‘ตายแล้ว… เขาตายแล้ว!’
ซือกงจิงและชายชราต่างตกตะลึงในสิ่งที่พวกเขาเห็น – ผู้เชี่ยวชาญด้านมวยไทยโดนจัดการตายไปแล้ว
ด้วยการโจมตีเพียง 3 ครั้ง!
ทำลายขาของเขาในการโจมตีครั้งแรก!
ทำลายเข่าของเขาในการโจมตีครั้งที่ 2!
และฆ่าเขาลง ในการโจมตีครั้งที่ 3 !
‘นั่น…มันเป็นไปไม่ได้!’
ซือกงจิงและชายชราตัวสั่น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
พวกเขาไม่นึกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านมวยไทย ผู้คุ้มกันระดับสูงสุดของตระกูลซือกง จะถูกสังหารได้ในการโจมตีเพียงแค่ 3 ครั้ง
ถ้าเหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ มันจะสร้างความแตกตื่นไปทั่วทั้งภาคเหนือของจีน!
ซือกงจิงและชายชราจับจ้องไปที่ภูผาเหล็กพร้อมกัน
พวกเขาพบว่าดวงตาของภูผาเหล็กนั้นสีแดงเข้ม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เหมือนปีศาจตัวจริง เมื่อพวกเขามองใบหน้านั้น เลือดในตัวของพวกเขาแทบจะแข็งตัว!
แต่คนที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากที่สุดคือเย่เฟิง ที่ยังคงนั่งอยู่บนกิ่งของต้นหลิว
เย่เฟิงไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เพียงแค่ออกคำสั่ง 3 ครั้งให้กับลูกน้องของเขาฆ่าผู้เชี่ยวชาญด้านมวยไทย!
สิ่งที่เขาทำนั้นมันดูเกินกว่าคำจำกัดความของคำว่าปีศาจ!
“ฉัน…ฉันทำแล้ว! ฉันฆ่าเกอร์สันได้แล้ว!”
มารภูผาเหล็กอุทานออกมาด้วยความตกใจและตื่นเต้น
ก่อนหน้านี้ในสายตาของเขา เกอร์สันเป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัว ที่สามารถกวาดล้างสำนักศิลปะการต่อสู้หลายสิบแห่งและจัดการปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้อีกหลายสิบคน
สำหรับมารภูผาเหล็ก เมื่อเทียบกับเกอร์สันแล้วก็เป็นเหมือนตัวตลกตามสวนสนุกเท่านั้น
แต่เขากลับฆ่าเกอร์สันได้ใน 3 การโจมตี นั่นทำให้เขายังคงตื่นเต้นและพยายามอย่างมากที่จะสงบสติอารมณ์อยู่
มารภูผาเหล็กมองไปที่เย่เฟิง ด้วยแววตาแห่งความชื่นชมและยอมรับ!
เขาคุกเข่าลงบนพื้นด้วยเข่าข้างหนึ่ง กำมืออีกข้างแล้วยกขึ้นมาวางไว้ตรงหัวใจของเขาด้วยความนับถือ ก่อนที่จะพูดว่า “เจ้านาย ภูผาเหล็ก อาศัยการคาดการณ์ของเจ้านายและฆ่าเกอร์สันได้แล้วครับ!”
ขณะนี้ชายที่อยู่บนต้นไม้ก็กลายเป็นเหมือนเทพเจ้าในหัวใจของภูผาเหล็ก!
“ไม่เลว!”
เย่เฟิงตอบ เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มราวกับว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
หลังจากนั้นเขาก็จับจ้องไปที่ซือกงจิงด้วยสายตาที่ดูน่ากลัว “มันเป็นตาของเธอแล้ว! ตบหน้าตัวเอง 10 ครั้ง แล้วฉันจะให้อภัยเธอ!”
‘อะไรนะ!’
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิงแล้ว ซือกงจิงก็หน้าเปลี่ยนสีในทันที
ในฐานะที่เป็นคุณหนูของตระกูลซือกง เธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะล้มเหลวแบบนี้
ผู้คุ้มกันของเธอถูกฆ่าตาย ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอโกรธมากแล้ว!
เธอยังต้องตบหน้าตัวเองด้วยความอับอาย!
เธอไม่เคยถูกดูถูกแบบนี้มาก่อนตั้งแต่เธอเกิดมา
ซือกงจิงโมโหมากราวกับนางสิงห์ที่โกรธจัด
ตอนนั้นเองชายชรารีบหยุดเธอไว้ ขณะที่เขาเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วโบกมือไปหาเย่เฟิงพร้อมพูดว่า “คุณเย่ครับ คุณหนูซือกงยังเด็กเกินไปและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โปรดยกโทษให้เธอสักครั้ง!”
หลังจากพูดแล้วชายชราชี้ไปที่ศพของเกอร์สันที่นอนอยู่บนพื้นแล้วกล่าวต่อว่า “เกอร์สันก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว มันน่าจะเป็นการลงโทษที่เพียงพอแล้ว!”
จากคำพูดของชายชรา เขาพยายามจะพูดอย่างเป็นมิตรกับเย่เฟิง
ทว่าซือกงจิง ยังคงไม่พอใจ เธอรีบแย้งขึ้นมาทันที “ปู่กู๋ ไม่ต้อง…”
ชายชรารีบโบกมือเพื่อหยุดเธอ จากนั้นเขามองตรงไปที่ดวงตาของเย่เฟิง
แต่เย่เฟิงก็ตอบด้วยเสียงที่บอกอารมณ์ไม่ถูก “ฉันจะพูดอีกครั้ง! ตบหน้าตัวเองหรือว่าจะตาย … ”
…
หลังจากได้ยินคำพูดชี้ขาดของเย่เฟิง ใบหน้าของชายชราจะเปลี่ยนเป็นมืดมนในทันที เขาหันไปบอกซือกงจิง “คุณหนู ทำตามคำสั่งของคุณเย่ซะ!”
‘อะไรนะ!’
ซือกงจิงตกตะลึง เพราะเธอไม่คิดว่าปู่ของเธอจะเข้าข้างเย่เฟิง
แต่เมื่อมองไปที่เย่เฟิงซึ่งกำลังจ้องมองเธออยู่ ซือกงจิงก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
เธอรู้สึกราวกับว่าเธอถูกจ้องมองโดยปีศาจ
“คุณหนู! ทำตามที่บอกเถอะ!” ชายชราที่อยู่ในตระกูลกู๋ ตะโกนใส่เธออย่างช่วยไม่ได้
ตอนนั้นเอง ซือกงจิงรู้ว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธได้แล้ว!
ดังนั้นเธอจึงยกแขนขึ้นและเริ่มตบหน้าตัวเองอย่างแรง!
เพียะ!
เมื่อตีหนึ่งครั้งจะเห็นรอยฝ่ามือสีแดงปรากฏบนใบหน้าของซือกงจิง
อย่างไรก็ตามความเกลียดชังในสายตาของเธอก็มากยิ่งขึ้น!
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
ขณะที่เธอตบหน้าของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แก้มของเธอก็ค่อย ๆ บวมขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งสายตาของมนุษย์นั้นไม่สามารถจะสังเกตเห็นได้
เมื่อเธอตบครั้งสุดท้าย ความเกลียดชังและความโกรธแค้นในดวงตาของเธอก็ระเบิดออกมา
“เย่เฟิงจำไว้! ฉันจะทำให้แกต้องประสบความอับอายและเสื่อมเสียกว่านี้ 10 เท่าในอนาคต!”
ซือกงจิงเกลียดเย่เฟิงอย่างมาก เธอหันหลังกลับและตั้งใจจะเดินจากไปในทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอหันหลังกลับเธอพบว่ามีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ กำลังยืนขวางทางเธออยู่
เธออายุประมาณ 10 ขวบ สวมเสื้อผ้าโทรม ๆ
ทว่าดวงตาของเธอนั้นเปล่งประกายราวกับดวงดาวในยามราตรี
ใบหน้ารูปไข่และผิวพรรณที่เรียบเนียนของเธอนั้น บอกได้เลยว่าเธอนั้นเป็นสาวงามที่หาตัวจับยากเลยทีเดียว
แต่กลับมีปานดำบนใบหน้าของเธอ!
ปานนี้ใหญ่เป็นครึ่งหนึ่งของใบหน้าของเธอ ทำให้ครึ่งหน้านั้นของเธอดูน่ากลัว!
ซือกงจิงตกใจ แต่เมื่อเธอตั้งสติได้ เธอก็ด่าหญิงสาวด้วยความอารมณ์โมโห “ยายสัตว์ประหลาด แกมาจากไหน! แกทำให้ฉันกลัว รู้ไหม”
หลังจากได้ยินคำพูดที่มากเกินไปของซือกงจิง ร่างเล็กของเด็กสาวก็ตัวสั่น ขณะที่เธอเปิดเผยความกลัวอย่างมาก “พี่…พี่สาว หนูขอโทษนะคะ ซวินเอ๋อไม่ได้ตั้งใจค่ะ…”
น้ำตาใส ๆ เริ่มรื้นขึ้นมาในดวงตาของเธอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นดวงตาที่แสดงความขยะแขยงของซือกงจิง เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็ตัวสั่นเทาขณะที่เธอก้มหัวลงอย่างประหม่า
“แกไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นเหรอ? แกคิดว่าแกสามารถเดินไปไหนมาไหน และทำให้ผู้คนหวาดกลัว แล้วบอกแค่ว่าแกไม่ได้ตั้งใจแค่นั้นเหรอ”
ซือกงจิงระบายความโกรธของเธอกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ขณะที่เธอดุด่าซวินเอ๋อ เธอชี้ไปที่ใบหน้า “มองดูสารรูปที่น่าเกลียดของแก มันน่าขยะแขยง! แกรู้ไหมว่ารูปลักษณ์ที่น่าเกลียดของแก อาจทำให้คนตายจากการมองเห็นหน้าแกได้!”
คำชั่วร้ายและบาดหูของซือกงจิง ทำให้เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นั่นต้องหลั่งน้ำตาออกมา
“ซวินเอ๋อ อัปลักษณ์เกินไป หนูขอโทษที่ทำให้กลัวนะคะ ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ!”
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นั่นร้องไห้ออกมา ขณะที่เธอก้มหน้าลงอย่างไม่ลดละและกล่าวขอโทษซือกงจิง เธอพูดต่อว่า “ซวินเอ๋อมาที่นี่เพื่อเจอพี่เย่เฟิง หวังว่าพี่ชายเย่เฟิง จะช่วยฉันกำจัดปานที่ใบหน้าของหนูได้!”
‘อะไรนะ!’
‘กำจัดปานงั้นเหรอ ?’
หลังจากได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ซือกงจิงก็เย้ยหยันทันที “ฮึ ปรากฎว่าสัตว์ประหลาดน่าเกลียดตนนี้ต้องการที่จะสวย! แกจะต้องผิดหวัง! ผู้ชายคนนั้นเขาไม่ช่วยฉันด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงจะต้องช่วยแก”
ซือกงจิงมองเด็กหญิงตัวน้อยด้วยสายตาที่น่ารังเกียจ
เย่เฟิงไม่ช่วยเธอแม้แต่ตอนที่เธอหยิบสมุดเช็คออกมา ไม่ต้องพูดถึงคนที่มีสภาพเหมือนขอทานที่ยากจนคนนี้เลย
ไม่เพียงแค่นั้นการมองใบหน้าน่าเกลียดของเด็กสาว เธอก็โมโหอย่างมาก “ใบหน้าของแกทำให้ฉันกลัว ฉันจะต้องตบหน้าแกให้ได้!”
หลังจากพูดอย่างนั้นไฟแห่งความโมโหก็ฉายชัดในดวงตาของเธอ เธอเดินไปข้างหน้า ซือกงจิงยกแขนขึ้นและตั้งใจจะตบหน้าเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนั้น!
เพียะ!
เสียงเนื้อกระทบมือดังชัดเจน!
แต่น่าแปลกที่เด็กสาวยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความสั่นกลัว
แต่เป็นซือกงจิงที่ลอยกระเด็นและลงกระแทกไปกับพื้น
ในขณะเดียวกันมีคน ๆ หนึ่ง ยืนอยู่ข้างหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้น
มันคือเย่เฟิง!
“เย่เฟิง! แก… แกกล้าตบฉันได้ยังไง!”
เลือดสีแดงไหลออกจากปากของซือกงจิง ในขณะที่เธอยกมือขึ้นกุมแก้มที่ร้อนและแดงของเธอ
หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาของเย่เฟิงก็เป็นประกายเย็นชา ขณะที่เขาตอบว่า “ฉันไม่อยากตบผู้หญิง แต่ฉันชอบฆ่าผู้หญิง! เธออยากลองไหมล่ะ ?”
‘ว่าไงนะ!’
ใบหน้าของ ซือกงจิงซีดลงในเสี้ยววินาที
หลังจากดูสาวน้อยน่าเกลียดเธอก็ตอบด้วยความโกรธ “อะไรกัน ? แกต้องการที่จะช่วยนางสัตว์ประหลาดน่าเกลียดตัวนี้จริง ๆ หรือ ?”
“แน่นอน!”
เย่เฟิงยกมุมปากขึ้นขณะที่มองตรงไปที่ดวงตาของซือกงจิงและพูดอย่างเย็นชา “ถ้ามีคนที่มีหน้าตาอัปลักษณ์มันยังรักษาให้หายได้! แต่เธอที่จิตใจอัปลักษณ์ มันไม่มีทางรักษาให้หายได้!”
‘อะไรนะ!’
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ใบหน้าของซือกงจิงก็ดูมืดมนลงอย่างมาก
เธอไม่คิดว่าเย่เฟิงจะไม่เห็นด้วยที่จะช่วยเธอ ไม่ว่าเธอจะจ่ายเงินมากเท่าไร แต่เย่เฟิงตัดสินใจที่จะรักษาสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดนี่!
“ดี! เย่เฟิง จะไม่มีการยอมอ่อนข้อให้ระหว่างเรา! นี่คือจุดจบ! ตระกูลซือกงจะทำให้แกต้องเสียใจ!”
ซือกงจิงจ้องไปที่เย่เฟิงอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนเธอจะลุกขึ้นและเดินออกไปกับชายชรากู๋
อย่างไรก็ตาม เย่เฟิงไม่ได้สนใจเกี่ยวกับท่าทางคุกคามของซือกงจิงเลย
ในตอนนั้น เย่เฟิงจ้องมองเด็กผู้หญิง ที่มีปานดำขนาดใหญ่บนหน้าด้วยความตื่นเต้น!
‘กายาพิษระดับสูงสุด!’
‘เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้มีกายาพิษระดับสูงสุด!’