ตอนที่ 31: เริ่มต้นการเดินทาง!
คนขับบัสคืออะไร?
คำว่า “คนขับบัส” มีต้นกำเนิดมาจากเกมออนไลน์ที่อธิบายถึงผู้ใช้ระดับสูงที่มีทักษะและไอเทมต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้เล่นระดับล่างเคลียร์ดันเจี้ยนหรือนำทีมมาสู่ชัยชนะได้
พูดง่าย ๆ ก็คือการที่ผู้เล่นระดับต่ำเป็นผู้โดยสารและผู้เล่นระดับสูงจะเป็นคนขับรถ ดังนั้นในการพิชิตมังกรพีคอคครั้งนี้บทบาทของคังชอลอินก็คือการพานักผจญภัยไปขึ้นรถเมล์เหมือนผู้โดยสารที่ใช้รถประจำทาง
มันเป็นเรื่องยากที่จะทำ
มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะพากลุ่มนักผจญภัยระดับต่ำที่เป็นมือใหม่ไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาดระดับ 40 พูดอย่างตรงไปตรงมามันเป็นไปไม่ได้เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
แต่ถึงอย่างไร…
แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้สำหรับคนอื่นแต่คังชอลอินมีวิธีที่ทำให้มันเป็นไปได้อยู่
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถรับมือกับสัตว์ประหลาดระดับ 40 ตัวอื่น ๆ ได้แต่มันเป็นไปได้มากที่พวกเขาจะสามารถจัดการกับมังกรพีคอคตัวนี้ได้สำเร็จ
อดีตเขาเคยเป็นผู้พิชิตมังกรพีคอคมืออาชีพ
เนื่องจากเขามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ แผนของคังชอลอินจึงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันแต่เป็นเป้าหมายที่สามารถเข้าถึงได้
คังชอลอินรีบเข้าร้านค้าทันทีที่กลับมายังลาพิวต้า
– ร้านค้าไอเทม
– ปกติ, เวทมนตร์, ไอเทมหายาก
-ระดับราชันย์ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ระดับของไอเทมที่สามารถซื้อได้เพิ่มขึ้นตาม
[อาวุธหลัก]
[อาวุธรอง]
[โล่]
[เสื้อผ้า]
[มหากาพย์]
[อุปกรณ์เสริม]
[อุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการดินแดน]
* ทองคำหรือเพชรมีความจำเป็นในการซื้อสินค้า
* ไอเทมระดับมหากาพย์ไม่สามารถซื้อได้
คังชอลอินรู้ถึงสิ่งที่เขาต้องการดีว่าควรจะซื้ออะไร รายการที่เขาซื้อมีดังต่อไปนี้
ดาบกลืนโลหิต 10 อัน (ทอง 50 แท่ง)
ดาบหนามทมิฬ 25 อัน (ทอง 250 แท่ง)
โล่พาวิส (โล่ตั้งวางขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนัก 8กก.) 5 อัน (ทอง 100 แท่ง)
ยาเพิ่มความแข็งแกร่ง ระดับต่ำ 70 ขวด (ทอง 70 แท่ง)
ยาเพิ่มทักษะความคิด ระดับต่ำ 70 ขวด (ทอง 210 แท่ง)
โซ่ 2 เส้น (ทอง 100 แท่ง)
รวมรายการซื้อทั้งหมดเป็นจำนวนทอง 780 แท่ง
ท่านต้องการซื้อสิ่งของข้างต้นนี้หรือไม่ (ใช่ / ไม่ใช่)
ทอง 780 แท่งเทียบเป็นเงินได้ประมาณ 492 ล้านวอน ด้วยจำนวนเงินเท่านี้มันทำให้เขารู้สึกมือสั่นเล็กน้อยที่จะตอบตกลงแต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่สิ่งของที่เสียเปล่า
สิ่งนี้ถูกกว่าการซื้อกองทัพใหม่และถึงอย่างไรเขาก็จะได้ไอเทมที่มีราคาแพงกว่านี้กลับคืนมา เขาสามารถรวบรวมและรับทองคำเพิ่มขึ้นได้เพียงแต่คนตายจะไม่ได้กลับมาใช้ชีวิตต่อได้อีก
‘เท่านี้ก็น่าจะพอ’
ด้วยรายการสิ่งของเหล่านี้ทำให้เขามีทุกอย่างที่ต้องการเพื่อออกตามล่าตัวมังกรพีคอค
“ลูเซีย นำสิ่งของพวกนี้ไปไว้ที่เกวียน”
“เจ้าค่ะ”
“บอกทิโมธีให้ปันส่วนค่าใช้จ่ายเตรียมไว้สำหรับบุรุษ 40 คน”
“เจ้าค่ะ”
“อ่อ แล้วก็…” คังชอลอินออกคำสั่งเพิ่มเติม
“ข้าจะพาโพดอลส์กี้ไปร่วมการปราบปรามครั้งนี้ด้วย”
“เจ้ากรมน่ะหรือเจ้าคะ? องค์ราชันย์”
“ใช่”
“แต่โพดอลส์กี้กำลังไต่สวนตัวคิมูระ….”
“หืม จับตัวได้แล้วรึ?”
“หลังการหลบซ่อนตัวอยู่ 2 วัน โพดอลส์กี้พบว่าเขากำลังซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าเจ้าค่ะ ตอนนี้เลยขังเขาไว้ที่คุกใต้ดินด้วยกุญแจมือ”
“อย่างที่คิดไม่มีผิด”
“…? สิ่งใดหรือเจ้าคะ?”
“ไม่มีอะไร”
โพดอลส์กี้มีความสามารถในการตามหาและการจัมกุมที่ดี
“แต่องค์ราชันย์ เหตุใดท่านถึงเลือกโพดอลส์กี้ไปด้วยหรือเจ้าคะ? หากเป็นการออกตามล่าเพื่อพิชิตมังกรพีคอค ข้าคิดว่าผู้บัญชาการเจมส์น่าจะเหมาะมากกว่านะเจ้าคะ” ลูเซียถามด้วยความสงสัย
“ข้ามีเหตุผล”
คังชอลตอมพร้อมรอยยิ้ม
“และสิ่งนั้นคือ…?”
“หากเจ้าต้องการพิชิตให้มังกรสิ่งแรกที่ต้องทำคือการมัดปีกมันเอาไว้เสียก่อน และเท่าที่ข้าเห็นโพดอลส์กี้มีความสามารถที่ดีในการผูกมัด ข้าไม่คิดว่าจะมีใครที่ดีกว่าในการจัดการโซ่โลหะได้ไปมากกว่าเขา”
“งั้นหรือเจ้าคะ? ข้าไม่เคยเห็นถึงทักษะนี้ของเขามาก่อน”
“ขึ้นอยู่กับการมอง”
ลูเซียไม่อาจเข้าใจสิ่งที่คังชอลอินกำลังอธิบายได้จนทำให้นางเริ่มเต็มไปด้วยความสับสนและไม่มีทางที่นางจะรู้ได้ว่าโพดอลส์กี้ดูเหมือนมาสคอทของกรมตำรวจเกาหลี
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ทุกสิ่งอย่าง”
“อ่า เจ้าค่ะ องค์ราชันย์”
“เตรียมการให้พร้อม”
“เจ้าค่ะ!”
ด้วยเหตุนี้การเตรียมการทั้งหมดจึงสิ้นสุด
เช้าวันรุ่งขึ้น
คังชอลอินได้ออกเดินทางเพื่อไปเจอกับนักผจญภัยตามที่นัดพบ
“โอ้ ๆ องค์ราชันย์ของพวกเราเริ่มออกเดินทางแล้ว!”
“องค์ราชันย์เจ้าคะ โปรดกำจัดอสูรร้ายให้ดินแดนลาพิวต้าพ้นภัยด้วยเถิด!”
“ขอให้ท่านจงโปรดภัย ขอให้ท่านมีชัยกลับมา!”
“ผู้คนของเราต่างเชื่อมั่นในตัวท่านนะขอรับ องค์ราชันย์!”
ชาวเมืองลาพิวต้าเกือบ 500 คน ออกมาแสดงความเคารพแก่คังชอลอินพร้อมอวยชัยให้เขาได้รับชัยชนะกลับมา
‘เยี่ยมาก!’
ลูเซียที่ยืนประกบข้างคังชอลอินซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเขากำลังปลื้มปิติและยินดีอย่างยิ่งกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ขบวนออกรบของคังชอลอินเป็นเพียงขบวนเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยอำนาจสิทธิ์ขาด
คังชอลอินสวมใส่ชุดเกราะสีดำพิมพ์ลายเสือที่ทำให้ภาพลักษณ์ของการเป็นราชันย์ช่วงโชติ อาชาสีขาวที่เขาขึ้นขี่มาจากสายเลือดที่ดีพอที่จะเพิ่มอำนาจให้กับเขาในฐานะราชันย์ได้
ทางด้านซ้ายและขวาของคังชอลอินคือลูเซียที่สวมชุดหนังรัดรูป ดาบและโล่ และโพดอลส์กี้ที่สวมชุดสีน้ำเงิน พวกเขาเผยถึงพลังผู้มีอำนาจให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาใครต่อใคร
และที่กำลังติดตามพวกเขามาด้วยนั้นคือวัวต่อผู้ที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับบ้านหลังหนึ่ง มันกำลังทำหน้าที่ดึงเกวียนสามคันที่ใช้เก็บของและอาหารสำหรับนักผจญภัย ทหารที่มีความสามารถมากที่สุดของลาพิวต้าสิบนายที่อยู่ในชุดเกราะเต็มรูปแบบกำลังทำหน้าที่ปกป้องเกวียนทั้งสามคันนี้
ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นฉากที่ลูเซียได้เตรียมเอาไว้ให้แล้วทั้งหมด นางต้องการแสดงถึงศักยภาพของนางในฐานะผู้ช่วยส่วนตัวของราชันย์
“ข้าไม่เห็นรู้ว่ามีกองทหารติดตามไปด้วยเช่นนี้” คังชอลอินกล่าว
“ข้าต้องการใช้นักผจญภัยเพื่อรักษากองกำลังของเราแต่นี่ดูเหมือนจะเป็นการต่อต้านสิ่งที่ข้าคิด”
อย่างไรก็ตามความคิดเห็นของลูเซียนั้นแตกต่างไปจากของคังชอลอิน
“องค์ราชันย์ ครั้งนี้ข้าคิดว่าการกระทำของข้าเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้วเจ้าค่ะ”
“งั้นรึ?”
“เจ้าค่ะ องค์ราชันย์จำเป็นต้องแสดงสิทธิอำนาจให้ได้เป็นที่ประจักษ์นะเจ้าคะ ไม่ว่าท่านจะทรงรัศมีโดดเด่นและมีความสามารถมากเพียงใดแต่ข้าไม่คิดว่านักผจญภัยจะเห็นถึงสิ่งนั้นได้ในทันที นอกจากนี้พวกมนุษย์ยังมีความคิดที่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาได้เห็นเป็นครั้งแรกและพวกเขาจะตัดสินคนอื่นไปอย่างรวดเร็วตามสิ่งตัวเองได้เห็น ข้าเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควรที่จะป้องกันไม่ให้มีความคิดด้านลบใด ๆ เกิดขึ้นเจ้าค่ะ”
ลูเซียพูดถูก
เมื่อครั้งอดีต อัลเฟรดเองก็มักจะชี้ให้เห็นข้อบกพร่องดังกล่าวในความเป็นตัวตนของคังชอลอินและมักจะจู้จี้เขาอยู่บ่อยครั้ง
“องค์ราชันย์ โปรดรักษาเกียรติภูมิของท่านด้วยเถอะขอรับ!”
“องค์ราชันย์ โปรดอย่าได้เสี่ยงภัยนำตัวท่านเองไปเผชิญกับศัตรูเลยขอรับ!”
“บุรุษผู้ชื่อโดเรียนนั้นไร้สาระมากเกินไปแล้วนะขอรับ ข้าไม่อาจหลับตายามกลางคืนได้เพราะนายท่านเองก็อาจกลายเป็นคนที่ไม่เอาจริงเอาจังเช่นเขา!”
ดูเหมือนลูเซียจะมีความคิดเห็นเดียวกันกับอัลเฟรด
“เจ้าพูดถูก”
คังชอลอินที่เห็นด้วยกับลูเซียพยักหน้ารับ เขาจำเป็นต้องใช้บารมีของการเป็นราชันย์ที่แท้จริงนับตั้งแต่ต้นเพื่อแสดงให้นักผจญภัยได้ตระหนักและจะได้สามารถควบคุมพวกเขาได้
หลังออกเดินทางจากลาพิวต้ามาได้ประมาณชั่วโมงครึ่ง พวกเขาได้เดินทางมาถึงจุดทางเข้าป่าปีศาจ คังชอลอิน ลูเซีย และโพดอลส์กี้มีการพูดคุยกันมาตลอดทางแต่ส่วนใหญ่แล้วคังชอลอินจะเป็นฝ่ายที่รับฟังเสียมากกว่า
“โพดอลส์กี้ผู้รับใช้ที่แสนต่ำต้อนผู้นี้รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ท่านเรียกหาการรับใช้จากข้าขอรับ องค์ราชันย์!”
โพดอลส์กี้ที่กำลังขี่เกวียนขนเสบียงหัวเราะเสียงดังและเต็มไปด้วยความสุข กุญแจมือที่แขวนอยู่ทางด้านซ้ายจากเอวของเขากำลังเล่นแสงภายใต้ตะวันจ้า
“ข้าจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้าได้ผูกปีกมังกรพีคอดสำเร็จและพิสูจน์คุณค่าที่ท่านได้ไว้วางใจในตัวข้า!”
ดูเหมือนว่าโพดอลส์กี้เองก็กำลังเครื่องร้อนได้ที่เพื่อพิสูจน์ถึงความสามารถของเขาไม่ต่างกัน
“หึ เจ้ากรมโพดอลส์กี้! คิดหรือว่าการที่เจ้าจะมีทักษะเพียงเล็กน้อยเท่านี้จะสามารถทำให้องค์ราชันย์ของข้าพอใจได้?!”
ลูเซียมองกลับไปที่โพดอลส์กี้แล้วหัวเราะ
“ทักษะนี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า อย่าได้มาดูถูกกัน!” โพดอลส์กี้คำราม
“หืม…เจ้ากรม เจ้าไม่แม้แต่จะสามารถจัดการกับสัตว์ประหลาดได้แม้แต่ตัวเดียวด้วยซ้ำ!”
“นั้น…”
“ลองคิดให้ดี หากเจ้าต้องการรักษาตำแหน่งเจ้ากรมนี้ให้อยู่ติดตัวไปได้ตลอดเจ้าจำเป็นต้องฝึกฝนและพัฒนาตนเองอย่างขยันขันแข็งยิ่งขึ้นไม่ใช่รึ?”
“ต แต่ว่า…!”
“แน่นอนว่าเจ้ามีกลอุบายที่มากมายแต่เท่านั้นมันยังไม่พอ และไม่มีทางมากพอ”
เจ้ากรมโพดอลส์กี้ถูกคำปราศัยที่เฉียบคมของลูเซียปัดกวาดความรื่นเริงทั้งหมดและถูกดุด่าครั้งแล้วครั้งเล่า
อย่างไรก็ตามโพดอลส์กี้ไม่อาจพูดโต้ตอบกลับไปได้เพราะฐานะของลูเซียคือผู้ช่วยส่วนตัวของราชันย์ ตำแหน่งที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองลงมาจากผู้ปกครองดินแดน
“องค์ราชันย์ขอรับ เขายังเอาแต่ร้องไห้และร้องขอว่าไม่ต้องการจะกลับบ้านไม่หยุดเลยขอรับ”
โพดอลส์กี้ที่พ่ายแพ้ต่อการสนทนากับลูเซียพยายามเปลี่ยนหัวข้อโดยเริ่มต้นการสนทนากับคังชอลอินแทน
“หลังการปราบปรามครั้งนี้สิ้นสุดองค์ราชันย์ไม่สนใจลองไปแวะชมร้านค้าในดินแดนดูหน่อยหรือขอรับ? หญิงสาวที่ดูแลที่นั่นมีความงามอย่างมากจนชายทั่วลาพิวต้าต่างคลั่งไคล้ในตัวนางกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตามหญิงสาวนางนั้นไม่เคยแม้แต่จะส่งสายตาให้กับใคร ท่านไม่คิดหรือขอรับว่าถ้าหากเป็นนายท่านที่ไปเยือนนางคงมีการตอบสนองที่แตกต่างกัน? ”
อย่างไรก็ตามลูเซียไม่ยอมให้เขาได้ทำเช่นนั้นง่าย ๆ
“เจ้าช่วยหยุดพูดจาต่ำ ๆ เช่นนั้นได้หรือไม่? องค์ราชันย์ของพวกเราอยู่ไกลจากเปลวเพลิงแห่งความปรารถนาดั่งชายทั่ว ๆ ไปเช่นเจ้า โพดอลส์กี้!”
ใบหน้าของลูเซียแสดงความไม่พอใจขึ้นมาในทันใด
“สตรีนางเดียวที่จะเกี่ยวข้องกับนายท่ายได้คือหญิงสาวบริสุทธิ์”
ไหล่ของลูเซียพองขึ้น
“ค ใครรึ หญิงสาวบริสุทธิ์?”
โพดอลส์กี้เอียงศีรษะไปด้านข้างด้วยความสับสน
“หมายความว่าอย่างไรที่เจ้าหมายถึงใคร? แน่นอนว่าต้องเป็นข้าสิ! หากมีใครที่จะได้รับความโปรดปรานจากนายท่าน อย่างน้อยคน ๆ นั้นก็ควรเป็นข้าไม่ใช่รึ?”
“เฮอะ… นี่มันอะไรกัน…?”
“ทำไม หรือเจ้ามีปัญหาข้องใจสิ่งใด?”
“ก็… ผู้ช่วยลูเซีย ท่านห่างไกลกับคำว่าผู้บริสุทธิ์นัก”
“อะไรนะ? เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ข้าหมายถึงร่างกายท่าน… อา!”
โพดอลส์กี้รับตะครุบปิดปากตัวเองในทันใดราวกับทำนมร่วงหล่นจากปาก
“เจ้ากรมโพดอลส์กี้?”
“ข ขอรับท่านผู้ช่วยลูเซีย”
“สำหรับการล่วงละเมิดผู้บังคับบัญชา เจ้าจะได้รับการลดเงินเดือนเป็นเวลาสามเดือน”
“…”
“เจ้ามีปัญหากับสิ่งนี้หรือไม่?”
“ม ไม่ขอรับ…”
ไม่มีทางที่เขาจะไปมีปัญหาด้วยได้
ถ้าเขาบอกไปว่าเขามีปัญหา … เห็นได้ชัดว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเขา
“… เอ่อ องค์ราชันย์ ขออภัยที่ข้าได้พูดตัดสินใจไปเองเช่นนั้นเจ้าค่ะ โปรดอภัยแก่ข้า…”
ลูเซียแสดงออกถึงการขออภัยอย่างว่องไวทันทีที่นางรู้ตัวว่าล่วงเกินในอำนาจ
“ไม่เป็นไร แน่นอนว่าเจ้าสามารถทำเช่นนั้นได้เพราะเจ้าอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าโพดอลส์กี้ ข้าไม่สามารถไปลงโทษเจ้าได้ มันก็เท่านั้น”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะองค์ราชันย์ เฮ้อ…ดูเหมือนว่าท่านจะไว้ใจและชื่นชอบในตัวโพดอลส์กี้นัก แต่ในความคิดของข้า มันไม่เหมือนว่าเขาเป็นคนที่ควรจะเก็บไว้ใกล้ตัวเลยแม้แต่น้อย”
“ทำไม? หรือเพราะเขาหยาบคายกับเจ้างั้นรึ?”
“เพราะเขา…”
“…?”
“เขาไม่ล่วงเกินไปหน่อยหรือเจ้าคะ?”
“ล่วงเกิน?”
“เขากล้าพูดเรื่องหญิงงามที่ร้านค้านั่นได้อย่างไร…? ข้าเพียงเป็นห่วงกลัวว่านายท่านจะได้รับอิทธิพลที่หยาบคายมาจากเขาน่ะเจ้าค่ะ…”
“นายท่าน นายท่านจะสามารถมีหญิงสาวบริสุทธิ์ มีคุณธรรมและไร้เดียงสาอยู่ข้างกายได้เท่านั้นนะเจ้าคะ เช่นนั้นนายท่านคงไม่คิดว่าหญิงสาวจากร้านค้านางนั้นจะเหมาะสมกับท่านใช่หรือไม่…?”
ดูเหมือนว่าลูเซียจะมีสิ่งต่าง ๆ ปะปนกันไปหมด
“นายท่านเป็นดั่งมนุษย์ที่สูงส่งและสง่างามที่สุดยากจะหาใครเทียบ หากนายท่านมีสตรีข้างกายที่มีฐานะดีและมีสายเลือดที่บริสุทธิ์จากตระกูลที่ดี…”
“ลูเซีย”
“เจ้าคะ?”
“ข้าไม่มีความสนใจในเรื่องเช่นนั้นหรือครอบครัวแต่อย่างใด”
ใบหน้าของลูเซียเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำตอบที่นางไม่คาดคิด มันดูเหมือนกับเป็นใบหน้าของใครบางคนที่ถูกหักหลัง
“ข้าอยากอธิบายให้ละเอียดแต่มันคงยาวมากเกินไปเช่นนั้นข้าจะไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น รู้ไว้เท่านั้นก็พอ”
หากจะให้พูดกันตามจริง คังชอลอินเคยมีสัมพันธ์พิเศษกับจอมราชันย์เฮคาเต้มาก่อน มันเป็นความจริงที่น่าตกใจที่ระหว่างเขาและเฮคาเต้เคยมีสัมพันธ์กันเพียงชั่วข้ามคืนเกิดขึ้นและเป็นแค่เพียงคืนเดียวเท่านั้น แต่มันเป็นอดีตที่ห่างหายไปนานซึ่งไม่มีใครจำได้เว้นเพียงแค่คังชอลอินเอง
“เจ้าค่ะ ลูเซียผู้นี้เข้าใจได้”
ลูเซียพยักหน้าราวกับว่าเธอเข้าใจ
“เช่นนั้นนายท่านก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสถานะหรือภูมิหลังตระกูลของหญิงสาวหากแต่จะสนใจในเพียงตัวนางเท่านั้น”
ลูเซียที่ไม่ทราบเจตนาที่ชัดเจนเกิดความเข้าใจผิดอีกครั้ง
“ความรักที่อยู่เหนือสถานะและตำแหน่ง! นายท่านช่างเป็นนักรักที่โรแมนติคเหลือเกินนะเจ้าคะ!”
คังชอลอินที่ไม่รู้ว่าควรตอบโต้ออกไปเช่นไรดังนั้นเขาจึงอยู่ไปเงียบ ๆ แล้วคุมม้าให้เดินหน้าต่อไป
บางสิ่งที่โรแมนติก
เขาไม่เคยถูกเรียกถึงสิ่งนี้มาก่อนในชีวิต
.
.
“จอมราชันย์จะมาใช่ไหม?”
“หากเขาจะไม่มาแล้วจะส่งสัญญามาให้ทำไมแต่แรก?”
“นั่นสิ?”
“แต่เขาไปได้ของพวกนั้นมาได้อย่างไร? เขาพบดันเจี้ยนดี ๆ ที่อยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างนั้นหรือ?”
“มีหลายคนที่ได้รับไอเทมโดยการเปิดหีบสมบัติที่พบในซากปรักหักพัง จอมราชันย์ก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น”
เมื่อเวลา 10 โมงเช้า นักผจญภัย 40 คนได้ปรากฏตัวตามสถานที่ที่ระบุไว้ในสัญญาและกำลังพูดคุยถึงเรื่องจอมราชันย์ที่ไปสร้างความปั่นป่วนแก่ผู้อัญเชิญทั่วโลก
อย่างไรก็ตามเมื่อจอมราชันย์ยังไม่ยอมมาปรากฏแม้กระทั่งหลังเวลา 10.00 น. ไปแล้วนักผจญภัยต่างก็เริ่มพากันพูดถึงมากขึ้น บางคนถึงขั้นโกรธเคืองและหน้าก็เริ่มเปลี่ยนสี
“ไอ้เจ้านั่น มันกล้ามาหลอกข้าได้อย่างไร?!”
บิลลี่ที่มีความสูงเกือบ 190 ซม. พร้อมร่างกายที่เต็มไปกล้ามเนื้อแสดงความโกรธที่เขามีต่อจอมราชันย์ที่ยังไม่มาปรากฏตัวหลังผ่านเวลานัดพบมาได้ประมาณ 10 นาทีแล้ว
“ได้ ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาเลย เพราะถ้ามาโผล่เอาตอนนี้ข้าจะหักคอมันแน่!”
“นั่นไง เขามาแล้ว!”
“อาชาขาว? เกวียน? สิ่งนั้นคืออะไร”
“เป็นจอมราชันย์จริง ๆ ใช่หรือไม่?!”
นักผจญภัยสองคนชี้ไปยังที่มาของกลุ่มคนที่กำลังเข้ามาใกล้มากขึ้น
“อะไรกัน? จอมราชันย์มาแล้วมารึ?”
บิลลี่เบิกตากว้างพลางหันไปมองตามที่นิ้วชี้
“เหอะ กล้าที่จะมาสายแล้วยังเสนอหน้านำคนรักมาด้วยงั้นรึ?”
มือหนา ๆ ของบิลลี่จับด้ามขวานจนแน่น
“มาดูกันว่าเขาจะเคลื่อนไหวเหมือนเต่าต่อหน้าข้าหรือไม่”
บิลลี่เดินก้าวย่างเข้าหาคังชอลอินผู้ซึ่งกำลังเข้าใกล้พวกเขาจากที่ไกล ๆ
.