The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 30: โดเรียนต้องการเข้าร่วม!

ตอนที่ 30: โดเรียนต้องการเข้าร่วม!

 

โดเรียน เอกซ์พลอเรอร์

 

เขาได้กลายมาเป็นหนึ่งในจอมราชันย์เหมือนอย่างคังชอลอินในงานสมัชชาครั้งที่สองแต่เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องการปกครองหรือเรื่องของดินแดนมากนัก

 

แม้จะมีการจัดอันดับราชันย์ขึ้นมาสิบอันดับและราชันย์คนอื่น ๆ ต่างพากันเพิ่มความเสถียรภาพให้กับดินแดนของตัวเองจนเติบใหญ่ทว่าดินแดนของโดเรียนกลับยังมีขนาดเท่าเม็ดถั่วและเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ไม่ต่างจากตอนแรก

 

ในความเป็นจริงระหว่างจอมราชันย์ทั้งสิบนั้น ดินแดนของโดเรียนมีขนาดเล็กที่สุด มีกองทัพที่อ่อนแอที่สุด และยังไม่เป็นภัยคุกคามต่อใครมากที่สุดจนถึงขนาดที่ทำให้ราชันย์หลาย ๆ คนยังมีกองทัพที่ดีกว่าเขามาก

 

เช่นนั้นแล้วเขาสามารถรักษาสถานะจอมราชันย์ไว้ได้อย่างไร?

 

คำตอบนั้นง่ายมาก

 

นั่นเพราะโดเรียน เอกซ์พลอเรอร์เป็นนักผจญภัยที่ดีที่สุดของโลก เขาชื่นชอบในการได้ผจญภัยไปตามดันเจี้ยนต่าง ๆ และออกล่าสัตว์ประหลาด

 

เขาประสบความสำเร็จในการตามล่ามังกรสีน้ำเงินและได้รับตำแหน่งกิตติมศักดิ์ “ผู้พิชิตมังกร” มาครอบครอง

 

โดเรียน เอกซ์พลอเรอร์คือคนที่ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งจอมราชันย์ได้เพราะการรวบรวมคะแนนประเภทอื่นที่ไม่ใช่การจัดการดินแดน

 

‘โดเรียน นายยังคงซื่อสัตย์ต่อฉันจนกระทั่งวาระสุดท้าย’

 

คังชอลอินได้ทำการแลกเปลี่ยนข้อความกับบุคคลที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนและคิดถึงความสัมพันธ์ของเขากับโดเรียนขึ้นมา

 

จอมราชันย์โดเรียนเป็นดั่งสหายสนิทและเป็นดั่งศัตรูที่ตัดกันไม่ขาด

 

นั่นหมายความว่าทั้งคังชอลอินและโดเรียนต่างก็ออกค้นหาดันเจี้ยนหรือซากปรักหักพังเพื่อทำการปราบสัตว์ประหลาดเหล่านั้นไปด้วยกันมาก่อน

 

พวกเขาเป็นดั่งศัตรูที่คอยแย่งชิงอันดับหนึ่งในการจัดอันดับระหว่างราชันย์เพื่อประชันพลังและความแข็งแกร่งว่าใครมีมากกว่าใคร

 

อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองเริ่มตึงเครียดยิ่งขึ้นเมื่อสงครามแร็คนาร็อคปะทุเดือด คังชอลอินตั้งใจออกสังหารทุกคนที่เข้ามาขวางทางและการกระทำที่เต็มไปด้วยความต้องการมีชัยคือหัวใจของความแตกหัก

 

ความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนของพวกเขาสิ้นสุดเมื่อคังชอลอินคิดจะบดขยี้จอมราชันย์โดเรียนที่มีการรักษาความสัมพันธ์อันใกล้ชิดโดยลืมจนหมดสิ้นถึงช่วงเวลาระหว่างพวกเขา

 

ถึงกระนั้นโดเรียนก็ยังภักดี

 

แม้จะมีการต่อสู้ระหว่างสามอำนาจที่สงครามแร็คนาร็อคได้สร้างขึ้นและโดเรียนไม่คิดเลือกที่จะสู้เคียงข้างกับฝ่ายสัมพันธมิตรอิชตาร์ก็ตาม เหตุผลเพราะเขาไม่สามารถร่วมสู้ไปกับเพื่อนเก่าคนนี้ได้ หากมองย้อนกลับไปในตอนนั้น โดเรียนอาจต้องการขัดขวางการทำลายล้างของคังชอลอินและตั้งค่าการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างจอมราชันย์ขึ้นมาใหม่ด้วยตัวของเขา

 

และตอนนี้โดเรียนคนนั้นได้ส่งข้อความมาหาคังชอลอินจนเขาไม่สามารถทนเก็บข้อสงสัยไว้ได้

 

‘นายคนนี้… ลองเข้าไปดูสักหน่อยสิว่าจะมาพ่นเรื่องไร้สาระอะไร’

 

คังชอลอินเลือกเปิดกล่องข้อความจากโดเรียนทันทีเพื่อตรวจสอบข้อความที่เขาส่งมา

 

– ผู้ส่ง: Lumpen

 

– ข้อความ: เฮ้ นายคือราชันย์ใช่ไหม? นายกำลังจะออกไปสู้กับใครกันแน่? นายจะได้รับไอเทมแบบนี้มาได้ยังไงถ้านายไม่ใช่ราชันย์? ไอ้พวกสิบแปดมงกุฏเอ้ย!

 

เรียบง่ายแต่ตรงประเด็น ในฐานะราชันย์โดเรียนย่อมรู้ดีว่าไอเทมที่เขาได้โพสต์ลงไปก่อนหน้าคือของที่มาจากคลังราชันย์ไม่ใช่ของที่ได้รับมาจากการล่าสัตว์ประหลาด

 

หึ!

 

คังชอลอินส่งเสียงออกทางจมูกด้วยความนึกคึก

 

ไม่ใช่เพราะเขาแค่ต้องการล้อเล่นสนุกหรือเพราะเขากำลังงุนงงแต่อย่างใด มันเป็นเพียงเพราะเขาสามารถนึกถึงเสียงและการแสดงออกทางสีหน้าของเพื่อนเก่าคนนี้ได้ทันทีเมื่ออ่านข้อความนั้น

 

– Overlord: เราควรมาคุยกันสักหน่อยไหม?

 

คังชอลอินกดเลือกการสนทนาโดยตรงกับบัญชีการใช้งานของโดเรียน การแชทจะทำให้ง่ายขึ้นเพราะจะทำให้การแลกเปลี่ยนข้อความเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง

 

– Lumpen: โอ้นี่ใครน่ะ?! สิบแปดมงกุฎคนนั้นไม่ใช่หรือไง!

 

โดเรียนส่งข้อความแหย่เขาผ่านทางหน้าจอมาในทันที

 

– Lumpen: ไอเทมพิเศษบ้าบออะไร? นายซื้อมันมาด้วยทองคำใช่มั้ยล่ะ?

 

– Overlord: บิงโก

 

– Lumpen: จับได้แล้ว! นายมันพวกต้มตุ๋น! ฉันจะเอาข้อความนี้ไปโพสต์ประจานให้ทั่วเพื่อเผยตัวของนาย! คอยดูพลังความคิดเห็นที่แสดงแต่ความเกลียดชังเป็นแสน ๆ ข้อความได้เลย! ฮ่า ๆ ๆ!

 

– Overlord: ก่อนจะทำแบบนั้นนายช่วยฟังฉันก่อนได้ไหม?

 

– Lumpen: ฟังนาย? ฟังอะไร? นายกำลังบอกให้ฉันฟังพวกต้มตุ๋นเนี่ยนะ?

 

– Overlord: ถ้านายรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของฉันคืออะไรแล้วนายจะสนใจ

 

ตอนนั้นเองที่คังชอลอินได้ตัดสินใจที่จะพาโดเรียนเข้าร่วมการพิชิตมังกรพีคอคในครั้งนี้ด้วยกัน

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโดเรียนที่เป็นนักผจญภัยที่ดีที่สุดของโลกและเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับเขาเองจะเป็นประโยชน์อย่างไรต่อการพิชิตครั้งนี้

 

– Lumpen: นายนี่ตลกดี เงียบปากและรออ่านข้อความแย่ ๆ ไปเหอะ!

– Overlord: ออกไปพิชิตมังกร

 

– Lumpen: …?

 

เพราะคำว่า “มังกร” ที่ทำให้โดเรียนเกิดความลังเลใจ

 

‘ฉันรู้ทันหรอกน่า’

 

คังชอลอินยิ้มเยาะ

 

ความคลั่งไคล้ในสัตว์ประหลาด ดันเจี้ยน และซากปรักหักพังของโดเรียนนั้นไม่เหมือนใคร เขามั่นใจมากว่ายังไงโดเรียนก็ต้องสนใจแม้ว่าเขาจะยังไม่เชื่อแบบ 100%

 

– Lumpen: มัง…มังกร?

 

โดเรียนงับเหยื่อสำเร็จ

 

– Overlord: ถ้าจะพูดให้ถูกมันเป็นสายพันธุ์ที่แยกย่อยออกไปอีกที มันมีชื่อว่ามังกรพีคอค เป็นสัตว์ประหลาดระดับ 40

 

– Lumpen: สายพันธุ์ย่อย? อะไรน่ะ มันไม่มีอะไรแบบนั้นบนโลกนั้นด้วย?

 

– Overlord: แน่นอน เป้าหมายของฉันคือการออกมารวบรวมนักผจญภัยเพื่อไปตามล่ามังกรพีคอค ฉันแค่ต้องการสร้างความสนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อดึงคนมาเข้าร่วมก็เท่านั้น

 

– Lumpen: หืม…แล้วฉันจะเชื่อนายได้ยังไงว่ามันจะมีมังกรพีคอคอะไรนี่อยู่จริง ๆ ?

 

– Overlord: ถ้านายไม่เชื่อก็ลองไปถามผู้ช่วยส่วนตัวของนายดูเองซะเลยสิ

 

– Lumpen: …เรื่องจริงหรอเนี่ย?

 

– Overlord: ไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหก

 

– Lumpen: งั้นเหรอ? งั้นนายก็กำลังจะไปจับมัน?

 

– Overlord: มังกรพีคอคแข็งแกร่งมาก แต่ก็มีไอเทมที่นายจะได้รับเมื่อพิชิตสำเร็จอยู่เหมือนกัน มันอันตรายแต่มันก็คุ้มกับความเสี่ยง คิดว่ายังไง?

 

– Lumpen: อืม…ฉันเห็นด้วย

 

โดเรียนเริ่มแสดงความสนใจและเริ่มคล้อยตาม คังชอลอินตัดสินใจใช้ไพ่ใบสุดท้าย

 

– Overlord: นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำสารานุกรมสัตว์ประหลาดบนแพนเจียก็ได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้มีใครคิดที่จะลงมือทำอะไรแบบนี้แล้วหรือยังแต่เท่าที่รู้ตอนนี้ฉันยังไม่เห็นมาก่อน

 

– Lumpen: อะไรนะ? สารานุกรม? บ้าไปแล้ว!

 

– Overlord: แล้วคำตอบล่ะ?

 

คังชอลอินที่รู้ทุกอย่างแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไร

 

– Lumpen: นายคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?

 

– Overlord: อะไร?

 

– Lumpen: ก็เกี่ยวกับการทำสารานุกรมนั่นไง!

 

– Overlord: แน่นอน สำหรับคนบนโลกอย่างเรา แพนเจียเป็นดาวเคราะห์ต่างดวงที่พวกเราสามารถไปมาระหว่างโลกทั้งสองใบนี้ได้ แน่นอนว่าเราควรทำหนังสือแบบนั้นเพื่อใช้ในการศึกษา ฉันเชื่อว่ามันจะต้องเป็นงานที่สำคัญมากแน่ ๆ

 

มันเป็นเรื่องโกหก

 

คังชอลอินไม่มีความสนใจที่จะทำหนังสือนี้เลยแม้แต่น้อย ความสนใจเดียวของเขาคือความต้องการปกครองทั่วทั้งแพนเจียเท่านั้น อย่างไรก็ตามโดเรียนผู้ฟังกลับมีมุมมองตรงกันข้าม

 

– Lumpen: โอ้พระเจ้า!

 

– Overlord: ทำไม?

 

– Lumpen: นายมันเพื่อนยาก! เพื่อนที่ยอดเยี่ยมที่สุด!

 

– Overlord: นายหมายถึงอะไร?

 

– Lumpen: ฉันเองก็กำลังคิดที่จะทำสารานุกรมรวมสัตว์ประหลาดอยู่เหมือนกัน ไม่ยักรู้ว่าจะมีคนคิดอะไรแบบนี้เหมือนกันกับฉันด้วย!

 

– Overlord: จริงหรอ?

 

– Lumpen: นี่ Overlord

 

– Overlord : …?

 

– Lumpen: เอาชื่อฉันลงในกลุ่มนายไปด้วยเลยสิ

 

คังชอลอินอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นอย่างพอใจ

 

เขารู้ถึงความฝันของโดเรียนดี

 

ดันเจี้ยนและการทำลายล้างต่างก็เป็นความสำคัญทั้งสองรูปแบบ แต่สิ่งที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของโดเรียนได้มากที่สุดก็คือรูปแบบชีวิตที่แตกต่างไปจากคนอื่นบนแพนเจีย

 

โดเรียนพยายามอย่างมากในการสร้างสารานุกรมท่ามกลางสงครามแร็คนาร็อคที่มีการสู้รบบาดเจ็บและล้มตาย

 

– Lumpen: ฉันอยากเข้าทีมพิชิตมังกรพีคอคในครั้งนี้ด้วย

 

– Overlord: อืม ไม่รู้สิ มังกรพีคอคนั้นแข็งแกร่งมาก นายมีความกล้ามากขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?

 

โดเรียนเริ่มโกรธกับข้อความยั่วโมโหของเขา

 

– Lumpen: นายจะบอกว่าฉันเป็นคนขี้ขลาดงั้นหรือไง?! ห๊ะ? ใช่ไหม?

 

เมื่อเวลาผ่านไป โดเรียนยิ่งตกหลุมพลางของคังชอลอินมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่สามารถคลายตัวเองออกจากปมในครั้งนี้ไปได้อีกแล้ว

 

– Overlord: คิดดี ๆ นะ มังกรพีคอคเป็นสัตว์ประหลาดที่นายต้องทุ่มทั้งชีวิตลงไปเพื่อการต่อสู้ การรวมกลุ่มของเราอาจถูกทำลายได้หากเราไม่ระวัง นายมีความกล้าที่จะทำอะไรแบบนั้นจริง ๆ ใช่ไหม?

 

– Lumpen: ดูถูกกันมากไปแล้ว

 

– Overlord: เปล่าเลย แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักคนอื่นผ่านการคุยแค่เพียงไม่กี่ประโยคต่างหาก

 

– Lumpen:เหอะ! … แล้วยังไง ฉันต้องทำยังไงถึงจะได้เข้าร่วมทีมของนาย?

 

– Overlord: ก่อนออกไปตามล่ามังกรพีคอค ฉันคิดที่จะเพิ่มระดับและสร้างการทำงานเป็นทีมให้กับนักผจญภัยคนอื่น ๆ ให้พร้อมก่อนประมาณสองสัปดาห์

 

– Lumpen: หมายถึง…ให้ไปพิสูจน์ตัวเองกับนายอะไรแบบนั้นน่ะเหรอ?

 

– Overlord: จากนั้นฉันถึงจะเชื่อใจนายได้ว่านายมีความสามารถมากพอ หากนายไม่ได้ทุ่มเทมากขนาดนั้นฉันก็ไม่ต้องการนายมาเข้าร่วมทีม

 

– Lumpen: ได้ ฉันจะแสดงให้ดูเอง

 

– Overlord: แล้วฉันจะคอยดู

 

– Lumpen: แล้วรายละเอียดอื่น ๆ ล่ะ?

 

– Overlord: ฉันจะประกาศแยกอีกที

 

– Lumpen: นี่คืออีเมลของฉัน ส่งอีเมลรายละเอียดมาให้ด้วย แล้วอย่าลืมส่งมาล่ะ เข้าใจใช่ไหม?

 

– Overlord: เดี๋ยวส่งให้

 

– Lumpen: นายต้องส่ง ไม่งั้นฉันจะเปิดเผยตัวตนของนายบนโลกออนไลน์ให้รู้กันทั่วไปเลย!

 

– Overlord: ไม่ต้องมาขู่โง่ ๆ แบบนั้นหรอก

 

– Lumpen: อะไรนะ? ขู่โง่ ๆ ?

 

– Overlord: ผู้ใช้นี้ไม่สามารถใช้งานได้

 

– Lumpen: เฮ้ !!!

 

– Overlord: ผู้ใช้นี้ไม่สามารถใช้งานได้

 

– Lumpen: ตอบดิ!!

 

– Overlord: ผู้ใช้นี้ไม่สามารถใช้งานได้

 

[สิ้นสุดการสนทนา]

 

คังชอลอินรีบจบบทสนทนาก่อนที่โดเรียนจะได้พร่ำบ่นอะไรต่อ มันเป็นกลอุบายอย่างหนึ่งที่จะช่วยปลุกไฟในตัวโดเรียนให้มากยิ่งขึ้น

 

“ไอ้โง่เอ้ย … ตกหลุมพลางฉันอีกแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่นายไม่สามารถหนีจากการล่าของฉันได้เลย”

 

คังชอลอินที่ประสบความสำเร็จในการได้ตัวโดเรียนมาร่วมทีมเผยรอยยิ้มขนาดใหญ่ขึ้นบนใบหน้าซึ่งแตกต่างไปจากรอยยิ้มเดิมของเขาอย่างมาก

 

การได้แกล้งโดเรียนมักเป็นอะไรที่สนุกอยู่เสมอ

 

โดเรียนทั้งแต่ก่อนและตอนนี้ต่างก็เป็นมนุษย์ที่เรียบง่ายเช่นเดิม หากใครแกล้งเข้าไปสะกิดอะไรเจ้าตัวเข้าหน่อย โดเรียนจะลงมือทำสิ่งนั้นด้วยตัวเองทั้งหมดในทันที

 

ในตอนที่เขาเบื่อ ๆ หรือเมื่อเขาต้องการใครสักคนเพื่อออกไปค้นหาซากปรักหักพังหรือต้องการออกไปล่าสัตว์ประหลาด คังชอลอินมักล่อด้วยเหยื่อแล้วโดเรียนก็มักจะเป็นคนที่ติดเบ็ดนั้นมาโดยตลอด โดเรียน เอกซ์พลอเรอร์เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่แท้จริงสำหรับคังชอลอิน

 

‘ฉันให้อภัยได้กับทุกคนแต่ฉันไม่สามารถมอบให้แกได้ รอสต์ไชลด์’

 

คังชอลอินที่คิดได้เช่นนั้นตัดสินใจที่จะดึงโดเรียนเข้ามาอยู่ข้างเขาโดยสมบูรณ์

 

ระหว่างสงครามแร็คนาร็อค โดเรียนได้เข้าร่วมฝ่ายพันธมิตรกับรอสต์ไชลด์และทำงานเป็นนักฆ่าให้กับพันธมิตรบัลเดอร์ เขาเคยช่วยชีวิตบัลเดอร์ให้รอดพ้นจากการโจมตีกัลเวกมาได้ครั้งหนึ่ง

 

หากพูดกันตามตรงคงไม่เป็นการพูดเกินจริงที่จะกล่าวว่าทิศทางการต่อสู้จากทั้งสามมหาอำนาจเกิดขึ้นได้ก็เพราะทางเลือกของโดเรียน

 

ถ้าโดเรียนเลือกอยู่ข้างคังชอลอินในตอนนั้นมันจะเป็นไปได้มากที่กระแสของสงครามจะหันมาเข้าข้างฝ่ายสัมพันธมิตรอิชตาร์

 

‘ใครจะไปมีความสามารถเท่านายได้อีก?’

 

โดเรียนเป็นคนที่เรียบง่ายและซื่อบื้อ แต่ทักษะของเขานั้นไม่อาจปฏิเสธได้ คังชอลอินมั่นใจในสิ่งนั้นรวมถึงความภักดีที่เขามีมาโดยตลอด นั่นคือสิ่งที่คังชอลอินคิดเมื่อนึกถึงโดเรียน

 

วันต่อมา

 

คังชอลอินที่นั่งดูข้อความที่ส่งเข้ามาและวิเคราะห์ประวัติส่วนตัวของนักผจญภัยแต่ละคนได้ตอบรับข้อความของนักผจญภัยกลับไป 200 คน ซึ่งแต่ละคนจะมีระดับที่มากกว่า 10 ขึ้นไปด้วยข้อความดังต่อไปนี้:

 

[ประกาศ] การรวมทีมของ “ผู้พิชิต”

 

ที่ตั้ง: แพนดิโมเนียม ตะวันตกเฉียงใต้ใกล้กับป่าปีศาจ

 

(ตำแหน่งที่แม่นยำถูกทำเครื่องหมายไว้ให้แล้วบนแผนที่ดังนั้นควรตรวจสอบมันให้ละเอียด)

 

วันที่: อีก 2 วันข้างหน้า เวลา 10.00 น

 

ระยะเวลา: ประมาณ 3 สัปดาห์

 

วัตถุประสงค์: เพิ่มระดับประจำตัวผ่านการพิชิตสัตว์ประหลาดและเก็บไอเทม

 

รางวัล: หลังจากเสร็จสิ้นการทำภารกิจแต่ละคนจะได้รับทองคำที่มีมูลค่าประมาณ 4,000 ดอลาร์ (ไอเทมที่รวบรวมได้จากการปราบสัตว์ประหลาดจะถูกแบ่งให้กันอย่างเท่าเทียม) ผู้ที่สามารถแสดงความสามารถพิเศษในการร่วมทีมครั้งนี้จะได้รับของหายาก

 

หมายเหตุ: ชีวิตของคุณอาจตกอยู่ในอันตรายได้ โปรดจำไว้ให้ดีว่านี่คือการปราบสัตว์ประหลาด ในกรณีที่คุณตาย Overlord จะไม่รับผิดชอบใด ๆ

 

คำเตือน: คำสั่งของผู้นำถือเป็นการตัดสินใจที่สมบูรณ์ หากมีการขัดข้องใด ๆ เกิดขึ้นกับสิ่งเหล่านี้โปรดจำไว้ว่ามันจะมีผลกระทบที่ร้ายแรงพอ ๆ กับการเป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมล่ม

 

แนบ: สัญญา (เกี่ยวกับการชำระ) .pdf

 

รายละเอียดการรับสมัครเป็นเหมือนดาบสองคม

ทองคำมูลค่า4,000 ดอลาร์และไอเทมหายากเป็นค่าตอบแทนที่ดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับข้อเสนอการสรรหาอื่น ๆ ที่โดดเด่นอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามการแจ้งเตือนครั้งที่สองทำให้คนลังเลที่จะเข้าร่วม

 

จาก 200 ที่เขาส่งข้อความให้ไปมีประมาณเกือบร้อยคนที่ตัดสินใจจะไม่เข้าร่วมด้วย

 

‘ฉันไม่ได้ต้องการพวกขี้กลัวแบบนั้น แต่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด’

 

นั่นคือความปรารถนาของคังชอลอิน

 

ผู้ที่ต้องการแข็งแกร่งยิ่งขึ้นแม้ว่าพวกเขาจะต้องออกไปเสี่ยงชีวิต ผู้ที่ต้องการร่ำรวยและผู้ที่ต้องการผจญภัยคือคนที่เขาต้องการ

 

มันเป็นความเชื่อโดยส่วนตัวของเขาเองว่าไม่มีมนุษย์คนใดที่จะมีเสน่ห์ดึงดูดและแข็งแกร่งยิ่งไปกว่าคนที่ซื่อสัตย์และตรงกับความต้องการของเขา

 

คังชอลอินมีแรงปรารถนาที่เต็มไปด้วยความต้องการปกครองแพนเจีย

 

เขาจะรวบรวมคนที่มีคุณสมบัติเหล่านั้นและฝึกพวกเขาเป็นเวลาสองสัปดาห์ จากนั้นก็จะให้พวกเขากลายเป็นคนที่มีความสามารถเพื่อเข้าร่วมการพิชิตมังกรพีคอคในครั้งนี้

 

จากจุดเริ่มต้น 200 มีเพียง 120 คนเท่านั้นที่ตอบโดเรียนกลับมา

 

120

 

คังชอลอินรู้ดีว่าในจำนวนเหล่านี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะมามีส่วนร่วมในการออกไปตามล่าด้วยกันได้

 

มีหลายคนที่เป็นพวกคุยโวและชอบดึงแข้งดึงขาคนอื่นให้ร่วมจมน้ำไปกับตัวเองเพราะเกิดความกลัวขึ้นมาในช่วงเวลาที่สำคัญ

 

คงจะดีถ้าอย่างน้อยจะมีคนที่สามารถใช้การได้จริง ๆ จาก 1 ใน 4 ที่ตอบรับ

 

‘ต้องขอดูหน่อยแล้วกันว่าจะมีดีกันยังไง’

 

คังชอลอินอัพโหลดสัญญาที่ระบุว่าเขาจะจ่ายให้ห้าล้านวอนและออกจากบ้านเพื่อกลับแพนเจียไปในทันที มีสองสิ่งที่เขาต้องกลับไปดูแลก่อนจะเจอกับนักผจญภัย

.

.

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset