ตอนที่7 ค้อนกรรไกรกระดาษ
คอลลีนที่ปลิวล้มไปนั้นก็พยายามพยุงตัวลุกขึ้นยืนใหม่ แต่หลังจากที่เดินได้สามสี่ก้าวก็เริ่มเซเหมือนกับกำลังหมดแรง เธอลองจับที่หน้าอกตัวเองดูก็รู้สึกปวดทันที เธอจึงรู้มั่นใจได้อย่างมากว่าเธอโดนโจมตีที่หน้าอก
หลังจากที่ลีผลักเธอจนล้ม ลีเองก็รู้สึกเพลียมาก จนทรุดคุกเข่าอยู่บนพื้น ทางคอลลีนเองเธอก็หยิบดาบขึ้นมาเพื่อที่จะสู้ต่อ เมื่อลีเห็นแบบนั้นจึงตะโกน “หยุดได้แล้ว! ผมไม่เหลือแรงแล้ว ขอยอมแพ้!”
คอลลีนเองก็ยืนงงพร้อมกับถามขึ้นมา “ลี นั่นคือการโจมตีจากโรงเรียนคาเมะของนายหรอ?”
ลีปาดเหงื่อตัวเองพร้อมกับยืนขึ้นและพูดว่า “ก็นะ นั่นคือกระดาษ เป็นส่วนหนึ่งของทักษะ ค้อน กรรไกร กระดาษ โดยค้อนจะใช้กำปั้น กรรไกรจะใช้นิ้ว และกระดาษจะใช้ฝ่ามือโจมตีหน่ะ”
ในการใช้ค้อนกรรไกรกระดาษชณะที่รวบรวมพลังกิไว้ด้วย จะทำให้การโจมตีมีพลังมาเคลือบที่มือ ซึ่งนั่นหมายความว่าสามารถโจมตีได้แม้กระทั่งมือยังไม่ถึงศัตรูก็ตาม
และเนื่องจากการเคลือบด้วยพลังกินี้ มันใช้พลังมากกว่าการนำพลังกิไปย่างอาหาร จึงทำให้สูญเสียพลังเป็นจำนวนมาก
“เทคนิคงั้นหรอ!? เยี่ยมจริงๆเลยนะ..”
“ถ้างั้นเธอก็เชื่อผมแล้วจริงๆใช่มั้ยว่า ผมฝึกฝนมาจริงๆหน่ะ!?”
คอลลีนคิดและโวยวายคนเดียว ‘ถ้าเกิดว่ามันไม่จริงแล้วมันจะเป็นอะไรไปได้หล่ะแหม๋!!’
“ว่าแต่นะ ทุกคนสามารถเรียนการเรียนการสอนของโรงเรียนคาเมะได้รึเปล่า?”
ลีคิดอยู่พักนึงและตอบกลับ “ตามทฤษฎีก็ใช่ แต่มันจำเป็นอย่างมากที่ต้องฝึกฝนให้เชี่ยวชาญก่อนถึงจะเก่งได้ ซึ่งผมก็พึ่งเรียนมาแปปเดียวเอง”
“นั่นก็หมายความว่าชั้นเรียนได้ใช่มั้ย?”
“ก็ใช่…” ลีมองไปที่มือของคอลลีน “ตอนนี้เธอเองก็มีพลิงกิแต่แค่น้อยมากและควบคุมไม่ได้ แต่ว่านะมันมีหนทางที่จะพัฒนาให้เร็วขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นได้!”
คอลลีนยิ้มและถาม “แล้วนายสอนชั้นได้มั้ย? หรือมีแค่ระดับอาจารย์ที่สอนได้เท่านั้น?”
“ถ้าเรื่องพลังกิล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องมีคำว่าอาจารย์และศิษย์หรอก….”
เมื่อคอลลีนได้ยินแบบนี้ก็ตาลุกวาว ทันใดนั้นลีก็พูดขึ้นต่อว่า “แค่เป็นแฟนของผมหน่ะ!!”
คอลลีนงงมากพร้อมกับยิ้มแหยะๆ และยกดาบคาตานะขึ้นมาชี้ไปยังประตูทางออก “ไสหัวออกไปส้ะ!”
“เหยเหย ระวังดาบหน่อยเส้” ลีขำพร้อมกับเดินออกไป “แล้วเจอกันนะคอลลีน”
“หุบป..”
คอลลีนเดินตามไปปิดประตูพร้อมกับพูดพึมพำ “เขาน่าสนใจขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนส้ะอีก การที่ฝึกฝนพลังกินั่นก็ดูสุดยอดดีด้วย”
………………………..
“เดี๋ยวนะ!! ข้ายังไม่ได้กินอาหารเที่ยงเลยนิหว่า แต่ช่างมัน กินอาหารเย็นรวบไปก็ได้”
เมื่อลีเดินกลับมาถึงร้านตัวเองก็เดินเข้าครัวไปใส่ถุงมือ ผ้ากันเปื้อน และเริ่มล้างจานทันที
“สงสัยต้องจ้างจริงๆสินะ”
เขาแทบจะเหนื่อยตายอยู่และจากการล้างจาน เมื่อล้างเสร็จเขาก็เดินเอาป้ายไปติดหน้าร้านทันทีว่า ‘รับพนักงาน 1คน อาหารฟรี พร้อมที่พัก ส่วนเงินเดือนตามข้อตกลง’
ทันใดนั้นหลังจากที่ลีเดินกลับเข้ามาหลังร้านก็ได้ยินเสียงกระดิ่งดังขึ้น
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ร้านลี…” ขณะที่เขาเดินออกมาจากหลังร้านก็ตกใจอีกครั้ง “ทำไมมานี่อีกแล้ว!?”
“ทำไมชั้นถึงมาที่นี่ไม่ได้? มากินที่นี่ไม่ได้อีกแล้วหรอ?”
คอลลีนที่ไม่ได้กินข้าวเที่ยงเหมือนกัน เดินเข้าร้านมาพร้อมกับชี้ที่ลีและพูดว่า “ได้พนักงานที่ร้านยัง?”
“ผมจะได้ได้ยังไง พึ่งจะติดป้ายเอง! อย่าบอกนะว่าเธอจะปิดยิมตัวเองแล้วมาเป็นพนักงานหน่ะ?”
“ก็นะ แล้วเริ่มงานเมื่อไหร่หล่ะ?”
ลีที่คิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆแต่ก็มั่นใจเลยว่านี่เธอกำลังจริงจัง
“งั้นก็ถ้ายังไงเดียวติดต่อกลับไปนะ..”
ทันใดนั้นคอลลีนก็เดินไปยังโทรศัพท์ที่ร้านของลีและโทรเข้าเบอร์ตัวเอง “สวัสดี ชั้นพร้อมทำงานแล้ว!”
ลีที่เห็นแบบนั้นก็งงไปเลย “เอ่อ.. ถ้าจะเอางั้นจริงก็ มากินข้าวด้วยกันสิคืนนี้!”
คอลลีนส่ายหัว “ขอบคุณนะ ชั้นจะไม่กินฟรีหรอก เงินมันหายากนะ”
“อย่ากังวลไปหน่ะ” ลีพูด “ผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินสะหน่อย เชื่อสิเมื่อวานผมพึ่งเจอกับคนรวยมา ซึ่งมาปิดร้านผมและมอบเงินให้ผมเยอะเลย!”