The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 23: ความภักดีของทิโมธีและการหายตัวไปของคิมูระ

ตอนที่ 23: ความภักดีของทิโมธีและการหายตัวไปของคิมูระ

 

ภายหลังสงคราม คังชอลอินได้ปล่อยนกพิราบให้เป็นอิสระเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการกลับคืนสู่ความสงบ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เริ่มต้นจัดการเรื่องราวต่าง ๆ อย่างจริงจัง เส้นเลือดบนหน้าผากของเขากลับต้องโป่งนูนขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ตรวจสอบปริมาณทองในคลังของคิมูระ

 

‘ไอ้เวรนี่มันช่าง…’

 

น่าเสียดายที่ทองคำที่เขาได้ริบมาจากคิมูระมีแค่เพียง 2,000 แท่งเท่านั้น

 

ทองหนึ่งแท่งเทียบกับมูลค่าเงินวอนได้ประมาณ 500,000 วอน เช่นนั้นทอง 2,000 แท่งนี้จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันล้านวอน โดยทั่วไปแล้วมันถือเป็นเงินจำนวนมาก

 

อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มากพอหรือใกล้เคียงกับที่คังชอลอินคาดการณ์เอาไว้

 

‘ใจเย็น ๆ คุมสติตัวเองเอาไว้ก่อน!’

 

คังชอลอินรวบรวมความอดทนที่มีทั้งหมดเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองในการพยายามยั้งใจไม่ให้วิ่งออกไปกระชากคอเสื้อคิมูระซะเดี๋ยวนี้

 

‘มันน้อยเกินไป’

 

ราคาที่ใช้จ่ายเพื่อซื้อดินแดนเบอร์โรลมากสุดมันก็แค่ทอง 4,000 แท่งเท่านั้น นอกเหนือจากทอง 2,000 แท่งที่เขาได้รับมานี้แล้วที่เหลืออีก 4,000 มันหายไปไหน?

 

“นายท่าน”

 

ขณะที่ลูเซียกำลังถือแกนวิญญาณของลาพิวต้าเอ่ยเรียกเขาออกไปอย่างระวังเมื่อนางสังเกตเห็นว่าคังชอลอินกำลังตัวสั่นด้วยความโกรธ

 

“มีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”

 

“มันน้อยเกินไป”

 

“เจ้าคะ? นายท่านหมายถึงสิ่งใด?”

 

“ทองคำที่เราได้มาจากคิมูระมีน้อยเกินไป มันมีทองแค่เพียง 2,000 แท่งเท่านั้น”

 

“2,000 หรือเจ้าคะ?! ไม่มีทาง! อย่างน้อยมันควรจะมีสัก 4,000 เป็นอย่างต่ำสิเจ้าคะ!”

 

“เขาคงใช้จ่ายอย่างสุร่ายสุร่ายมากเกินไปหลังได้เห็นจำนวนทองที่ตัวเองมี”

 

“โอ้พระเจ้า!”

 

“ช่างเถอะ มันไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ การไปบอกให้เขาคืนทองที่ใช้จ่ายไปแล้วกลับคืนมาไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้”

 

“มันก็จริงเจ้าค่ะ”

 

“ลูเซีย”

 

“เจ้าคะ?”

 

“นั่นถึงเป็นเหตุผล…”

 

“โปรดสั่งการมาที่ข้าได้เลยเจ้าค่ะ”

 

“เจ้าช่วยนำทองจากกองหนุนส่วนตัวมาให้ข้าก่อนสัก 500 แท่งจะได้หรือไม่?”

 

คังชอลอินพูดด้วยความอับอายเล็กน้อย

 

กองหนุนส่วนตัวคือเงินส่วนตัวสำหรับราชันย์ กล่าวโดยสรุปมันคือค่าใช้จ่ายที่เตรียมไว้เพื่อราชันย์โดยเฉพาะและโดยปกติแล้วจะต้องได้รับการตัดสินใจหลังจากปรึกษากับผู้ช่วยส่วนตัวแล้วเท่านั้น คังชอลอินรู้สึกอับอายที่ต้องหยิบยืมทองออกมาเช่นนี้เพราะสถานะทางการเงินของลาพิวต้าก็ค่อนข้างแย่เป็นทุนเดิม พวกเขาใกล้จะประสบกับปัญหาทางการเงินมากยิ่งขึ้นทุกวันแล้วยังมาร้องขอเงินส่วนตัวไปใช้ทันทีหลังมีเงินเข้ามาเช่นนี้อีก

 

“เฮ้อ”

 

ลูเซียถอนหายใจ

 

คังชอลอินที่กำลังรู้สึกอับอายแสร้งทำเป็นมองไปทางอื่น

 

“องค์ราชันย์”

 

“ว่ามา”

 

“ข้าจะมอบทองให้ท่าน 1,000 แท่งหากท่านเอ่ยถามโดยไร้ซึ่งความลังเลกับข้า ดั่งเช่นคำพูดที่ว่า “เป็นบุรุษก็ควรภาคภูมิกับเงินที่ตัวเองมีได้อย่างเต็มที่””

 

“อืม”

 

“และเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของท่าน ท่านจำเป็นต้องมีทองอย่างน้อย 1,000 แท่งถึงจะเป็นการดีที่สุด เช่นนั้นข้าจะนำทองมามอบให้ท่าน 1,000 แท่งนะเจ้าคะ”

 

ลูเซียกล่าวราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะใช้จ่าย

 

“แม้เราจะต้องประหยัดและอดอาหาร แต่ลูเซียผู้นี้จะมอบความช่วยเหลือที่เพียงพอให้แก่ท่านเองเจ้าค่ะ แม้ทุกคนจะต้องกินอาหารวัวต้มแทนขนมปังก็ตาม!”

 

ถึงอย่างนั้นนางก็ยังรู้จักใช้วิธีเพื่อกดดันอีกด้วยเช่นกัน

 

“ข้าต้องการทองแค่เพียง 500 แท่ง”

 

“จะพอหรือเจ้าคะ?”

 

“เท่านี้ก็มากเกินพอ”

 

เช่นนั้นคังชอลอินจึงได้รับเงินจากกองหนุนส่วนตัวมาได้สำเร็จ

 

ทันใดนั้นทิโมธีที่รีบร้อนวิ่งมาจากระยะไกลด้วยขาสั้น ๆ ของเขาก็ได้เข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้าคังชอลอิน

 

“องค์ราชันย์! … หลังจากที่ท่านได้มอบเวลาอันมีค่าให้ข้าได้ตัดสินใจ แม้ทิโมธีผู้นี้จะต้องกลายเป็นคนไร้ความซื่อสัตย์ที่ต้องมารับใช้ราชันย์ผู้เป็นนายคนใหม่ แต่ข้าจะขอมอบแรงกายทุกอย่างที่ข้ามีเพื่อรับใช้ท่านขอรับ! โปรดให้ข้าได้ติดตามท่านด้วยเถิด!”

 

“ยืนขึ้น ทิโมธี”

 

คังชอลอินยิ้มกว้างก่อนจะสั่งให้ทิโมธีลุกขึ้นยืน

 

“เจ้าจะเป็นดั่งสมบัติสำคัญที่จะช่วยข้าดูแลหน้าที่ด้านการบริหารและการขยายอาณาเขต

 

ข้าขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้ตรวจการของดินแดนลาพิวต้า นอกจากนี้ข้าจะขอมอบความไว้วางใจให้เจ้าได้รับการแบ่งสรรจากทางกองกำลัง โดยยศตำแหน่งของเจ้านั้น…”

 

คังชอลอินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างแล้วพูดขึ้นว่า

 

“…ผู้ทําการแทน”

 

“ผู้ทําการแทน!”

 

“ใช่”

 

“องค์ราชันย์ ท่านมอบหมายหน้าที่ที่สำคัญเช่นนี้ให้แก่ทิโมธีเชียวหรือขอรับ?! ข้ารู้สึกเป็นเกียรติและทราบซึ้งในความกรุณาของท่านยิ่งนัก!”

 

ทิโมธีร้องไห้ด้วยความดีใจพลางกล่าวขอบคุณคังชอลอินซ้ำไปซ้ำมา อย่างไรก็ตามเจตนาของคังชอลอินนั้นเป็นดั่งปีศาจชั่วร้ายมากกว่าที่เขาคาดคิด

 

‘ข้าจะมอบหมายงานให้เจ้าจนเจ้าต้องฝังร่างอยู่ภายใต้กองกระดาษ’

 

ทิโมธีจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาได้ทำงานหนัก และเพื่อที่จะทำให้เขามีประสิทธิภาพในการทำงานให้ได้มากที่สุด งานช่วงกลางคืนจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเขา

 

“ข้าจะออกไปจัดการเรื่องภายหลังสงคราม จงใช้เวลานี้เตรียมตัวแล้วพักผ่อนให้ดีซะ”

 

“ขอรับ! องร์ราชันย์!”

 

หลังจากส่งทิโมธีออกจากห้องโถงราชันย์ไปเสร็จ คังชอลอินก็รีบไปดำเนินการตอบแทนทหารผู้มีส่วนรวมในการออกศึกครั้งนี้ต่อในทันที

 

“ไชโย! ไชโย!”

 

“ถวายเกียรติแด่องค์ราชันย์ผู้มากความสามารถ!”

 

“ขอแสดงความยินดีแก่ชัยชนะขององค์ราชันย์!”

 

ทหารของลาพิวต้าต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องแก่คังชอลอินเพื่อฉลองให้กับชัยชนะที่ได้รับมาอย่างสมบูรณ์แบบ

 

“ข้าจะมอบเบียร์และไส้กรอกเป็นอาหารแก่พวกเจ้าในค่ำคืนนี้ ขอให้ทุกคนจงดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาแห่งการฉลองชัยตามที่พวกเจ้าต้องการ!”

 

คังชอลอินนำอาหารมาบำรุงขวัญและมอบเป็นรางวัลแก่เหล่าทหารที่ได้ทำงานกันมาอย่างหนัก

 

“ว้าว!!”

 

“เป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมที่สุด!”

 

ในฐานะที่เป็นผู้ชายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เหล่าทหารมีความสุขมากกับได้รับเบียร์เป็นรางวัลในครั้งนี้

 

นอกจากนี้เขายังได้พบกับผู้คนในดินแดนอีกด้วย

 

หญิงสาวชาวบ้านสองคนได้มอบช่อดอกไม้แก่คังชอลอินเพื่อเป็นการขอบคุณที่เขาสามารถช่วยให้ดินแดนรอดพ้นจากอันตราย ในบรรดาหญิงสาวสองคนนั้นมีบุตรสาวของรัสเซลเลอร์ที่ชื่อลาน่ารวมอยู่ด้วย

 

“องค์ราชันย์เจ้าคะ”

 

ลาน่าที่ยังอยู่ในภาวะผู้เยาว์ทำท่าเขินอายและเก้อเขิน

 

‘อะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกับเด็กนี่?’

 

คังชอลอินผงะกับท่าทางที่อยู่ไม่เป็นสุขของนางแต่ไม่ได้แสดงออกไปโดยตรง

 

“ราชันย์เจ้าคะ… ข้า ลาน่า…”

 

บุตรสาวเพียงคนเดียวของรัสเซลเลอร์พูดพลางหลบสายตาลงพื้น หูของนางแดงมากจนเหมือนจะระเบิดออกได้ทุกเมื่อ

 

แต่ทันใดนั้นผู้บัญชาการเจมส์ก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและตะโกนใส่คังชอลอินจนทำให้ไม่ได้ยินเสียงของลาน่า

 

“นายท่าน! นายท่านขอรับ!”

 

“มีอะไรรึเจมส์?”

 

“ข้าได้รวบรวมผู้รอดชีวิตและคางคกเพลิงมาไว้ที่ลานฝึกแล้วขอรับ”

 

“เช่นนั้นข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

 

คังชอลอินรีบมุ่งหน้าไปยังลานฝึกในทันใดเพราะการรับมือกับกองกำลังของศัตรูเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก

 

ลาน่าที่ไม่สามารพูดได้จนจบประโยคจ้องมองไปที่เจมส์อย่างคาดโทษ

 

เมื่อคังชอลอินมาถึงที่ลานฝึกเพื่อตรวจดูกองทหารของศัตรู พวกเขาต่างดูน่ากลัวด้วยแผลไฟไหม้ที่ได้รับ

 

“ลูเซีย!”

 

“เจ้าค่ะ”

 

“เอาน้ำผึ้งทั้งหมดที่มีออกมาให้แก่พวกเขาซะ”

 

“เจ้าค่ะ!”

 

สำหรับมดแล้วน้ำผึ้งถือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดและเป็นดั่งยารักษาโรคทุกอาการ สำหรับผู้ที่เป็นแมลงแล้วน้ำตาลถือเป็นสารอาหารที่มีคุณค่าอย่างมาก

 

“เจมส์”

 

“ขอรับ”

 

“มอบยาให้พวกเขาซะ ดูแลจนกว่าพวกเขาจะหายดี”

 

“ได้ขอรับ!”

 

หลังจากออกคำสั่งเสร็จ คังชอลอินก็เดินออกจากจุดตรวจและมุ่งหน้าไปหาผู้นำของมด

 

“เจ้าคงจะรู้สึกบาดเจ็บและทุกข์ระทมเป็นอย่างมาก”

 

“…!”

 

เวอร์นาผู้นำของมดเปิดตากว้างขณะจ้องมองคังชอลอินที่เต็มไปด้วยคำพูดปลอบประโยน

 

“ข้าเวทนาเจ้านัก”

 

“ม ไม่…”

 

“แต่ข้าจะทำเช่นไรได้ สงครามก็มักเป็นเช่นนี้ หากข้าไม่อยากตายข้าก็ต้องฆ่าพวกเจ้าแทน”

 

“ข้ารู้ดี…”

 

เวอร์นาก้มหัวลงเกือบติดพื้น

 

“เจ้าคงเกลียดและชังหน้าข้า… แต่เราควรทำเช่นไรต่อกัน? ในเมื่อตอนนี้เบอร์โรลได้อยู่ภายใต้การควบคุมจากข้าแล้ว”

 

“เจ้าค่ะ องค์ราชันย์”

 

“ข้าต้องการมอบความไว้วางใจด้วยการมอบงานก่อสร้างดินแดนแห่งนี้ให้เจ้า”

 

“…!”

 

เวอร์นาเปิดตากว้างยิ่งกว่าในตอนแรกเมื่อได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจ

 

“ข้าจะไม่ส่งพวกเจ้าไปออกรบ ข้าจะให้พวกเจ้าปลูกสร้างแต่อาคารเท่านั้น เจ้าจะยอมอยู่เคียงข้างข้าและช่วยข้าสร้างอาคารที่ยิ่งใหญ่ขึ้นที่ดินแดนแห่งนี้หรือไม่?”

 

“ท ท่านหมายความอย่างไรหรือเจ้าคะ? องค์ราชันย์”

 

“ข้ารู้ดีว่าความสุขของพวกเจ้าคือการทำงานและการทำสิ่งก่อสร้าง ข้าไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากนี้ ข้าต้องการแค่แรงงานก่อสร้างจากพวกเจ้าและพวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องออกไปต่อสู้ยามมีศึกสงคราม”

 

“เช่นนั้น!”

 

“เจ้าจะยอมรับมันหรือไม่?”

 

“เจ้าค่ะองค์ราชันย์! ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ทำงานรับใช้ท่านเจ้าค่ะ!”

 

เวอร์นากางแขนขาทั้งหกของนางแล้วโค้งคำนับในท่าที่ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้

 

“ข้าพร้อมและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับใช้องค์ราชันย์อย่างสุดความสามารถที่ข้ามี!”

 

“ข้าพร้อมและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับใช้องค์ราชันย์อย่างสุดความสามารถที่ข้ามี!”

 

“ข้าพร้อมและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับใช้องค์ราชันย์อย่างสุดความสามารถที่ข้ามี!”

 

มดทุกตัวต่างมอบคำสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อคังชอลอิน

 

‘ล้วนมีแต่พวกโง่เขลา’

 

คังชอลอินแสยะยิ้มร้ายอยู่ภายใน

 

จริง ๆ แล้วเขาไม่จำเป็นต้องแสดงความเมตตาแบบนี้เลยก็ได้เพราะถึงอย่างไรตอนนี้อำนาจสิทธิ์ในตัวมดก็เป็นของเขาโดยสมบูรณ์ แต่มันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการทำกับการไม่ทำ มันมีความต่างในเรื่องของความภักดี

 

[ได้รับความนิยมจากมด +30]

 

[ความภักดีของมดเพิ่มขึ้นจาก 60 เป็น 75]

 

ประสิทธิภาพที่ได้ก็จะเป็นไปตามที่คาดไว้

 

มดเป็นสัตว์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับใช้เป็นแรงงาน ดังนั้นคังชอลอินจึงต้องการแรงงานจากมดเป็นที่สุด

 

มีคนแคระบางกลุ่มที่เชี่ยวชาญงานด้านสถาปัตยกรรมแต่คนแคระจะมีประโยชน์มากกว่าในงานฝีมือหรือการเป็นช่างตีเหล็ก สำหรับสิ่งปลูกสร้างอาคารต่าง ๆ แล้วมดจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับงานพวกนี้ พวกมดมีความเป็นกรรมกรที่ซึมลึกจนไปถึงกระดูกและเป็นกำลังแรงงานที่ยอดเยี่ยมดังนั้นจึงมีประโยชน์อย่างมากต่อกิจการภายใน

 

นอกจากนี้พวกเขายังสนุกไปกับการได้ออกแรงทำงานดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดเมื่อนำงานไปมอบให้ พวกเขาจะไม่บ่นหรือเรียกร้องไม่ว่างานจะหนักหนาเพียงใดก็ตาม

 

“เจมส์”

 

“ขอรับ”

 

“จงตามข้ามาพร้อมกับคางคกเพลิง”

 

คังชอลอินเดินออกจากลานฝึกแล้วมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ช่างตีเหล็กกำลังทำงานอยู่ในขณะนั้น

 

“โอ้ องค์ราชันย์ ยินดีต้อนรับขอรับ”

 

ชายชราที่ทำงานเป็นช่างตีเหล็กในดินแดนแห่งนี้มีชื่อว่าวัลเคนอส

 

“เจ้านี่ เจ้าพอจะช่วยรับเลี้ยงไว้ได้หรือไม่?”

 

“นี่มัน!”

 

“ที่แห่งนี้เป็นดั่งรากฐานที่กำหนดถึงพลังกำลังทหารของดินแดนเรา การทำงานของช่างตีเหล็กจำเป็นต้องได้รับการเก็บสะสมแหล่งพลังที่มากพอเพื่อใช้ในการสร้างอาวุธที่ดียิ่งขึ้น”

 

“ข ขอบพระคุณมากขอรับองค์ราชันย์! ที่มอบสัตว์ประหลาดล้ำค่านี้แก่ข้า!”

 

วัลเคนอสคุกเข่าพร้อมก้มหัวขอบคุณด้วยความซึ้งใจ

 

คางคกเพลิงจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับช่างตีเหล็กที่ทำงานเกี่ยวกับกับโลหะ มันจะเป็นทรัพย์สมบัติที่ดีและเป็นดั่งเพื่อนที่รู้ใจสำหรับเขา

 

“ข้าพร้อมจะสนับสนุนเจ้าเสมอดังนั้นจงทำมันให้ดี”

 

คังชอลอินเป็นผู้พิชิตราชันย์ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะตระหนี่ถี่เหนียวในการลงทุนเพื่อสนับสนุนสำหรับการสร้างอาวุธ

 

“ชายชราผู้นี้จะตอบแทนท่านกลับเป็นสองเท่า ไม่ ๆ เป็นสิบเท่าเลยต่างหากขอรับ!”

 

ด้วยเหตุนี้ ภายหลังสงครามพร้อมการจัดการต่าง ๆ ที่เสร็จสิ้น ค่ำคืนที่ได้มาเยือนลาพิวต้าพร้อมกับคบเพลิงที่ถูกจุดทั่วรอบดินแดนก็มาถึง

 

‘ในที่สุดก็ได้กลับบ้านสักที’

 

คังชอลอินวางแผนกลับสู่โลกของตัวเองทันทีเมื่อตะวันขึ้นพ้นขอบฟ้าในเช้าวันต่อมา เขาตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่และตรวจสอบสถานะการค้นหาตัวควักจอง

 

เช้าวันรุ่งขึ้น คังชอลอินกำลังยืนอยู่ในจัตุรัสเวทมนตร์ที่ตั้งวางอยู่กลางห้องโถงราชันย์ อย่างไรก็ตามเขากลับไม่เห็นคนที่เขาควรจะได้เห็น

 

“เจ้าคนโง่นั่นมันไปไหน?”

 

คังชอลอินเอ่ยถาม ใบหน้าของเจมส์แข็งทื่อด้วยความสั่นกลัว

 

“เอ่อ คือ…”

 

“พูด”

 

“ดูเหมือนว่าเขาจะไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่งขอรับ”

 

“ว่าอย่างไรนะ?”

 

คนที่คังชอลอินกำลังมองหาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคิมูระ เขาตั้งใจที่จะพาคิมูระกลับไปด้วยเมื่อเขาจะกลับสู่โลก

 

“มีทหารบางนายได้ยินเสียงครวญครางจากเขาว่าไม่ต้องกลับบ้านน่ะขอรับ”

 

“ไม่อยากกลับบ้านงั้นรึ?”

 

“เห็นได้ชัดว่าเขากลัวที่จะต้องได้กลับบ้านของตัวเอง เขาบอกว่าอยากอยู่ที่นี่มากกว่าขอรับ”

 

“เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ”

 

คังชอลอินก้มหน้าลงฝ่ามือตัวเองอีกครั้งราวกับว่าเขาเหลือทนกับการใช้ชีวิตของคิมูระที่ไม่ต้องการกลับบ้าน เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าสถานการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

 

“ไปตามหาตัวให้เจอก่อนที่ข้าจะกลับมา” คังชอลอินออกคำสั่ง

 

จากนั้นชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นประโยชน์สำหรับงานนี้ที่มาพร้อมกับกุญแจมือคู่หนึ่งตอบรับด้วยความมั่นใจ

 

“ขอรับองค์ราชันย์!”

 

โพดอลส์กี้ยิ้มกว้าง ที่เอวของเขามีกุญแจมือสีเงินคู่หนึ่งส่องแสงเป็นประกาย

 

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าได้เลยขอรับองค์ราชันย์!”

 

คังชอลอินส่ายหน้าด้วยความระอาก่อนจะเปิดใช้งานประตูข้ามมิติเพื่อกลับสู่โลกที่เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญสำหรับเขา

.

.

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset