The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 37: ออกตามล่ามังกรพีคอค

ตอนที่ 37: ออกตามล่ามังกรพีคอค

 

สัตว์ประหลาดสีเขียวสะดุดตาค่อย ๆ ร่อนลงจากผืนฟ้าลงมาอย่างแผ่วเบา

 

ความสูงจากหัวจรดเท้าของมันสามารถวัดได้ประมาณสิบเอ็ดเมตร มันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะเฉพาะซึ่งมีความเป็นมังกรและนกยูงผสานรวมกัน

 

มันสวยงามมากทีเดียว

 

เช่นเดียวกับนกยูงทั่ว ๆ ไป ร่างของมังกรพีคอคมีทั้งความประณีตและความงามอย่างที่ไม่อาจมีสัตว์ใดเทียบได้ มันสมควรที่จะถูกจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของมังกรสายพันธุ์ย่อยด้วยสุนทรียภาพแห่งความงาม

 

‘เป็นตัวผู้’

 

คังชอลพิจารณาเพศของมังกรพีคอคหลังจากสังเกตขนนกที่เป็นดั่งรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวแถวบริเวณขอบเอว(ขนแบบนี้ก็อยู่ที่เอวของนกยูงทั่วไปด้วยเช่นกัน) หากเป็นมังกรพีคอคตัวเมียมันจะไม่มีขนที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์นี้ปรากฏอยู่บนตัว

 

‘ถ้าเป็นตัวเมียคงจะง่ายกว่านี้’

 

คังชอลอินเม้มปากพลางคิดพินิจ

 

ระหว่างการต่อสู้จากตัวผู้และตัวเมียมีความแตกต่างทางพลังอย่างมากราวฟ้ากับเหว

 

หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น ถ้าตัวผู้มีพลังทางการต่อสู้เท่ากับออร์คโตเต็มที่จำนวนสี่ถึงห้าตัว ตัวเมียจะมีพลังที่ต่ำลงไปกว่านั้น

 

‘ไม่สิ… บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ดีก็ได้’

 

อย่างไรก็ตาม หัวใจมังกรพีคอคตัวผู้ก็มีความสำคัญและมีค่ายิ่งกว่าตัวเมียมาก คังชอลอินนึกถึงรางวัลที่จะได้รับในอนาคตเพื่อมาทดแทนความผิดหวังของเขา

 

– โพดอลส์กี้ เจ้านำไปก่อน

 

คังชอลอินส่งสัญญาณมือไปที่โพดอลส์กี้เพื่อให้เขาเคลื่อนไหว

 

– ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเองขอรับ องค์ราชันย์

 

โพดอลส์กี้พยักหน้ารับ

 

ขั้นตอนแรกที่ดีที่สุดในการสู้กับมังกรพีคอคหรือสัตว์ประหลาดที่มีปีกอื่น ๆ คือการกำจัดความคล่องตัวของมันให้ได้เสียก่อน มันจำเป็นต้องทำลายปีกหรือผูกมัดข้อเท้าของมันเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่โพดอลส์กี้ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องการผูกมัดเป็นฝ่ายที่ต้องออกไปเป็นคนแรก

 

– เดี๋ยว รอก่อน

 

คังชอลอินไม่อาจละสายตาไปจากมังกรพีคอคได้แม้แต่วินาทีเดียวเพื่อเฝ้ารอเวลาที่เหมาะสมที่สุด การล่าสัตว์ที่ดีจำเป็นต้องใช้ความอดทนเข้าสู้

 

หลังจากนั้นประมาณ 30 นาทีผ่านไป…

 

ในที่สุดมังกรพีคอคก็ได้มาหยุดอยู่ตรงกลางลุ่มน้ำหลังจากที่มันเคลื่อนตัวไปมารอบ ๆ ได้สักพัก

 

มันบิดร่างของตัวเองเพื่อฝังส่วนปากนกไปไว้ที่ปีกข้างซ้าย

 

‘มันกำลังจะหลับ โอกาสนี้แหละ’

 

มันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับคังชอลอินและนักผจญภัยเมื่อมังกรพีคอคเตรียมการนอน

 

– ข้าจะล่อความสนใจมันจากด้านหน้า

 

คังชอลอินส่งสัญญาณมือ

 

– ในตอนนั้นเจ้าจงรีบไปผูกมัดมันไว้ซะ ความล้มเหลวของเจ้าไม่ห้ามเกิดขึ้นได้เป็นอันขาด

 

ทันใดนั้นดวงตาของโพดอลส์กี้ก็พลันเบิกกว้างด้วยความตื่นตัวเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับคำสั่งที่เข้มงวดที่สุดนับตั้งแต่มายังดินแดนโพดอลส์กี้

 

ความล้มเหลวที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้เด็ดขาดหมายถึงความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ สำหรับโพดอลส์กี้แล้ว เขาต้องทำให้แน่ใจว่าหน้าที่ของเขาสามารถเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม

 

– ลูเซีย รอจังหวะประสานพร้อมกัน

 

– ข้าเฝ้าเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาเจ้าค่ะ

 

หลังสั่งการอย่างเข้มงวดกับโพดอลส์กี้เสร็จ คังชอลอินก็หันเข้าหาลูเซียเพื่อร้องขอให้เขาแสดงความสามารถแบบเดียวกันกับตอนที่พวกเขาช่วยกันจัดการกับโอเกอร์

 

– ข้าจะนับถึงสาม จากนั้นก็เริ่มการโจมตีได้

 

หลังจากส่งสัญญาณมือครั้งสุดท้ายให้กับนักผจญภัย คังชอลอินก็ยึดกล้ามเนื้อของเขาเพื่อเตรียมความพร้อม

 

หายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก

 

เขายังคงเฝ้าสังเกตมังกรพีคอคที่กำลังนอนหลับเพื่อรอเวลาที่เหมาะสม

 

นี่คือการใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะที่โดเรียนเคยค้นพบเมื่อในอดีตในตอนที่พวกเขามาออกล่ามังกรพีคอคเพื่อตรวจดูการหายใจของมันและยังมีความหมายที่สำคัญอีกหนึ่งสิ่งนั่นคือการสูดดม

 

อย่างไรก็ตามในระหว่างการหายใจเข้าหายใจออก มังกรพีคอคจะไร้การป้องกันไปโดยสมบูรณ์และสิ่งนี้จะพอยื้อเวลาให้ได้สิบวินาที

 

‘หายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก… หายใจเข้า… ตอนนี้ล่ะ!’

 

ในที่สุดคังชอลอินก็เริ่มเคลื่อนไหวหลังจากค้นหาเวลาที่เหมาะสมในการโจมตีได้สำเร็จ ตามหลังเขามาคือลูเซียและนักผจญภัยที่ถือดาบกลืนโลหิต

 

– ไปได้!

 

แนวหน้าของทีมพิชิตที่นำโดยคังชอลอินเริ่มพุ่งเข้าหามังกรพีคอคในที่สุด

 

– ลูเซีย ส่งข้าขึ้นไปด้านบน!

 

จากนั้นคังชอลอินก็ยื่นมือเข้าหาลูเซีย

 

หมับ!

 

ทันทีที่มือของพวกเขาจับกันจนมั่น ลูเซียหันลำตัวของนางโดยใช้ขาขวาเป็นแกนแล้วโยนส่งคังชอลอินไปด้วยพลังทั้งหมดที่นางมี มันเป็นพลังที่น่าเหลือเชื่อราวกับเครื่องยิงก้อนหินที่ใช้ในการทำสงคราม

 

ตั้ก!

 

ด้วยแรงส่งพร้อมการกระโดดที่รวดเร็วทำให้คังชอลอินมาหยุดอยู่ต่อหน้ามังกรพีคอคที่กำลังหลับภายในพริบตา

 

พรึ่บ!

 

หลังจากเปลี่ยนจากการหายใจเข้าออกมาเป็นการสูดดม มังกรพีคอคสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังอยู่ข้างหน้าจึงค่อย ๆ เปิดตาสีเขียวมรกตอันเป็นเอกลักษณ์และจ้องมองค้อนมาที่คังชอลอินในทันใด จากนั้นมันก็กางปีกเตรียมพร้อมลงโทษมนุษย์ที่หาญกล้าเข้ามารบกวนมัน

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่คังชอลอินเข้าไปใกล้กับบริเวณปลายจมูกของมันมากจึงไม่มีวิธีใดที่มันจะสามารถหลบเลี่ยงแรงระเบิดได้

 

เหอออ..!

 

ดาบกลืนโลหิตของคังชอลอินถูกเคลือบไปด้วยมานาไฟที่เข้มข้นก่อนจะพุ่งขึ้นเมื่อมันกระทบกับมังกรพีคอค

 

ฮิ้ง!

 

จงอยปากของมังกรพีคอคและดาบกลืนโลหิตปะทะเข้าหากันจนทำให้เกิดเป็นเสียงโลหะชนโลหะ

 

หัวของมันถูกกระแทกกลับและมังกรพีคอคก็พลาดท่า มันแสดงให้เห็นถึงพลังการทำลายล้างจากการโจมตีของคังชอลอิน

 

มันเป็นโอกาสที่ดีแก่การโจมตีอย่างมาก

 

การโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัวจากคังชอลอินคือการทำให้สมองของมังกรพีคอคหยุดนิ่งด้วยความตกใจและป้องกันไม่ให้มันบินขึ้นเพื่อซื้อเวลาให้นักผจญภัยเข้ามาจัดการ

 

“ไปกันเถอะ!!”

 

“ตายซะ!!”

 

นักผจญภัยแนวหน้านำการโจมตีเหมือนฝูงผึ้งขณะที่พวกเขาเหวี่ยงดาบกลืนโลหิตไปที่มังกรพีคอค

 

ฉึ้บ! ฉั้บ

 

นักผจญภัยที่ใช้โล่พาร์วิสและนักผจญภัยที่มีหอกหนามทมิฬรวมตัวกันอยู่ด้านหลังไป

 

“โพดอลส์กี้ เร็วเข้า!”

 

คังชอลอินไม่ได้มองไปที่นักผจญภัยแต่อย่างใด เขากำลังจับตาดูโพดอลส์กี้ที่กำลังถือโซ่เหล็กอยู่กับบิลลี่และนักผจญภัยอีกสองคน ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือการประสบความสำเร็จในการมัดมังกรพีคอคให้ติดอยู่กับพื้น

 

ฉึก ฉัก ฉึก ฉัก

 

โพดอลส์กี้เล็งที่ด้านซ้ายของมังกรพีคอคเพื่อเปิดทางให้โซ่เหล็กได้คล้องเข้าไป

 

คลิก คลิก ฮุบ!

 

โซ่เหล็กได้พันรอบขาซ้ายของมังกรพีคอคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

‘เสร็จ!’

 

เมื่อเห็นว่าโพดอลส์กี้สามารถทำหน้าที่ได้สำเร็จ คังชอลอินก็คิดว่าการพาเขามาด้วยนั้นเป็นการตัดสินใจที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญแห่งพันธนาการ เขาเป็นคนที่มีประโยชน์ได้อย่างแท้จริง

 

ทันใดนั้นคังชอลอินก็ตะโกนขึ้นอย่างฉับพลันเพื่อนำทัพนักผจญภัย

 

การผูกขาซ้ายของมังกรพีคอคไว้ได้อย่างหนาแน่นทำให้มันไม่มีโอกาสที่จะบินขึ้นต่อไปได้ ขณะเดียวกันมันก็กำลังถูกมนุษย์ที่มากกว่าสี่สิบคนหรืออาจมากกว่านั้นซุ่มโจมตี ระหว่างนั้นโพดอลส์กี้ก็ได้ทำการผูกห่วงโซ่เหล็กไว้รอบ ๆ ต้นไซปรัสจำนวนหนึ่งเพื่อเสริมสร้างการยึดมั่นให้ยิ่งแข็งแกร่ง

 

อย่างไรก็ตาม … ถึงแม้พวกเขาจะประสบความสำเร็จในการซุ่มโจมตีและการคล้องโซ่เหล็ก แต่มังกรพีคอคก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายจะต่อกรด้วย

 

กูววววววว!!!

 

มันไม่ทรงพลังแค่เพียงเพราะเลือดมังกรที่ไหลวนอยู่ในตัวแต่ด้วยมวลร่างกายขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะเอาชนะการโจมตีของทีมพิชิต

 

เหนือสิ่งอื่นใด ราวกับว่าขาซ้ายที่โดนโซ่ล็อคกำลังบ้าคลั่ง มันออกแรงอย่างหนักเพื่อให้พ้นจากการถูกพันธนาการ

 

จากการสั่นสะเทือนครั้งนั้นทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเป็นครั้งแรก

 

ปั้ก!

 

ร่างของนักผจญภัยบางส่วนถูกเหวี่ยงด้วยหางที่เหยียดยาวของมันจนปะทะเข้ากับส่วนคอของพวกเขาโดยตรง พวกเขาล้มลงและกลิ้งไปบนพื้นจนตายด้วยสาเหตุจากการคอหักจนถึงแก่ชีวิต

 

“…!”

 

ด้วยความสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกทำให้นักผจญภัยบางคนแสดงความตกใจขึ้นมา พวกเขาไม่คิดว่าจะมีใครต้องมาพบกับความตายทันทีเช่นนี้ นั่นคือความแตกต่างระหว่างโลกของความมั่นใจและโลกแห่งความเป็นจริง

 

“ตั้งสมาธิ!”

 

การช่วยให้พวกเขาเอาชนะความคลาดเคลื่อนกับสิ่งที่ตั้งมั่นอยู่ในใจคือบทบาทสำคัญของคังชอลอิน

 

“พวกเราทั้งหมดจะตายทันทีหากทุกคนล่าถอย! การฆ่ามันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้มีชีวิตอยู่รอด!”

 

ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีสำหรับทีมที่เตรียมจะสลายตัวหลังการตายของเพื่อนร่วมงาน คังชอลอินตระหนักดีถึงสิ่งนี้จึงผลักดันนักผจญภัยไปอย่างรุนแรงเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่แตกกลุ่ม

 

อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งใดที่คังชอลอินจะสามารถทำได้เนื่องจากจำนวนผู้เสียชีวิตกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ในตอนนี้สถานะระดับของเขายังคงต่ำมากจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะช่วยให้นักผจญภัยทุกคนปลอดภัย

 

เสียงดาบกลืนโลหิตของนักผจญภัยที่ตกหล่นสู่พื้นเนื่องจากการถูกแบ่งร่างออกเป็นสองส่วน นักผจญภัยคนอื่น ๆ จะถูกฆ่าตายเมื่อร่างกายส่วนบนของเขาถูกเจาะโดยปากมังกรพีคอค

 

การเคลื่อนไหวของมังกรพีคอคที่บ้าคลั่งได้สร้างพลังอันยิ่งใหญ่

 

‘เท่านี้ก็มาถึงขีดจำกัดมากพอแล้ว การสูญเสียที่มากขึ้นจะไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป’

 

เมื่อจำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็นเจ็ดคน  คังชอลอินสัมผัสได้ว่าพวกเขากำลังเข้าสู่ช่วงวิกฤติ หากจำนวนผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้มีโอกาสสูงมากที่กลุ่มนักผจญภัยจะล่มสลาย เขาต้องทำอะไรบางอย่างก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น

 

“ลูเซีย ออกตัวได้!”

 

“เจ้าค่ะ!”

 

เมื่อไม่สามารถปล่อยให้นักผจญภัยเป็นอันตรายไปมากกว่านี้ได้ ในที่สุดคังชอลอินก็ประสานความร่วมกันมือกับลูเซีย

 

พวกเขาวิ่งเข้าหามังกรพีคอคเพื่อโจมตีมันแบบประจันหน้าอย่างเต็มกำลัง

 

มันเป็นการวางแผนที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงแต่ต้องมีใครสักคนคอยหนุนการต่อสู้ในครั้งนี้ และในฐานะที่มันเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตถึงอย่างไรมันก็ต้องหมดแรงเข้าสักช่วงเวลาหนึ่ง ดังนั้นกุญแจสำคัญสู่ชัยชนะอย่างแท้จริงคือใครสักคนที่ต้องระเบิดพลังออกมาอย่างรุนแรงให้ได้

 

คังชอลอินและลูเซียที่กำลังเผชิญหน้ากับมังกรพีคอคเป็นผลให้ความสนใจของมันมุ่งเน้นไปที่ทั้งสองคนแทนและช่วยให้นักผจญภัยพอได้พักหายใจหายคอได้บ้าง แต่การป้องกันการโจมตีของมังกรพีคอคทำให้คังชอลอินและลูเซียรู้สึกว่านี่น่าจะเป็นการตายของพวกเขา

 

คังชอลอินแทบจะสลบเต็มทีแต่เขาก็ยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาตัวเองไว้ตราบใดที่เขายังสามารถรักษาได้ จากนั้นการโจมตีของนักผจญภัยก็เริ่มปะทุมากขึ้น

 

‘บ้าเอ๊ย!’

 

ข้างในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

 

เขาเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก

 

หากเป็นเขาในคนก่อนจะสามารถตัดผ่านร่างกายมันแยกออกเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดายด้วยการกวัดแกว่งดาบที่เต็มไปด้วยพลัง

 

เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าตัวเองช่างไร้พลังเหลือเกินในตอนนี้

 

‘ใจเย็น ๆ การเป็นคนใจร้อนเป็นดั่งยาพิษทำร้ายตน เราจะต้องแข็งแกร่งขึ้นหลังจากการออกล่าในครั้งนี้ สิ่งที่ต้องการในตอนนี้มากที่สุดคือความอดทนไม่ใช่ความโกรธแค้น’

 

แม้จะโกรธแต่เขาก็ยังสามารถควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ เขามุ่งเน้นไปที่การต่อสู้กับมังกรพีคอคและระงับความรู้สึกที่ชวนให้หายใจไม่ออกนี้อย่างรีบเร่ง เขานึกถึงการเอาชนะสถานการณ์ปัจจุบันจนได้รับหัวใจมังกรซึ่งจะกลายเป็นรากฐานสำหรับการฟื้นพลังเก่า ๆ ของเขามาเป็นพลัง

 

จากนั้นในที่สุดความอดทนก็เริ่มเปิดโอกาส

 

มังกรพีคอคที่กำลังหลั่งเลือดเป็นจำนวนมากหลังถูกแทงด้วยหอกหนามทมิฬนับไม่ถ้วนเริ่มอ่อนแอลงมากขึ้น โล่พาร์วิสกำลังทำหน้าที่ป้องกันส่วนหางที่กำลังแกว่งไปมาอย่างดุเดือด นอกเหนือจากนั้นด้วยการโจมตีประสานกันขั้นสูงของนักผจญภัย คังชอล และลูเซียได้ทำให้เกล็ดหนังแข็งส่วนนอกของมันเริ่มแสดงรอยแตกขึ้นมาได้ในที่สุด

 

“พุ่งไปที่หน้าท้อง หน้าท้องของมัน!” คังชอลอินตะโกนสั่ง เขาไม่สามารถสูญเสียโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้ไปได้

 

“ลุยกันเลย!”

 

“แทงมันเข้าไป!!”

 

“ตายซะไอ้สารเลวเอ๊ย!”

 

นักผจญภัยที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองแทงทะลุช่องท้องส่วนล่างของมังกรพีคอคขณะที่พวกเขาตะโกนปลุกขวัญ ความคมชัดของหอกหนามทมิฬนั้นเกินกว่าจะจินตนาการได้ มันถูกออกแบบมาเพื่อการแทงโดยเฉพาะ

 

ปึ้ก!

 

ปึ้ก!

 

ปึ้ก!

 

เลือดเริ่มทะลักออกจากช่องท้องส่วนล่างของมังกรพีคอคมากขึ้นเรื่อย ๆ บางส่วนของหน้าท้องมันเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ

 

และในที่สุดก็เกิดขึ้น

 

เมื่อรู้สึกว่าชีวิตของมันกำลังถูกคุกคาม มังกรพีคอคคำรามและปลดปล่อยอาวุธลับของมันออกมา

 

วี้ดดดดด!!!

 

ขนที่ด้านหลังของมังกรพีคอคเริ่มเปิดกว้างจนกลายเป็นรูปพัด มังกรพีคอคริเริ่ม “แสดงขนนกมายา” ซึ่งเป็นอาวุธที่อันตรายและร้ายแรงถึงตายได้มากที่สุด

 

ขนนกที่มีรูปร่างเหมือนพัดของมังกรพีคอคเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่จะทำให้เกิดอาการประสาทหลอนอย่างรุนแรงหากมีใครได้มองดูพวกมัน คน ๆ นั้นจะหลงตกอยู่ในวังวงขนนกแล้วจะค่อย ๆ เข้าสู่สถานะใกล้หมดสติเป็นเวลาประมาณ 5 นาที ซึ่งในช่วงเวลานั้นเองมังกรพีคอคจะสามารถกลืนกินพวกเขาที่ตกเป็นเหยื่อของกลไกการควบคุมจากเทคนิคนี้

 

ซรือ ซรือ ซรือ …

 

ขนนกยูงของมังกรพีคอคแกว่งไปแกว่งมาราวกับกำลังเต้นรำขณะที่มันร่ายคาถามายา หากไม่มีการป้องกันทุกคนจะต้องตกอยู่ในสถานะอันตรายจากการมัวเมาไปกับคาถานี้

 

ครือออ?

 

มังกรพีคอคเอียงศีรษะเหมือนมันรู้ตัวว่ามีอะไรบางอย่างผิดแปลก

 

ไม่มีนักผจญภัยคนใดที่ตกบ่วงเข้าสู่คาถาของมังกรพีคอคและแสดงอาการใด ๆ ให้เห็นจากการเคลื่อนไหวของมันแม้แต่คนเดียว

 

ขนนกมายาสร้างความสงบแก่ตัวมังกรพีคอคเป็นอย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ดูท่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับมังกรพีคอคอย่างยิ่ง

 

“ฟู่ว”

 

คังชอลอินพ่นลมหายใจออกเป็นเวลานานในขณะที่เขายกระดับมานาของตัวเอง

 

รอยยิ้มอันน่ากลัวของเขาเกิดขึ้นในทันใดราวกับจะบอกว่าเขารู้มาตลอดว่ามันเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์ หลังจากดื่มยาเสริมสมาธิไปล่วงหน้าทั้งเขาและนักผจญภัยต่างเป็นอิสระจากผลกระทบของขนนกมายากันทั้งนั้น

 

ตั้บ!

 

ขณะที่คังชอลอินถือดาบกลืนโลหิตขึ้นมาเขาได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันกับมันโดยสมบูรณ์เพื่อบุกเข้าหามังกรพีคอค

 

ชุ้กกกก!

 

ดาบกลืนโลหิตแทรกซึมอยู่ในระหว่างรอยแตกของผิวหนังของมัน เป้าหมายคือช่องท้องส่วนล่าง และโดยการเจาะทะลุเพียงหนึ่งครั้งนี้จะสามารถลากเคลื่อนที่จากล่างขึ้นไปยังด้านบนได้สำเร็จ

 

ครือออ!!!!

 

มังกรพีคอคปล่อยเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนสั่นสะเทือนไปทั่วผืนป่า

 

และนี่คือจุดจบ

 

คังชอลอินไม่คิดที่จะปล่อยให้มังกรพีคอคได้หลุดรอดออกไปได้

 

พรึ่บ!

 

ทันใดนั้นดาบกลืนโลหินก็ได้สร้างประกายไฟขึ้นมา

 

มานาไฟ

 

แม้จะมีพลังเวทต่ำในขณะที่เขารวบรวมมานาทั้งหมด แต่คังชอลอินก็พยายามคิดหาวิธีสู้มาโดยตลอด สิ่งเดียวที่เขาเห็นได้จากในตอนนี้คือการระเบิดครั้งใหญ่

 

‘ระเบิดพลังภายใน’

 

มานาของคังชอลอินแปรสภาพเป็นดั่งแรงระเบิดที่ไหลลงสู่ดาบกลืนโลหิตเพื่อพุ่งสู่ร่างของมังกรพีคอค

 

เป้าหมายคือหัวของมัน

 

คังชอลอินใช้เวลาที่น้อยกว่า 1 วินาทีในการส่งมานาเพื่อลากผ่านจากหน้าท้องส่วนล่างผ่านคอเข้าไปถึงส่วนสมอง

 

ตู้ม!

 

เสียงระเบิดดังก้องกังวาน

 

วี้ดดดดด!!

 

กะโหลกศีรษะของมังกรพีคอคและเนื้อหนังของมันแตกออกเป็นล้าน ๆ ชิ้นและล้มลงกับพื้นไปในที่สุด

 

[ได้รับการยกระดับ! บรรลุระดับ  26!]

 

[ได้รับการยกระดับ! บรรลุระดับ  27!]

 

เขาได้รับการเลื่อนระดับขึ้นไปทันทีถึงสองระดับ

 

[เควสพิเศษ: ‘การซุ่มโจมตีของมังกรพีคอค’ สำเร็จ!]

 

[รางวัลสำหรับการทำเควสต์: ค่าประสบการณ์ + 1200 / ทอง + 300 / บัฟ: เขตหวงห้ามสายพันธุ์มังกร / ได้รับฉายา“ผู้โอนอ่อนต่อสายลม”!]

 

[บัฟ: ด้วยผลกระทบจากเขตหวงห้ามสายพันธุ์มังกร ดินแดนของราชันย์จะเป็นอิสระจากสายพันธุ์มังกรเป็นเวลาหกเดือน!]

 

[ได้รับการยกระดับ! บรรลุระดับ  28!]

 

มีการเลื่อนระดับเพิ่มเติมอีกครั้ง

 

และนั่นคือที่สิ้นสุดของการล่ามังกรพีคอค

 

อย่างไรก็ตาม

 

เมื่อถึงตอนจบ แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏตัวออกมาและเหมือนโยนถังน้ำเย็นสาดเข้าใส่นักผจญภัยผู้พิชิตที่กำลังเตรียมจุดประทัดเพื่อเฉลิมฉลอง

 

“องค์ราชันย์!”

 

ลูเซียวิ่งเข้าหาคังชอลอินด้วยความบ้าคลั่ง

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset