The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 26: ราชันย์ลีแชริน

ตอนที่ 26: ราชันย์ลีแชริน

“คังชอลอินพูดครับ”

คังชอลอินกดตอบรับสายโทรศัพท์จากลีแชริน

ถ้าเธอไม่ใช่หนึ่งในราชันย์เขาจะปฏิเสธสายนี้ไปอย่างไม่ลังเลแต่เพราะเธอเป็นหนึ่งในนั้นเขาจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการรับสายจากเธอได้

ศัตรูของราชันย์ก็คือราชันย์ เช่นเดียวกับพันธมิตรของราชันย์ก็คือราชันย์อีกเช่นกัน

[คุณชอลอินคะ]

“ครับรุ่นพี่ลี โอ้ไม่สิ ตอนนี้ผมจะเรียกคุณว่าคุณลีก็แล้วกันนะครับ”

[ไม่สำคัญหรอกค่ะว่าคุณจะเรียกฉันยังไง ตอนนี้ฉันโดนไล่ออกจากบริษัทแล้วล่ะค่ะ]

“คุณเพิ่งได้กลับมางั้นหรอครับ?”

[ค่ะ]

เป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงถูกไล่ออก

โดยทั่วไปแล้วบริษัทส่วนใหญ่มักไม่ค่อยไล่พนักงานบัญชีออกโดยไม่พิจารณาถึงความเหมาะสมเท่าไหร่นัก และยิ่งเป็นสถานการณ์ในปัจจุบันยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเลือกลาออกด้วยตัวเอง สาเหตุในครั้งนี้คงเป็นเพราะเธอไม่ได้ไปทำงานเป็นเวลานานเนื่องจากการอัญเชิญครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น

[คุณชอลอินคะ]

“ครับ มีอะไรงั้นเหรอครับ?”

[คุณรู้เรื่องพวกนี้อยู่ก่อนแล้วใช่ไหมคะ? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงได้ใจเย็นมากขนาดนั้น ฉันพูดถูกใช่ไหมคะ?]

ลีแชรินเอ่ยถามออกไปตามตรงในสิ่งที่เธอสงสัย ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่เข้าใจความเป็นจริงของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

“…ผมไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้”

คังชอลอินขีดย้ำเส้นแบ่งไว้อย่างชัดเจน

หากเขาให้คำแนะนำแก่ลีแชริน เขาจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอนาคตจะยังออกมาเป็นแบบเดิมอยู่หรือไม่ หรือจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เขาต้องพยายามคุมสถานการณ์และกำจัดตัวแปรภายนอกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในครั้งก่อนออกไปให้หมดดังนั้นเขาจึงไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรแก่เธอได้แม้เขาจะต้องการทำแบบนั้นก็ตาม

[คุณชอลอินคะ]

จากน้ำเสียงของเธอในคราวนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังรู้สึกเสียใจกับการตอบสนองที่เย็นชาของเขา

[ฉัน… ฉันกลัวมาก…]

[ฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน… ที่นั่นมีทั้งคนแคระและฝูงกาที่ฉันไม่สามารถเข้าใจหรือยอมรับได้ … เพราะงั้นช่วยรับฟังฉันหน่อยจะได้ไหมคะ? แค่รับฟังเฉย ๆ ก็ได้ ขอร้องเถอะค่ะ]

น้ำสียงที่สั่นเทาของลีแชรินเปียกชื้นไปด้วยความหวาดกลัว

เธอดูเหมือนไม่ค่อยมีสติติดตัวเท่าไหร่นัก

คังชอลอินรับรู้ความรู้สึกภายในใจของเธอได้เป็นอย่างดี

ความกลัวที่ไม่รู้จัก ช่องว่างระหว่างความเป็นจริงจากโลกทั้งสองใบ ความรับผิดชอบจากชนชั้นราชันย์ที่ถูกมอบให้อย่างกะทันหัน สัตว์ประหลาดและภารกิจต่าง ๆ อีกมาก มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะหลบหนีจากความตกใจของการอัญเชิญครั้งนี้ไปได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน

โดยเฉพาะอย่างสำหรับหญิงสาวที่ไม่ได้มีความคึกคะนองแบบเฮคาเต้แต่เป็นหญิงสาวธรรมดา ๆ อย่างลีแชริน มันไม่ได้ชวนให้แปลกใจที่เธอจะมีอาการสับสนมากมายถึงขนาดนี้ และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเธอต้องมาจบชีวิตเนื่องจากสภาพจิตใจที่ไม่สามารถแบกรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไหว มันอาจเป็นการฆ่าตัวตายหรืออาจถูกฆ่าบนแพนเจียอย่างใดอย่างหนึ่ง

‘อืม… ในกรณีนี้หรือว่าเราควรแลกเปลี่ยนข้อมูลบางอย่างให้เธอไปบ้างดี?’

จิตใจของคังชอลอินเริ่มสับสน

‘หากดินแดนของลีแชรินอยู่ใกล้กับรอสต์ไชลด์เราก็น่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาอยู่บ้าง’

จากนั้นเขาก็ลองคิดในกรณีที่ถ้าหากเขายอมมอบความช่วยเหลือให้เธอมากพอที่จะไม่กระทบต่ออนาคตก็น่าจะไม่เป็นอะไร

“คุณลีครับ”

คังชอลอินที่ตัดสินใจได้แล้วกล่าวเรียกเธอผ่านทางสายสนทนา

[ค่ะ คุณชอลอิน]

“ผมอาจให้ความช่วยเหลืออะไรคุณไม่ได้มากแต่ลองมาคุยกันต่อหน้าก่อนก็ได้ครับ อาจมีบางอย่างที่เราสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”

[คุณสามารถมาเจอกับฉันตอนนี้ได้จริง ๆ หรอคะ?]

“ครับ”

[ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งตำแหน่งที่อยู่ตอนนี้ไปให้นะคะ! ทันทีที่คุณมาถึง

ก็โทรมาหาฉันได้เลย แล้วก็…ขอบคุณมากนะคะที่ยอมมาเจอกับฉันในวันนี้]

“ผมวางสายก่อนนะครับ”

คังชอลอินที่ไม่รู้วิธีการตอบสนองต่อคำขอบคุณรีบตัดบทสนทนาและวางสายไปในทันที เขาไม่คุ้นชินกับการได้เป็นที่พึ่งพาของใคร

“ทางนี้ค่ะ”

คังชอลอินและลีแชรินนัดเจอกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟด้านหน้ามหาวิทยาลัยโซล

“ดินแดนของคุณชื่ออะไรงั้นหรอครับ?”

คังชอลอินเลือกถามเข้าประเด็นในทันทีที่มาถึง

“…โดราโด้ค่ะ”

คำตอบของลีแชรินสร้างความประหลาดใจให้กับเขาไม่น้อย

‘โดราโด้…ชื่อไม่คุ้นเลยแฮะ’

เขาไม่ได้รู้จักชื่อดินแดนทั้งหมดในแพนเจียแต่เขาจำชื่อดินแดนที่มีอิทธิพลต่อ “ภาพรวม” ต่าง ๆ ได้ ถ้าเป็นดินแดนที่เขาไม่รู้จักนั่นหมายความว่ามันจะไม่มีความสำคัญและไม่ส่งผลกระทบใด ๆ สำหรับอนาคตของเขา

“ความชำนาญพิเศษของคุณคืออะไร?”

“ความชำนาญพิเศษ…ฉันจำไม่ได้หรอกค่ะ”

“ลองพูดตามผม แสดง[สถานะปัจุบัน]”

“แสดง[สถานะปัจุบัน]”

ลีแชรินพูดตามคังชอลอินอย่างเชื่อฟัง จากนั้นหน้าต่างกึ่งทึบแสงที่แสดงสถานะข้อมูลต่าง ๆ ของเธอก็ปราฏขึ้นมา

“นี่มัน…เป็นไปไม่ได้”

ลีแชรินรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แพนเจียคือโลกที่แตกต่างไปจากที่นี่โดยสิ้นเชิง เธอไม่คิดว่ามันจะสามารถเชื่อมโยงมาถึงชีวิตในตอนนี้ได้

“เพราะมันคือความจริงยังไงล่ะ”

คังชอลอินที่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรช่วยไขข้อสงสัยที่เธอมี

“อย่างไรก็ตามข้อมูลของราชันย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อราชันย์เท่านั้น คนอื่นจะไม่สามารถมองเห็นข้อมูลใด ๆ ของคุณได้เหมือนอย่างตอนนี้ที่ผมจะเห็นเพียงหน้าต่างข้อความของคุณแต่ผมไม่เห็นถึงเนื้อหาข้างใน ดังนั้นคุณต้องอ่านมันให้ผมฟัง”

“คุณถามถึงเรื่องความชำนาญพิเศษใช่ไหมคะ?”

“ครับ”

“มันคือ…ความอุดมสมบูรณ์ค่ะ”

ดวงตาของคังชอลอินเบิกกว้างทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ

‘หืม…ความอุดมสมบูรณ์ นั่นมัน…? เดี๋ยวก่อนนะ ความอุดมสมบูรณ์?!’

มันเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจจริง ๆ

ความอุดมสมบูรณ์

ความชำนาญพิเศษที่จะช่วยในการขยายเศรษฐกิจของดินแดน

ค่าใช้จ่ายในการสร้างอาคารหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ จะถูกลดหย่อน เมื่อมีการพัฒนาเหมืองทองคำหรือการสกัดทรัพยากรผลผลิตที่ได้จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ มันเป็นเหมือนกับสถานที่ที่เต็มไปด้วยเพชรและทับทิมล้ำค่า

ความชำนาญพิเศษนี้จะมีประโยชน์อย่างมากในการซื้อของที่[คลังราชันย์]และเงินรางวัลที่ได้จากการออกล่าสัตว์ ที่ดินแห่งนี้มีการนำเข้าขนาดเล็กแต่มีการส่งออกขนาดใหญ่ นั่นคือกุญแจสำคัญของความชำนาญพิเศษนี้

“ทำไมจู่ ๆ คุณถึงได้ประหลาดใจขนาดนั้นล่ะคะ?”

ลีแชรินเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวลแต่เธอกลับไม่ได้รับคำตอบใดจากคังชอลอินกลับ

‘เธอมีความอุดมสมบูรณ์เป็นความชำนาญพิเศษแต่เรากลับจำเธอไม่ได้? มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ในอดีตเธอเป็นใครกันแน่? ลีแชริน ทำไมผมถึงไม่เคยเจอคุณมาก่อน?’

ความอุดมสมบูรณ์เป็นเหมือนกลโกงที่จะทำให้เศรษฐกิจของดินแดนนั้นเฟื่องฟูแม้จะไม่มีใครทำอะไรเลยก็ตาม มีหรือที่เขาจะไม่รู้จักหญิงสาวที่ได้รับความสามารถพิเศษแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะคิดอย่างไรมันก็ดูไม่สมเหตุสมผลสำหรับเขาเอาเสียเลย

‘หากลองนึกย้อนกลับไป เราไม่ได้เจอกับเธอในห้องโถงของการอัญเชิญครั้งแรกเพราะงั้นจึงเป็นไปได้มากที่เราจะจำใบหน้าของคนที่ไม่คุ้นเคยได้’

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงมันจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยกับการที่เขาไม่เคยได้เจอกับลีแชรินมาก่อนในอดีต

‘แต่ไม่ใช่สำหรับงานสมัชชาครั้งแรกของราชันย์ ไม่ว่าเราจะต้องการหรือไม่แต่ก็ต้องเคยเห็นเธอผ่านตามาบ้างอย่างน้อย ๆ ก็หนึ่งครั้งที่งานนั้น แต่ลีแชรินไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วยอย่างแน่นอน’

เขามั่นใจในข้อนี้มาก

ไม่ว่าเขาจะขุดรื้อความทรงจำมากมายเพียงใดเขาก็ไม่สามารถนึกถึงใบหน้าของเธอในงานสมัชชาครั้งแรกได้เลย ถ้าอย่างนั้นมันก็มีคำอธิบายอยู่แค่เพียงสองอย่าง

‘อนาคตมีการเปลี่ยนแปลง? ไม่ ๆ แบบนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่มีอะไรที่เราเข้าไปแทรกแซงหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดเรื่องอะไรแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเรางั้นก็ต้องเป็นเพราะพระเจ้าหรืออาเคนที่เลือกลีแชรินขึ้นมา มันยังไม่มีปัจจัยภายนอกที่พิสูจน์ถึงคุณสมบัติของการอัญเชิญครั้งใหญ่ ถ้าอย่างนั้น…’

คังชอลอินพยายามคิดถึงการมีอยู่ของเธออย่างหนัก

ก่อนที่งานสมัชชาครั้งแรกจะเริ่มขึ้น นั่นหมายความเธอจะต้องถูกยึดชนชั้นราชันย์หรือถูกทำให้เสียชีวิตไปก่อนหน้า หรือไม่ก็อาจยอมแพ้และจากแพนเจียไป

คำอธิบายเริ่มค่อย ๆ ปรากฏชัด

“คุณแชริน”

“คะ?”

“คุณพอจะบอกผมได้ไหมว่าดินแดนที่คุณเลือกซื้อตั้งอยู่ที่ส่วนไหนของแพนเจีย?”

“อ่า ขอฉันหาสักครู่นะคะ ที่ตั้งดินแดนของฉันอยู่ที่…”

ลีแชรินเลื่อนสายตาตามหน้าต่างข้อมูลสถานะก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ทางใต้ค่ะ”

แพนดิโมเนียม?!

คำตอบของลีแชรินในครั้งนี้ได้ตอบคำถามที่คังชอลอินมีทั้งหมดได้ในคราวเดียว

‘เข้าใจแล้ว’

เขาสามารถเข้าใจได้แล้วว่าทำไมลีแชรินถึงไม่ไปปรากฏตัวที่งานสมัชชาครั้งแรกทั้ง ๆ ที่งานนั้นเป็นงานที่มีความสำคัญต่อราชันย์อย่างมาก

แพนดิโมเนียม

ดินแดนแห่งนรกที่เต็มไปด้วยสงครามบ้าคลั่ง

มันโหดร้ายเกินไปสำหรับคนบอบบางอย่างลีแชริน และไม่แปลกที่เธอจะออกจากแพนเจียไปก่อนที่การจัดอันดับจะเริ่มต้น

‘ความอุดมสมบูรณ์ … เธออาจเป็นผู้ร่วมมือที่มีประโยชน์กว่าที่คิด …’

คังชอลอินกลับไปจมอยู่กับความคิดอีกครั้งขณะมองไปที่ลีแชริน

‘แพนดิโมเนียมไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมขนาดใหญ่ เราสามารถทำการแทรกแซงที่ตรงนี้ได้ตามที่ต้องการ ดังนั้นเราจะสามารถช่วยให้ลีแชรินอยู่รอดปลอดภัยได้ และถ้าการทำแบบนั้นจะทำให้เธอยอมมอบทองเพื่อตอบแทนมันก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อเรามากขึ้น’

มันเป็นความคิดที่ค่อนข้างดีทีเดียว

สำหรับคังชอลอินที่ต้องดิ้นรนให้รอดพ้นจากสถานะทางการเงินที่ยากลำบาก ลีแชรินอาจกลายเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับเขา

“เห้อ คุณชอลอินคะ”

ลีแชรินถอนหายใจอย่างหนักขณะที่คังชอลอินกำลังคิดถึงเรื่องข้อตกลง

“ฉันสับสนเป็นอย่างมาก ฉันไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรและฉันก็กลัวมากด้วย แต่ที่นั่นไม่มีใครที่ฉันจะสามารถพูดคุยด้วยได้เลย นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าชาวบ้านที่นั่นอยู่ภายใต้ความดูแลของฉัน ฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ? ฉันแทบไม่ได้ออกไปปราบปรามสัตว์ประหลาดเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่มั่นใจว่าฉันจะสามารถกลับไปทำมันได้อีก…”

ดูเหมือนว่าลีแชรินที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากต้องการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคังชอลอิน แต่ทว่า…

“เรื่องพวกนั้นผมไม่สามารถช่วยคุณได้” คังชอลอินตอบกลับไปอย่างเย็นชา

“คุณแชริน คุณโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะครับ อย่าเอาแต่ถามคนอื่นว่าคุณควรใช้ชีวิตอะไรยังไง ถ้ามันเป็นความต้องการของคุณแต่ไม่ตรงกับสิ่งที่ผมพูดไปคุณก็จะไม่ทำอย่างที่คุณต้องการงั้นเหรอครับ?”

“นั่นมัน…”

“ถ้าผมให้คำแนะนำใด ๆ แก่คุณ คุณไม่คิดบ้างหรอว่านั่นก็คือการตัดสินใจทางเลือกของตัวคุณเองว่าจะเลือกไม่กลับไปที่แพนเจียอีกเลยหรือจะกลับไปที่นั่นเพื่อทำหน้าที่ราชันย์ด้วยความซื่อสัตย์”

ไม่ว่าเธอจะพยายามคิดอย่างไรแต่คำตอบที่เธอเห็นตอนนี้ก็มีแค่เพียงสองทาง เธอจะมีชีวิตอยู่ในฐานะราชันย์หรือเลือกกลับมาใช้ชีวิตเช่นปกติอย่างเดิม ไม่ว่าเธอจะเลือกอะไรนั่นก็คือชีวิตของลีแชรินไม่ใช่ของเขา

“แต่ถ้าคุณเต็มใจที่จะใช้ชีวิตในฐานะราชันย์อย่างสมศักดิ์ศรีผมก็ยินดีที่จะช่วยคุณ”

“คุณชอลอินน่ะหรอคะ?”

“แน่นอนว่าผมจะไม่ยอมป้อนอาหารให้ง่าย ๆ … แต่ก็ใช่ ในอีกนัยหนึ่งมันก็อาจดูเป็นแบบนั้น”

“ค่ะ”

“สิ่งเดียวที่คุณต้องจำไว้ให้ดีคือความเสี่ยงในการเลือกใช้ชีวิตแบบราชันย์ แต่มันก็เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยของรางวัลมากมาย ด้วยความชำนาญพิเศษที่คุณมี ภายในปีนี้คุณจะสามารถสร้างอาคารได้มากมายบนที่ดินของคุณ”

“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย เงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่…”

ลีแชรินกำลังพูดอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างจับใจ

“ฉันกลัว…”

“แต่คุณไม่ได้อยู่คนเดียวไม่ใช่หรอครับ?”

“เอะ?”

“ถ้าคุณไม่ได้รับชนชั้นราชันย์ผมคงไม่แนะนำให้คุณกลับไปที่แพนเจียนั่นอีก อย่างไรก็ตามตอนนี้คุณคือราชันย์ คุณมีผู้ช่วยส่วนตัวที่ภักดีและผู้คนในดินแดนที่ไว้วางใจและเชื่อมั่นในตัวคุณ แล้วอะไรล่ะที่เป็นปัญหา? แม้จะมีภารกิจให้ออกไปปราบสัตว์ประหลาดแต่คุณก็แค่นั่งและรอดูผลอยู่เฉย ๆ ไม่ใช่หรอครับ? ผมพูดถูกไหม? … เป็นอันจบเรื่องคุยแล้วนะครับ ถ้าคุณคิดที่จะใช้ชีวิตต่อจากนี้ในฐานะราชันย์ก็ค่อยติดต่อผมมาอีกที เมื่อถึงตอนนั้นผมจะปฏิบัติต่อคุณในฐานะราชันย์คนหนึ่งเหมือนกัน”

“ค่ะ”

ลีแชรินลดสายตาลงต่ำราวกับว่าเธอกำลังสับสน

“ถ้างั้นไว้ค่อยคุยกันใหม่ก็แล้วกันนะครับ”

“คุณจะไปแล้วหรอคะ?”

“ผมไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว”

“แต่…”

“?”

“ทำไมคุณถึงเฉยเมยกับเรื่องทุกอย่างได้ขนาดนี้ล่ะคะ? เหมือนกับว่าคุณเคยไปที่แพนเจียมาก่อนเมื่อในอดีต คุณมีอารมณ์ที่ทั้งมั่นคงและสงบ คุณรู้จักแพนเจียมามากแค่ไหนงั้นหรอคะ?”

“ผมไม่มีความเห็นอะไรจะให้คุณได้ ผมไม่ต้องการบอกอะไรกับใครเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ผมขอตัว”

คังชอลอินจากไปด้วยคำพูดแบบนั้น เขาได้แสดงน้ำใจทั้งหมดที่เขาสามารถรวบรวมได้ออกไปหมดแล้ว

‘ต่อให้ผมไปพูดพร่ำทำเพลงมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ตัวเลือกจะอยู่ที่คุณเอง ลีแชริน คุณสามารถยอมแพ้ไปซะตั้งแต่ตอนนี้ก็ได้แต่ถ้าคุณตัดสินใจเลือกที่จะใช้ชีวิตในฐานะราชันย์เมื่อไหร่ เราก็คงได้เป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน’

มันจะเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมถ้าคังชอลอินและลีแชรินได้ร่วมมือกันเพราะมันจะเป็นการรวมพลังทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ แน่นอนว่าลีแชรินไม่อาจรู้ถึงเรื่องนี้ได้

.

.

.

ดินแดนที่ปราศจากคังชอลอิน ดินแดนลาพิวต้ากำลังยุ่งอยู่กับการจัดตั้งกิจการภายใน ตามที่คังชอลอินได้มอบหมายงานไว้ให้ ทิโมธีได้ทำงานในช่วงตอนกลางคืนเพื่อพยายามสร้างระบบการปกครองของดินแดนและถูกฝังร่างอยู่ใต้เอกสารกองพะเนิน

เจ้ากรมโพดอลส์กี้ออกตามล่าหาตัวคิมูระจนทั่วดินแดนในขณะที่ผู้บัญชาการเจมส์กำลังกระตุ้นทหารคุ้มกันเพื่อเข้ารับการฝึกที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น

ลูเซียกำลังยุ่งอยู่กับการฝึกอบรมคนรับใช้ทั้งสี่ที่นางเลือกมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสบายแก่คังชอลอินทันทีที่เขากลับมายังแพนเจียรวมถึงการไปทำหน้าที่ชั่วคราวที่ทุ่งนา

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น

มีปัญหาเกิดขึ้นที่เขตก่อสร้างที่กำลังทำการขุดคูน้ำของดินแดนเพื่อให้ลึกยิ่งขึ้นกว่าเก่า

“อา!!”

แรงงานมดทั้งหลายพุ่งตัวขึ้นไปในอากาศด้วยแรงกระแทกจากอะไรบางสิ่ง

“ช่วยข้าด้วย!”

พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังลั่น …

ชึ้บ!

ตามมาด้วยกระแสเลือดที่ปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้า

มันเป็นการซุ่มโจมตีที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและไม่ทันได้ระวังตัว!

.

.

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset