส่ร้ายเย่หู

เย่หูคำรามด้วยความโกรธ ขณะใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง “เย่เฟิง แกกำลังสาดโคลนมาที่ฉัน! แกมีหลักฐานอะไร ในเรื่องนี้หรือเปล่า ?”

เย่หูยิ้มเยาะพลางพูดต่อ “คำพูดทั้งหมดของแก มันก็แค่สร้างเรื่องขึ้นมา แต่คำพูดของฉันสามารถพิสูจน์ได้จากบาดแผลของฉัน!”

เย่หูดูชั่วร้ายในขณะที่เขามั่นใจว่า เย่เฟิงไม่ได้มีหลักฐานใด ๆ

หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เย่เฟิงก็หัวเราะอีกครั้งขณะที่จ้องมองเย่หูและพูดว่า “หลักฐานเหรอ ? หลักฐานของฉัน มันก็อยู่ในปากของแก!”

‘ว่าไงนะ?’

หลังจากได้ยินคำพูดที่ดูเสียสติของเย่เฟิง ทุกคนในห้องนั้นก็ตกตะลึงในทันที เพราะพวกเขารู้สึกว่าเย่เฟิงบ้าไปแล้ว

‘หลักฐานอยู่ในปากของเย่หู ?’

‘นี่แกล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย!‘

สมาชิกแต่ละคนของตระกูลเย่ มองดูเย่เฟิงราวกับว่าเขาเป็นคนโง่

ทันใดนั้นดวงตาของเย่เฟิงก็เป็นประกายแสงสีม่วง!

 

ในเสี้ยววินาที นั้นราวกับสายฟ้าฟาดผ่านดวงตาของเย่หู ทำให้เขาเกือบจะหน้าทิ่มลงไป

“บอกฉันว่าแกใส่ร้ายฉันได้อย่างไร” เย่เฟิงถามเย่หูอย่างใจเย็น

หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง สมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลเย่ก็ทำสายตาดูถูกเหยียดหยาม เพราะพวกเขาคิดว่าเย่เฟิงนั้นเป็นบ้าไปแล้ว!

ตัวของเย่หูแข็งทื่อและคำพูดของเขาทำให้ทุกคนต่างตกใจ “ฉันมอบหมายให้ใครบางคนทำให้แกสลบและก็วางยาหลินหลานในวันนั้น…”

เย่หู พูดอธิบายต่อช้า ๆ ราวกับกำลังอยู่ในภาวะสับสนกึ่งหลับกึ่งตื่น

เมื่อได้ยินคำอธิบายของเขา สมาชิกในตระกูลเย่ก็ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความไม่เชื่อ บางคนก็อ้าปากค้าง

‘เป็นไปไม่ได้’

‘เย่หูจะพูดอย่างนั้นได้อย่างไร!’

ไม่มีใครเชื่อได้ว่าเย่หูจะตอบคำถามของเย่เฟิง!

‘สะกดจิต!’

เห็นได้ชัดว่าเย่หูกำลังถูกสะกดจิตโดยเย่เฟิง

ทว่าพวกเขาไม่สามารถหยุดเย่หูได้ ดังนั้นพวกเขาทำได้แค่ฟังอยู่เงียบ ๆ เท่านั้น

ใบหน้าของเย่ฟ่างเฉิง เย่หยุนซาน และเย่หยุนไห่ เปลี่ยนไปอย่างมากด้วยความโกรธ

“สารเลว! เย่หูทำตัวแบบนั้นได้อย่างไร!”

หลังจากได้ยินคำพูดของเย่หู ใบหน้าของเย่ฟ่างเฉิงก็เปลี่ยนเป็นสีเข้ม ในขณะที่เขาจ้องมองเย่หยุนซานพลางตะโกนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “หยุนซาน ฟัง…ฟังสิ่งที่ลูกชายของแกทำ!”

หลังจากได้ยินการด่าของพ่อ เย่หยุนซานแทบจะบ้าด้วยความโกรธ เขาไม่ได้นึกว่าเย่หูจะทำสิ่งโง่ ๆ มากมายได้อย่างลับ ๆ และเขาไม่คาดคิดว่าลูกชายของเขาจะยอมรับสิ่งที่เขาทำออกมา

“เมื่อคืนนี้กงหยุ่นเฟยเข้ามาในห้องพยาบาลของฉันและตัดมือของฉันออก เขาต้องการให้ฉันใส่ร้ายเย่เฟิง และฆ่ามันด้วยอำนาจของตระกูลเย่…”

เย่หูได้ยอมรับในความผิดทั้งหมดที่เขาได้กระทำไปแล้ว

เปรี๊ยะ!

เมื่อเย่เฟิงดีดนิ้วของเขา สีหน้าที่ว่างเปล่าของเย่หูก็หายไปทันที

“อะไรนะ…เกิดอะไรขึ้นกับฉันตอนนี้? แกทำอะไรกับฉัน”

เย่หูสับสนในทันที จากนั้นเขาก็รีบพูดและแกล้ง ๆ ร้องไห้ต่ออีกพลางบอกเย่ฟ่างเฉิง “ท่านปู่รีบ ๆ รีบฆ่าไอ้ชั่วนั่น! เมื่อคืนมันต้องการฆ่าผม! มือของผมถูกตัดโดยมัน! มันเป็นความผิดของไอ้ชั่วนั่นทั้งหมด!”

เย่หูดูราวกับเป็นคนบ้าเพราะเขาไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่สามารถรอที่จะตัดเย่เฟิงออกเป็นชิ้น ๆ ได้!

อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดของเย่หู สมาชิกทุกคนในตระกูลเย่ก็โกรธจัด

“ฉันต้องการที่จะฆ่าแก ?”

เย่เฟิงพูดพลางเดินไปหาเย่หูในขณะที่เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ดูกระหายเลือด “จริง ๆ แล้วฉันมักจะฆ่าคนด้วยวิธีนี้!”

ในทันใดนั้น เย่เฟิงก็พุ่งไปข้างหน้าเย่หู ขณะที่เขาจับไปที่คอของเย่หูแล้วยกขึ้น “แก…แก!”

เย่หูตกใจมาก

เขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่เฟิง จะโจมตีเขาต่อหน้าสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูล

ในตอนนี้เย่หูรู้สึกว่าเขานั้นหายใจไม่ออกและดวงตาของเขาก็มีเลือดไหลออกมา

เขาตกใจ!

เขากลัวมาก!

เขามองเย่เฟิงราวกับว่าเย่เฟิงนั้นเป็นปีศาจ!

เขาต้องการขอความเมตตาจากเย่เฟิง ทว่าในเสี้ยววินาทีนั้นดวงตาของเย่หูก็เปิดค้างอยู่ไปตลอดกาล!

The Man from Hell

The Man from Hell

จักรวรรดิปีศาจได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งในจักรวาลแห่งนี้ เหล่าศัตรูต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา แลเหล่าหญิงงามควรสยบแทบเท้าของเขา “ข้าคือปีศาจ ผู้ที่เหล่าทวยเทพเทวาทั้งหลายต่างยอมศิโรราบ หากเจ้าไม่ยอมก้มหัวให้ข้า ข้าจักบังคับเจ้าด้วยกำลัง” — เย่เฟิง! The Demon Empire in the universe was reborn and came back! Enemies should kneel down in front of him! Beauties should lie down in front of him! “I am a demon. I ens*ave gods and immortals! If you don’t succumb to me, I will convince you by force!”–Ye Feng!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset