‘ฉันล้มเหลว!’
‘ฉันล้มเหลวอีกแล้ว!’
นายน้อยเถิงทรุดตัวลงกับพื้นด้วยใบหน้าที่ซีดและว่างเปล่า
ในสายตาของเขา การโจมตีของเย่เฟิงนั้นน่ากลัวเหมือนกับปีศาจ
‘เคลื่อนไหวเพียงแค่ครั้งเดียว!’
‘เคลื่อนไหวเพียงแค่ครั้งเดียวอีกแล้ว!’
‘จะเป็นยังไงถ้า… นี่ยังไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่มากที่สุดของเขา?’
เมื่อความคิดแปลก ๆ นี้เกิดขึ้นกับเขา นายน้อยเถิงก็ตัวสั่นในขณะที่เขาจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเย่เฟิงด้วยความตื่นตกใจ
ตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนที่แต่งกายรุงรังก็กระอักเลือดออกมา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเทา
เมื่อเปรียบเทียบกับการบาดเจ็บทางร่างกายแล้ว สภาวะช็อกทางจิตใจของเขานั้นบาดเจ็บยิ่งกว่า
หลังจากเช็ดเลือดที่ปากของเขา เขาก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาที่ซับซ้อน
“คุณชนะแล้ว! ผมชื่นชมคุณจากใจจริง!”
ชายวัยกลางคนนั้นไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ
เขารู้ว่าพลังในการต่อสู้ของเย่เฟิงนั้นมีอำนาจมาก!
นอกจากนี้เขายังรู้ว่าเย่เฟิงได้แสดงความเมตตาต่อเขาแล้ว
ไม่เช่นนั้นเขาอาจถูกฆ่าตายไปแล้ว แทนที่จะทำลายกระดูกซี่โครงเพียงแค่ไม่กี่ซี่
เขาได้พยายามพยุงตัวเองยืนขึ้นมาอย่างช้า ๆ จากนั้นเขาก็เดินไปหาเย่เฟิงและโค้งคำนับพลางกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับความเมตตานายน้อย! คุณชนะแล้ว!”
หลังจากนั้นชายวัยกลางคนก็เดินโซเซออกไปจากห้องโดยไม่ลังเล
ในขณะนั้นนายน้อยเถิงและซางเปียวยืนนิ่ง หลังได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคน
‘เขายอมรับว่าเย่เฟิงนั้นคือผู้ชนะ และโค้งคำนับเขาสำหรับความเมตตาของเขา!’
…
นายน้อยเถิงและซางเปียวตกใจอย่างมาก พวกเขารู้ว่าถ้าหากเหตุการณ์ที่พวกเขาเพิ่งจะเห็นนั้นถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน มันจะทำให้ตอนใต้ของจีนทั้งหมดตกตะลึงอย่างแน่นอน!
ใครจะจินตนาการได้ว่าคนที่มีความสามารถในการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของจีน จะถูกเอาชนะได้โดยเด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รับอนุญาตให้โจมตีได้ก่อนสามครั้ง!
‘เถาเพ้อฝัน!’
นายน้องเถิงจ้องมองไปที่เถาเพ้อฝันบนโต๊ะอย่างเสียใจ
หลังจากซางเปียวพลาดท่าจนเขาต้องสูญเสียรากสวรรค์อำพันของเขา
และหลังจากชายวัยกลางคนล้มเหลวเขาก็สูญเสียเถาเพ้อฝัน
พวกมันเป็นของขวัญที่จะให้กับบุคคลสำคัญที่เขายังไม่รู้จัก แต่เขากลับสูญเสียพวกมันทั้งหมดไปแล้ว
ใบหน้าของนายน้อยเถิงเปลี่ยนเป็นซีดมากขึ้นขณะที่เขาลุกขึ้นยืนและบอกเย่เฟิงว่า “เย่เฟิงผมมีบางอย่างที่จะเจรจากับคุณ!”
นายน้อยเถิงพยายามฝืนยิ้มกว้างให้กับเย่เฟิง
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้วเย่เฟิงก็ชะงักไปทันที ขณะที่เขาหันกลับมาและถามเขาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “อะไรหรอ ? พูดมาเลย!”
“เอ่อ…เถาเพ้อฝันและรากสวรรค์อำพันนั้นจำเป็นมากสำหรับผม! คุณจะขายมันได้หรือไม่ ?”
นายน้อยเถิงขายหน้าอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเขาต้องเจรจากับเย่เฟิงอย่างสุภาพ นั่นทำให้เขากระวนกระวายอย่างมาก
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เย่เฟิงชำเลืองมองที่หน้านายน้อยเถิงเล็กน้อยและพูดพร้อมกับยิ้มว่า “คุณอยู่ตระกูลอะไรหรอ ?”
‘อะไรนะ?’
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้วนายน้อยเถิงก็รู้สึกสับสน
เขาไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนามสกุลของเขากับสมุนไพร
ถึงแม้ว่าจะงง แต่นายน้อยเถิงก็ยังเอ่ยตอบว่า “ผมคือซู่เถิง!”
‘ซู่ ?’
หลังจากได้ยินชื่อตระกูลของเขาเย่เฟิงก็เผยรอยยิ้มที่สดใสเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยที่จ้องจะขโมยไก่อย่างลับ ๆ ล่อ ๆ
“ดี! เนื่องจากชื่อสกุลของคุณคือซู่ ฉันจะขายให้คุณได้ในราคา 50 ล้านหยวนสำหรับสมุนไพรแต่ละชนิด 100 ล้านหยวนสำหรับทั้งสองอันนี้!”
‘แม่งเอ้ย!’
หลังจากได้ยินว่าเย่เฟิงจะขายพวกมันให้กับเขานายน้อยเถิงก็ตื่นเต้น แต่เมื่อเขาได้ยินราคาเขาแทบจะสลบ
‘โธ่เว้ย!’
‘นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!’
แม้ว่าสมุนไพรทั้งสองจะเป็นสิ่งหายาก แต่ก็มีมูลค่ารวมทั้งหมดประมาณ 10 ล้านหยวนเท่านั้น
‘แต่ไอ้งั่งนี้เรียกราคาตั้ง 100 ล้านหยวน?’
‘นี่มันปล้นกันชัด ๆ !’
ใบหน้าของนายน้อยเถิงเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนตับหมู ขณะที่จ้องมองเย่เฟิงด้วยความโกรธและโมโหเขาพูดเสียงดังว่า “100 ล้านหยวน! เอาล่ะ! ผมตกลง!”
แน่นอนว่ามันสำคัญกว่าสำหรับเขาที่จะได้ทำความรู้จักกับผู้มีอิทธิพลคนนั้นมากกว่าจะมาเสียดายเงินแค่ 100 ล้านหยวน
นายน้อยเถิงหยิบการ์ดของธนาคารออกมาด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นและมอบมันให้เย่เฟิง เขากล่าวว่า “การ์ดธนาคารนี้มีเงิน 100 ล้านหยวน ที่ผมได้จากการช่วยบริหารธุรกิจของตระกูลของผมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เย่เฟิงก็รับการ์ดมาทันที
หัวใจของนายน้อยเถิงเต้นแรง ขณะที่เย่เฟิงกำลังจะจับการ์ดใบนั้น
‘นั่นคือทรัพย์สินทั้งหมดของฉัน ทว่าไอ้เวรนี่ก็ได้มันไปทั้งหมดในช่วงเวลาแค่สั้น ๆ !’
นายน้อยเถิงต้องการที่จะฉีกเย่เฟิง ออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยปากของเขา
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นชายกลุ่มหนึ่งก็เข้ามา ทุกคนในห้องตกตะลึงเพราะผู้คนที่เข้ามาล้วนแล้วแต่เป็นพวกผู้มีอิทธิพลของเมืองเจียงซี!
…
พวกเพลย์บอยแต่ละคนกลายเป็นหิน
แม้แต่นายน้อยเถิงก็ยังตกตะลึงในทันที
แต่เมื่อเขาเห็นชายชราคนหนึ่งในหมู่คนพวกนั้น เขาก็เผยความดีใจอย่างมากในที เขาทักทาย “คุณปู่ อะไรพาคุณปู่มาที่นี่ ? คุณปู่ไม่ไปพบบุคคลสำคัญคนนั้นหรอกเหรอ ?”
นายน้อยเถิงตื่นเต้นอย่างมากเมื่อเขารู้ว่าในที่สุดเขาก็มีโอกาสล้างแค้นความทุกข์ในใจของเขา
‘คุณปู่?’
เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของนายน้อยเถิงเหล่าเพลย์บอยในห้องก็ตกใจมาก
‘หรือว่าจะเป็นคุณปู่ของนายน้อยเถิง ผู้ทรงอิทธิพลในภาคใต้ของจีนใช่ไหม ? “
บรรดานายน้อยในห้องต่างไม่กล้าหายใจดัง
‘ผู้ทรงอิทธิพลในภาคใต้ของจีน!’
‘และยังมีผู้มีอิทธิพลระดับสูงในเมืองเจียงซี!’
นี่เป็นกลุ่มบุคคลที่น่าหวั่นเกรงมาก ซึ่งทำให้เลือดในกายของพวกเขาแข็งตัว!
เพลย์บอยแต่ละคนจับจ้องไปที่เย่เฟิงด้วยความเวทนาอย่างมาก
‘เขาเพิ่งจะปล้นและทำให้นายน้อยเถิงเสียศักดิ์ศรี แต่ตอนนี้ ปู่ของนายน้อยเถิงก็มาอยู่ที่นี่ เย่เฟิงต้องตายแน่!‘
อาซานตัวสั่นในขณะที่เขาเกือบจะปัสสาวะรดกางเกงออกมา
“หึหึ… ไอ้ลูกหมาแกตายแน่! ไม่ว่าแกจะเก่งสักแค่ไหน! ถึงแกจะเอาชนะผู้มีพลังอำนาจ 1 หรือ 2 คนได้ แต่แกจะเอาชนะ 10 หรือ 100 ได้งั้นเหรอ ? มีผู้มีอิทธิพลจากภาคใต้ของจีนและเหล่าผู้มีอิทธิพลระดับสูงมากมายของเมืองเจียงซี! แกตายแน่นอน!”
อาซานตื่นเต้นอย่างมาก เขาคาดการณ์ผลลัพธ์ที่น่าสังเวชของเย่เฟิงได้
อย่างที่คาดการณ์ไว้ นายน้อยเถิงรีบเล่าให้ชายชราฟังว่า “คุณปู่ฉันได้นำสมุนไพร 10 ชนิด ตามที่บอกมาแล้ว! แต่ฉันถูกรังแกโดยไอ่งั่งนี้! นอกจากทำร้ายซางเปียวและคุณตู้แล้ว เขายังปล้นฉันไปอีก 100 ล้านหยวน!”
นายน้อยเถิงจับจ้องไปที่เย่เฟิง ในขณะที่เขากัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง เขาพูดต่ออีกว่า “เมื่อคุณปู่อยู่ที่นี่แล้ว คุณปู่ต้องแก้แค้นให้ผมด้วยนะ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของ นายน้อยเถิง เส้นเลือดบนหน้าผากของชายชราก็ปูดนูนขึ้นมาเล็กน้อย ขณะใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นมืดมน เขาพยายามข่มความโกรธแค้นของเขา แล้วเอ่ยถามว่า “เถิง ใครกล้าสร้างปัญหาให้เจ้า ?”
“มันชื่อเย่เฟิง คนที่อยู่ในมุมห้อง!” นายน้อยเถิงเปิดเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยขณะที่เขาชี้ไปที่เย่เฟิง
เมื่อเห็นเย่เฟิง ดวงตาของชายชราก็เบิกโพลง จากนั้นเขาถามนายน้อยเถิงด้วยรอยยิ้ม ขณะข่มความโกรธเอาไว้ “เถิง บอกฉันว่าเจ้าวางแผนจะกำจัดเขายังไง”
“จะกำจัดเขายังไง ?”
นายน้อยเถิงก็ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เปิดเผยหน้าตาที่โหดเหี้ยมแล้วตอบว่า “คุณปู่ ส่งใครไปหักขามัน! ใช่! หักขาของเขา!”
‘หักขาของมันเหรอ ?’
ชายชราเผยให้เห็นสีหน้าที่เจ็บปวดและหวาดกลัว ในขณะที่เขาตอบว่า “เอาล่ะ หักขามันซะ!”
หลังจากได้ยินเสียงตอบรับของชายชรา ทุกคนในห้องถึงกับสะดุ้ง ขณะที่พวกเขาจับจ้องเย่เฟิงด้วยความสงสารมากยิ่งขึ้น
‘ถึงแกจะเก่ง แล้วไงล่ะ ขาของแกกำลังจะหักแล้ว!’
หลังจากได้ยินแบบนั้น อาซานเกือบจะกระโดดขึ้นเพราะความตื่นเต้น
ก่อนหน้านี้ เย่เฟิงเคยหักขาของเขา หากเขาสามารถเห็นคนอื่นหักขาของเย่เฟิงได้ มันต้องเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นแน่นอน
แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงกระดูกหักที่ดังชัดเจน ทุกคนในห้องแข็งตัวทื่อ
พวกเขารีบหันไปดูที่แหล่งกำเนิดของเสียงขณะที่พวกเขารู้สึกกลัวจนตัวเทิ้มสั่น
‘ใช่ ขาของชายคนหนึ่งหัก!’
‘แต่มัน… เป็นเป็นขาของนายน้อยเถิงที่หัก!!‘