‘ฉันต้องการเอารากสวรรค์อำพันกลับคืนมา!’
นายน้อยเถิงคิดพลางกัดฟันแน่น ขณะมองดูรากสวรรค์อำพันที่อยู่ในมือของเย่เฟิงด้วยนัยน์ตาสีแดงก่ำ
ตามคำสั่งของคุณปู่ของเขา เขาจะต้องมอบรากสวรรค์อำพันให้กับบุคคลสำคัญที่เขาจะต้องไปพบ
ก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่าซางเปียว จะสามารถกำจัดเย่เฟิงได้อย่างง่ายดาย เขาคิดว่าจะไล่ไอ้งั่งนั่นให้ออกไปจากชีวิตของฝางยิ่ง โดยที่ไม่ต้องเสียรากสวรรค์อำพันไป
แต่เขาไม่นึกว่าไอ้เด็กเหลือขอนี่จะเอาชนะซางเปียวได้ในหมัดเดียว
‘ฉันต้องการรากสวรรค์อำพันกลับคืนมา! ไม่งั้นภาพลักษณ์ของฉันในสายตาของผู้มีอิทธิพลคนนั้นจะต้องลดน้อยลงอย่างมากแน่!’
นายน้อยเถิงมองไปที่ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงมุมห้อง จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเขา
เพลย์บอยคนอื่น ๆ ทั้งหมดในห้องรีบถอยหลัง เพื่อเปิดทางให้ เพราะสีหน้าของนายน้อยเถิงนั้นหัวเสียอย่างมาก
ภายใต้สายตาของคนอื่น ๆ ที่กำลังแปลกใจ นายน้อยเถิงเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าชายวัยกลางคนที่แต่งกายด้วยชุดรุงรังก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงและเอ่ยปากว่า “ผู้อาวุโส ได้โปรดช่วยผมด้วย!”
‘อะไรกันวะเนี่ย!’
การกระทำของนายน้อยเถิงทำให้ทุกคนในห้องต่างตกใจ
ไม่มีใครสังเกตเห็นชายวัยกลางคนที่แต่งกายรุงรังคนนี้มาก่อน พวกเขาไม่เห็นว่าเขานั้นเข้ามาในนี้ได้อย่างไร
‘ผู้ชายคนนั้นดูเหมือนเป็นขอทาน’
ทว่านายน้อยเถิงผู้เป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลที่มั่งคั่งในภาคใต้ของจีน กำลังคุกเข่าลงต่อหน้าชายวัยกลางคนคนนั้นและขอความช่วยเหลือจากเขา มัน…มันแทบไม่น่าเชื่อเลย
…
ทันใดนั้นเหล่าเพลย์บอยแต่ละคนในห้อง ก็พูดคุยกันเกี่ยวกับประเด็นที่ร้อนแรงตรงหน้าของตัวตนที่แท้จริงของชายวัยกลางคน
จากนั้นทุกคนก็เห็น ซางเปียวพยายามที่จะลากร่างกายที่บาดเจ็บของตัวเองไปยังชายวัยกลางคน จากนั้นก็คุกเข่าลงต่อหน้าเขาแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์ โปรดแก้แค้นให้กับการบาดเจ็บของผมด้วย!”
…
หลังจากได้ยินคำพูดของซางเปียว ทั้งห้องก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้น!
‘ท่านอาจารย์!’
‘ชายวัยกลางคนที่เหมือนกับขอทานนั่นเป็นอาจารย์ของซางเปียว! นั่นมัน…ไม่น่าเชื่อ!’
วินาทีต่อมาทั้งห้องก็กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง ขณะที่เหล่าเพลย์บอยจับจ้องไปที่ชายวัยกลางคนผู้ลึกลับนั่น
‘ผู้มีพลังอำนาจ!’
พวกเขาสามารถนิยามชายวัยกลางคนที่ลึกลับคนนั้นได้เลยว่าต้องเป็นผู้มีพลังอำนาจเท่านั้น!
“น่าทึ่งมาก…”
จากนั้นชายวัยกลางคนที่แต่งตัวรุงรังก็กระดกขวดสุราเข้มข้นที่เหลือของเขา แล้วเช็ดคราบสุราที่ปากของเขาและพูดช้า ๆ “ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีผู้มีพลังอำนาจในเมืองเจียงซี ช่างน่าทึ่งจริง ๆ !”
หลังจากพูดเช่นนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนในขณะที่มองตรงไปที่ดวงตาของเย่เฟิงแล้วตะโกนว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นขอให้ฉันได้ลองดูสักหน่อย!”
ด้วยความตั้งใจที่จะต่อสู้ที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาของเขา เขากระทืบเท้าและพุ่งออกไป ในเสี้ยววินาทีเขาได้หายตัวไปปรากฏอยู่ตรงหน้าเย่เฟิง!
แคร๊ก!
เพล้ง!
หลังจากชายวัยกลางคนพุ่งออกไป พลังฉีที่หลงเหลือตรงบริเวณนั้นของเขาทำให้ขวดแก้วเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะแตกกระจาย
…
‘เขาทำให้ขวดเปล่าแตกออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยพลังฉีที่เหลืออยู่ของเขา เป็น…พลังที่โคตรน่ากลัว’
ทุกคนในห้องตกใจกับสิ่งที่พวกเขาเพิ่งเห็น!
ในสายตาของพวกเขาชายวัยกลางคนนั้นน่ากลัวเหมือนเทพเจ้า!
เพลย์บอยแต่ละคนมองไปที่เย่เฟิงด้วยความสงสาร
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าเย่เฟิงนั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ โดยไม่คาดคิดว่าจะมีผู้มีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าอยู่ด้วย
พวกเขารู้เป็นที่ชัดเจนว่าชายวัยกลางคนที่แต่งตัวรุงรังนั้น มีพละพลังมากกว่าซางเปียว
‘เย่เฟิงต้องตายแน่!’
นายน้อยเถิงยิ้มมุมปากด้วยความปีติยินดีขณะที่เขาเดินไปหาเย่เฟิงอย่างเร่งรีบแล้วถามว่า “เย่เฟิง เรามาเดิมพันกันอีกครั้งไหม ?”
นายน้อยเถิงหยิบหญ้าเถาเพ้อฝันออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ “ถ้านายสามารถเอาชนะเขาได้ นายก็เอาหญ้าเถาเพ้อฝันนี้ไป! แต่หากนายแพ้ ก็คืนรากสวรรค์อำพันมา! และนายจะต้องออกจากชีวิตของฝางยิ่งตลอดไปอีกด้วย!”
นายน้อยเถิงเดิมพันมากกว่าเดิมในครั้งนี้!
เขามุ่งมั่นที่จะเอารากสวรรค์อำพันกลับคืนมา!
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา เย่เฟิงก็เปิดเผยรอยยิ้มขี้เล่นขณะที่เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของชายวัยกลางคนที่แต่งตัวรุงรังพลางพูดว่า “คุณดูแข็งแกร่งนะ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง เพลย์บอยทุกคนในห้องก็ส่งเสียงอย่างมีชีวิตชีวา
แม้แต่เย่เฟิงก็ยังยอมรับว่าเขาทรงพลัง เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าชายวัยกลางคนนั้นมีพลังอย่างมาก
อย่างไรก็ตามคำพูดต่อไปของเย่เฟิง นั้นก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนตาค้าง!
“แต่มันก็แค่งั้น ๆ!”
‘อะไรนะ!’
‘คุณดูแข็งแกร่งนะ แต่มันก็แค่งั้น ๆ!‘
‘ผู้ชายคนนี้ไม่เคยเกรงกลัวอะไรเลยเหรอ ?’
…
เหล่าเพลย์บอยรู้สึกเหมือนเย่เฟิงนั้นเสียสติไปแล้ว
‘ชายวัยกลางคนนั้นสามารถทำลายขวดแก้วเปล่าบนโต๊ะด้วยพลังฉีที่หลงเหลืออยู่ของเขาเท่านั้น หรือว่าเย่เฟิงจะทรงพลังยิ่งกว่าเขา’
‘นี่มันบ้าไปแล้ว!’
‘แม้เย่เฟิงจะบ่มเพาะพลังมาตั้งแต่แรกเกิด แต่เขาก็ไม่สามารถเทียบได้กับชายวัยกลางคนคนนั้น’
‘แต่เขาอวดดีอย่างมาก เขาต้องตายแน่!’
ทุกคนมองเย่เฟิงด้วยสายตาราวกับว่าเขาเป็นคนโง่งี่เง่าอีกครั้ง
แม้แต่ฝางยิ่งก็เป็นห่วงเขาเช่นกัน
‘ไอ้เด็กบ้านี่คงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่โอ้อวดสินะ…’
ฝางยิ่งพูดไม่ออก!
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ชายวัยกลางคนก็หัวเราะด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นจนเสียดแทงเข้าไปในกระดูก!
“เด็กน้อย มีใครบางคนที่มีพลังมากกว่าเจ้าเสมอ! หวังว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเท่าที่เจ้าคิด!”
ชายวัยกลางคนหันไปมองซางเปียวเล็กน้อยก่อนหันกลับมา ขณะที่เขาพูดขึ้นว่า “เจ้าบอกลูกศิษย์ของฉันว่าสามารถเอาชนะเขาได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว! ดังนั้นฉันจะเอาชนะเจ้าในการเคลื่อนไหวเพียงแค่ครั้งเดียว!”
‘ฉันจะเอาชนะเจ้าในการเคลื่อนไหวเพียงแค่ครั้งเดียว!’
คำพูดของชายวัยกลางคนฟังดูอวดดีอย่างมาก เขาต้องการล้างแค้นให้กับความพ่ายแพ้ของลูกศิษย์!
ชายวัยกลางคนส่งคืนคำพูดของเย่เฟิง กลับมาที่ตัวของเขาเอง!
ในทันใดนายน้อยเถิง ซางเปียว อาซาน และ เพลย์บอยคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
พวกเขารู้ว่าชายวัยกลางคนที่แต่งตัวเหมือนขอทานนั้นโกรธแค้นอย่างยิ่ง และต้องการแก้แค้นให้กับลูกศิษย์!
แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เย่เฟิงก็ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย เขารีบโบกมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ ไม่ ไม่…! คุณเป็นอาจารย์ของเขา! ผมควรจะเคารพคุณ!”
หลังจากพูดแล้วเย่เฟิง ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดต่อว่า “ตอนนั้นผมเอาชนะเขาในหมัดเดียว! ถ้าอย่างนั้นผมจะอนุญาตให้คุณโจมตีผมได้ก่อนสามครั้ง!”
‘ว่าไงนะ!’
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิงแล้วนายน้อยเถิงและคนอื่น ๆ ก็โมโหมาก
‘อวดเก่ง!
‘ยโสโอหังเป็นที่สุด’
‘เขาเอาชนะซางเปียวได้ในหมัดเดียว!’
‘เขาอนุญาตให้อาจารย์ของซางเปียวโจมตีเขาได้ก่อนสามครั้ง!’
‘มันคือ…ความอวดดี อวดเก่งและ หยิ่งผยองสุดขีด!’
‘และที่ไร้ยางอายมากกว่านั้นคือเขาบอกว่าจะเคารพอาจารย์ของซางเปียว โดยอนุญาตให้เขาโจมตีก่อนสามครั้ง!’
‘โอ้พระเจ้า!’
‘ดูความมั่นอกมั่นใจอันไม่มีขีดจำกัดของเขาสิ แม่งโคตรหน้าเหลือเชื่อ’
แม้แต่ฝางยิ่งก็รับไม่ได้ เธอมองดูเย่เฟิงอย่างไม่รู้จะพูดอะไร เธอรู้สึกว่าเขาสมควรถูกทุบตีสั่งสอนบ้างแล้ว
“ดี ดีมาก! หลังจากใช้ชีวิตมากกว่า 3 ทศวรรษ ฉันได้เห็นผู้คนมามากมายแล้ว! แต่เจ้าเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าฉันสูญเสียตรรกะในชีวิต จากการกระทำและคำพูดของเจ้า!”
ชายวัยกลางคนหัวเราะออกมาเสียงดัง ขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่โหดร้าย เขาพูดต่อว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ตายไปซะ!”