The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 45: นักธุรกิจคังชอลอิน

ตอนที่ 45: นักธุรกิจคังชอลอิน

 

ลีแชรินตัดสินใจเดินทางกลับแพนเจียไปก่อนเพื่อรอคังชอลอินอยู่ที่นั่น

 

ห้าวันต่อมา

 

หลังจากแก้ตัวกับแม่ไปว่าเขากําลังอยู่ในช่วงวันหยุดพักผ่อน คังชอลอินก็ได้ใช้เวลาอยู่กับแม่มากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปพบกับชายชราควอนก่อนจะตัดสินใจไปพบกับลีแชรินอีกครั้งที่แพนเจียเพื่อหารือเกี่ยวกับการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างโลกและทวีป แพนเจีย

 

“ในไม่ช้าเศรษฐกิจของดินแดนเราก็จะยิ่งเติบโตมากขึ้น”

 

ในขณะที่มุ่งหน้าไปยังซงซาน(หนึ่งในเขตของกรุงโซล) คังชอลอินได้คิดถึงสัญญาที่เขาได้ทําไว้กับลีแชรินพร้อมด้วยสายตาที่เปล่งประกาย

 

สัญญาที่สร้างร่วมกันนั้นยอดเยี่ยมมาก

 

มันเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ลีแชรินเองก็ยังพูดได้ถูกต้องเมื่อเธอบอกว่าพวกเขาทั้งคู่ต่างจะมีความสุขไปกับมัน

 

มันดีสําหรับเธอเพราะเธอจะได้รับการคุ้มครองจากคังชอลอิน และมันก็ดีสําหรับเขาเพราะจะทําให้ศักยภาพทางเศรษฐกิจของเขาเพิ่มยิ่งขึ้น ถึงเวลาแล้วที่การผนึกกําลังทางเศรษฐกิจและกําลังทหารจะได้ร่วมมือกัน

 

เนื่องจากตอนนี้เขากําลังยากจนมากจนไม่สามารถใช้ความสามารถ “กองทัพจักรวาล” ของเขาได้ และแทนที่การขยายดินแดนหรือการซื้อหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างกองกําลังของดินแดนจะดําเนินต่อไปเขากลับต้องใช้เงินอันล้ำค่าไปกับการตามล่า หาตัวมังกรพีคอคแทน

 

แต่ด้วยความสามารถในการแก้ปัญหาต่อการร้องขอนี้ที่ผ่านไปได้ด้วยดี เขาจะสามารถตั้งเป้าหมายเพื่อครองที่ราบตะวันออกทั้งหมดได้ การมีอํานาจเหนือแคว้นแพนดิโมเนียมคือความสําคัญอันดับหนึ่งของคังชอลอินในตอนนี้

 

“เฮ้ เธอนี่เอง ดีจริง ๆ ที่เธอมาในวันนี้ ฮ่า ๆ ๆ”

 

ชายชราควอนทักทายเขาราวกับว่าพวกเขาไม่ได้พบเจอกันมากว่าสามสิบปี

 

“คุณชวนให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี”

 

เขาโบกมือ

 

“ชายชราที่ใกล้ตายอย่างฉันจะไปทําอะไรเธอได้กันล่ะ?”

 

เขาไม่ค่อยชอบใจนักที่มีคนทําตัวเข้ามาใกล้เกินความจําเป็นกับเขาแบบนี้

 

“เป็นเพราะฉันกําลังมีความสุขและรู้สึกขอบคุณเธออย่างมากยังไงเล่า! เนื่องจากแหวนที่เธอให้กับฉันมาฉันจึงสามารถเอาชนะการแข่งขันเทนนิสของมหาวิทยาลัยผู้สูงอายุได้”

 

“…คุณไปมหาวิทยาลัยของผู้อาวุโสมา?”

 

“เพราะฉันเสียใจกับช่วงเวลาที่ฉันสามารถทําแบบนั้นได้แต่ไม่ยอมทําน่ะสิฉันจึงไปเข้าเรียนนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป”

 

“ไม่ใช่ภาคเรียนแบบปกติใช่ไหม?”

 

“ฮ่า ๆ สําหรับคนแก่แบบพวกเราแล้วจะให้ไปเข้าเรียนแบบเด็กๆ ได้อย่างไรกัน ทั้งหมดมันก็แค่เพราะว่าพวกเราเบื่อกันเกินไปเลยอยากออกไปข้างนอกบ้างก็เท่านั้น มันจะเป็นเช่นนี้เสมอเมื่อเธอเริ่มแก่ตัวลง”

 

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและขมขื่น แต่ดูเหมือนว่าชายชราควอนจะมีความสุขที่ได้ไปมหาวิทยาลัยในตอนนี้

 

“มาคุยเรื่องธุรกิจกันเลยเถอะ”

 

แน่นอนว่าคังชอลอินไม่สนใจสิ่งที่ชายชราควอนกําลังทําในยามว่าง

 

“ได้สิ ฉันคิดว่าวันนี้เราคงจะได้เป็นพันธมิตรกันอย่างเป็นทางการสักที”

 

ดวงตาของชายชราควอนเต็มไปด้วยความคาดหวัง

 

นักเดินทางข้ามมิติรวมไปถึงรายการไอเทมสิ่งของต่าง ๆ ที่มาจากแพนเจียได้รับความสนใจจากทั่วทุกมุมโลก เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตั้งความหวังกับคังชอลอินไว้สูงกว่าคนอื่น

 

” แต่ก่อนหน้านั้น…”

 

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดคุยถึงข้อตกลงร่วมกัน คังชอลอินตัดสินใจบอกคําขอและเงื่อนไขต่อชายชราควอนซึ่งเป็นเหมือนพื้นฐานของความร่วมมือกันเป็นอย่างแรกออกไปก่อน

 

“เอาล่ะ พูดมาสักที ฉันรู้สึกเวียนหัวไปหมดแล้วถ้าเธอยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา ถ้าฉันตายไปเธอจะรับผิดชอบยังไง ฮึ?”

 

“นั่นคือชะตากรรมของคุณไม่ใช่ของฉัน ยังมีนักธุรกิจอีกมากมายให้ร่วมมือด้วย”

 

คังชอลอินตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

 

“ฮึม เธอจะดึงเชิงไปเรื่อยกับคนที่เป็นรุ่นพี่เธอแบบฉันน่ะหรอ?”

 

“ฉันสามารถทําสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าอาชญากรได้ด้วยซ้ํา”

 

“…เอาล่ะ มาฟังเงื่อนไขของเธอกันเลยเถอะ”

 

ชายชราควอนตัดสินใจยอมแพ้

 

“ฉันอยากได้บ้านและรถ”

 

“บ้านและรถ?”

 

“ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เป็นคฤหาสน์สักหลัง แต่มันคงไม่สะดวกที่จะหาบ้านแบบนั้นได้ในโซล มันต้องมีขนาดใหญ่กว่า 100 ตารางเมตรและอยู่ในเขตโซโช (เขตอื่นในกรุงโซล) ถ้าเป็นไปได้นะ… อืม เนื่องจากฉันไม่ได้พักอยู่ที่นั่นนานจึงไม่ค่อยสําคัญเท่า ไหร่”

 

“อืม…ก็ไม่ได้ยากสักเท่าไหร่ ฉันยังมีคฤหาสน์ที่ว่างอยู่เธอเช่าที่นั่นอยู่ไก็ได้ แต่ทําไมต้องอยากได้รถอีกล่ะ? รถที่เธอขี่ในตอนนี้คือมัสแตงใช่ไหม? มันไม่ใช่รถที่แย่เลยสักนิดนี้ ทําไมล่ะ? หรือเธอโดนคนขับแลมโบกินี่เมินมา?”

 

ชายชราควอนดูเหมือนจะพอรู้อะไรเกี่ยวกับรถยนต์มาบ้าง

 

“เมินมา? ฮ่า ๆ ๆ”

 

คังชอลอินระเบิดเสียงหัวเราะในทันใด

 

“มันก็แค่งานอดิเรกเท่านั้น”

 

“สะสมรถยนต์น่ะหรอ? ฮ่า…. เป็นงานอดิเรกที่แพงมากทีเดียว เธอเองก็ค่อนข้างฟุ่มเฟือยเหมือนกันนี่น่า …. แล้วยังไง อยากได้รถแบบไหน? แอสตันมาร์ตินพวกนี้ไหม?”

 

“ไปบอกให้เจมส์บอนด์ใช้อะไรแบบนั้นเองเถอะ รถยนต์เหล่านี้มีไว้ให้สําหรับพวกอันธพาลและโรคจิต”

 

“อะไรที่ทําให้นายคิดแบบนั้นกัน? แอสตันมาร์ตินน่ะเป็นการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบของรถซีดานและรถสปอร์ตเชียวนะ ไม่มีรถคันอื่นที่สามารถเป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษได้เท่ากับแอสตันมาร์ตินแล้ว! รถยนต์เหล่านั้นสมบูรณ์แบบราวกับชุดสูทที่เรียบเท่”

 

“ฉันไม่ชอบ”

 

คังชอลอินเป็นคนตรงไปตรงมากับรสนิยมส่วนตัวแม้ว่าเขาจะไม่รู้เหตุผลจริง ๆ ว่าทําไมแต่เขาไม่ชอบแอสตันมาร์ตินเลยสักนิดเดียว

 

“อืม…เนื่องจากเธอเป็นคนบอกมาเองว่าไม่ชอบมันจึงไม่มีทางเลือกอื่น บอกสิ่งที่เธอต้องการมาโดยตรงเลยเถอะ”

 

ชายชราควอนพูดอย่างหงุดหงิด

 

“จากัวร์ เอฟ-ไทป์ คูป”

 

“หืม…จากัวร์ เอฟ-ไทป์.. เธอรู้วิธีเก็บรถยนต์อยู่เหมือนกันนี่นา แล้วรุ่นปีล่ะ?”

 

“2013 ถ้าเป็นไปได้ และต้องเป็นสีดํา”

 

“และแน่นอนว่า…”

 

“5,000 cc”

 

“อยู่แล้ว ถ้าเธอเป็นผู้ชายก็ต้องอยากได้เครื่องยนต์ 5,000 cc”

 

“บ้านและรถทั้งหมดภายในสามชั่วโมงรวมไปถึงการขนสัมภาระของฉันต่างๆ สําหรับมัสแตง… บอกให้ลูกน้องคนหนึ่งของคุณย้ายมันไปที่บ้านหลังใหม่ให้ด้วยก็แล้วกัน”

 

“เฮ้อ … ทั้งหมดภายในสามชั่วโมง”

 

“ฉันไม่ชอบการเช่า”

 

“…”

 

คําขอที่ไร้สาระของคังชอลอินทําเอาชายชราควอนแทบพูดไม่ออกแต่เขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไร

 

แม้มันจะดูเป็นเรื่องยากแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ พวกเขาไม่ได้เรียกชายชราควอนกันว่า “ราชาแห่งโลกใต้ดิน” ไปเพียงเรื่อยเปื่อยและคังชอลอินก็รู้ในเรื่องนั้นดี

 

“ผู้จัดการโอ”

 

“ครับบอส”

 

“ได้ยินแล้วใช่ไหม สามชั่วโมงเท่านั้นนะ”

 

“ครับ ผมจะรีบดําเนินการให้ในทันที”

 

ผู้จัดการโอเริ่มเคลื่อนไหวอย่างระวังเมื่อไปเอารถของคังชอลอิน และขับออกไปข้างนอก

 

“ พอใจแล้วใช่ไหม?”

 

“เริ่มกันเลยเถอะ”

 

คังชอลอินผงกหัวของเขาแล้วหยิบกระเป๋าใบใหญ่มาวางบนโต๊ะ พร้อมกับเสียงดัง 

“ปั้ง!”

 

“ฉันนําสิ่งของมามากมายที่สามารถผลิตได้มากและหาได้ง่าย วันนี้เราจะพูดถึงสิ่งที่เราใช้กัน”

 

“อืม มันไม่เสียเปล่าเลยจริง ๆ ที่ซื้อจากัวร์ให้เธอ เยี่ยม มา เริ่มกันเลยเถอะ”

 

“พวกนี้”

 

หลังจากวางกระเป๋าลงบนโต๊ะเสร็จแล้วเขาก็พลิกมันคว่ำ ด้วยเสียงที่ทําให้นึกถึงโดมิโน สิ่งของต่าง ๆ จากทวีปแพนเจียต่างก็ทยอยออกมาในทันใด

 

“โอ้ สิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดมีความสามารถพิเศษด้วยใช่ไหม?

 

“แน่นอน ตัวอย่างเช่น…สิ่งนี้ มันคือ ‘แหวนมืดบอด’ ”

 

คังชอลอินหยิบเอาแหวนสีขาวออกมาจากการกระเป๋า

 

“แหวนมืดบอด?”

 

“มันจะช่วยทําให้ศัตรูตาบอดได้อย่างแท้จริงไปสามวินาที แม้ว่ามันจะไม่ได้ใช้กับสัตว์ประหลาดมากนัก แต่ฉันคิดว่ามันมีประสิทธิภาพในการป้องกันตัวเองได้ดีทีเดียว”

“แล้วมันใช้ยังไง?”

 

“แบบนี้”

 

คังชอลอินว่าพลางสวมแหวนลงไปที่นิ้วชี้ของตัวเองแล้วชี้ไปยังลูกน้องของชายชราควอนคนหนึ่ง

 

พรึ่บ!

 

ดูเหมือนจะมีประกายไฟสีขาวจะโผล่ออกมาจากนิ้วชี้ของเขา

 

“อ้ากก…”

 

ลูกน้องคนนั้นจับใบหน้าของตัวเองแล้วกลิ้งตัวลงไปมากับพื้นด้วยความเจ็บปวด

 

“อ้ากก ตาฉัน ตาของฉัน!!”

 

เขากลายเป็นหนูทดลองเพียงเพราะบังเอิญอยู่ในสายของคังชอลอินเข้าพอดี ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะเรียกคังชอลอินว่าเป็นนักเลงด้วยเหมือนกัน

 

“นี่เธอ!”

 

“มันไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ก็นะ…มันจะมองได้เห็นภาพมากกว่า ถ้าได้รับประสบการณ์โดยตรงนี้ จริงไหม?”

 

แม้ว่าชายชราควอนจะแปลกใจกับการแสดงความสามารถพิเศษจากสิ่งของโดยไม่ทันได้ตระเตรียมตัวมาก่อน แต่หลังจากนั้นอีกสามวินาทีต่อมาลูกน้องคนนั้นก็ดูเหมือนจะฟื้นสายตากลับมาเป็นปกติได้พร้อมด้วยความรู้สึกสับสน

 

“อืม…มันมีประสิทธิภาพจริงๆ แต่ฉันคิดว่ามันดูตะเกินจริงไปสักหน่อย”

 

“ฉันคิดว่ามันดีกว่าการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อการป้องกันตัว”

 

“เธอพูดถูก…แต่สิ่งเดียวที่ดีเกี่ยวกับประเทศนี้คือการก้อปปี้และการรับ เนื่องจากปืน ดาบและอาวุธอื่น ๆ ถูกแบน รัฐบาลจะทําทุกอย่างที่แม้จะระยําตําบอนอย่างไรก็จะเอาของพวกนี้ไปจากพวกเราไม่ว่าจะต้องฆ่าหรือไม่ก็ตาม”

 

ถึงแม้ว่าเขาจะขายปืนให้กับองค์กรอาชญากรจากทั้งจีนและญี่ปุ่น แต่มันก็ฟังเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากถ้ามาจากชายชราควอน

 

“ก็นะ เพราะปัญหาต่าง ๆ ในอดีตที่ทําให้เกิดขึ้นแบบนี้นี่นา”

 

คังชอลอินคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านมาของเขาหลังจากชายชราควอนได้นําเสนอหัวข้อการขายออกไป

 

ตอนนี้มันเร็วเกินไป

 

เขาต้องการเวลามากกว่านี้

 

เมื่อข้อมูลจําเพาะและพลังของผู้เดินทางมิติเพิ่มขึ้น อันดับของรายการก็จะสูงขึ้นและการแทรกแซงจากรัฐบาลก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน

 

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทําลายโลกใบนี้ทิ้ง

 

“ถ้าอย่างนั้นนี่ล่ะ”

 

เขาได้นําสิ่งของมามากมายหลายรายการและแม้ว่าบางรายการจะไม่ถูกใช้ในการโจมตีแต่ก็อาจมีบางอย่างที่สามารถผลิตได้จํานวนมาก

 

จากนั้นบทสนทนาก็เริ่มยาวมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

“นี่อะไร?”

 

“หึม…ไม่เอาอันนี้”

 

“แพงมาก”

 

“ถ้าเธอขายสิ่งนี้เธอมีปัญหาแน่”

 

มีการพูดคุยกันมากมายเกิดขึ้น

 

“แล้วนี่อะไร? ไว้เพื่อสําหรับดื่มหรือนําไปใช้กับผิวหนังหรือเปล่า?”

 

ชายชราควอนหยิบขวดที่บรรจุของเหลวคล้ายนมไว้ข้างในแล้วก็เขย่า

 

“มันดูเหมือน “พวกนั้น” แน่ใจนะว่านี่ไม่ใช่ยา?”

 

คังชอลอินรู้ดีกว่าชายชราควอนกําลังคิดอะไร

 

ชายชราควอนกําลังคิดว่าสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นเป็นสิ่งที่คล้ายกับโปรโพฟอล (ยาที่ฉีดเข้าไปในร่างกายเพื่อกล่อมประสาท) แน่นอนว่าคนที่ได้ชื่อราชาแห่งโลกใต้ดินจะต้องรู้จักของสิ่งนี้เป็นอย่างดี

 

“เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ”

 

เขายิ้มเยาะ

 

“คนที่คุ้นเคยก็จะมองเห็นเป็นสิ่งนั้น”

“อะแฮ่ม ๆ”

 

ชายชราควอนเริ่มส่งเสียงไอปลอมๆ พร้อมด้วยใบหน้าที่อับอาย

 

“นี่เป็นของเหลวสกัดจากต้นไม้พูดคุย”

 

คังชอลอินอธิบาย

 

“ต้นไม้พูดคุย? สกัด?”

 

“อย่างที่บอก มันเป็นของเหลวที่นํามาจากต้นไม้พูดคุย”

 

“แล้วต้นไม้พูดคุยคืออะไร?”

 

“ต้นไม้ที่พูดได้”

 

“ ไม่น่าเชื่อ”

 

“ไม่ใช่เพราะว่าพวกมันมีความคิดถึงพูดได้ พวกมันเพียงอ่านคลื่นสมองของมนุษย์ที่อยู่ใกล้ ๆ หลังจากนั้นทั้งต้นไม้และคนก็จะสามารถพูดคุยกันได้ดังนั้นผู้คนจึงตัดสินใจเรียกมันว่าต้นไม้พูดคุย”

 

“โอ้ แพนเจียช่างมีหลายสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ น่าสนใจๆ … แล้วของเหลวนี้เอาไว้ทําอะไร?”

 

“คุณสามารถเรียนได้ทุกภาษา”

 

“อะไรนะ?!”

 

ร่างกายของชายชราควอนสั่นขึ้นมาในทันใด

 

“จะ จริงเหรอ? ไหนอธิบายให้ละเอียดอีกทีสิ”

 

“หลังจากดื่มสิ่งนี้เข้าไปแล้วคุณจะสามารถนึกถึงภาษาต่าง ๆ ได้ มันก็เหมือนกับการได้รับข้อมูลเกี่ยวกับภาษานั้นๆ ผ่านทางร่างกาย หากคุณดื่มวันละหนึ่งครั้ง คุณจะสามารถเรียนรู้ได้หนึ่งภาษาภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ หากเป็นสิ่งที่หลายคนพูดกันเช่นจีนหรืออังกฤษจะใช้เวลาประมาณ 3 – 4 วัน”

 

“นี่แหละ! อันนี้แหละ!”

 

“… ?”

 

“มาทําสิ่งนี้กันเถอะ!”

 

“อันนี้มันดีจริง ๆ นะเหรอ?”

 

“แน่นอนสิ! เกาหลีเป็นสวรรค์ของนักวิชาการเช่นเดียวกับการศึกษาสิ่งต่างๆ เช่น โทอิค (การทดสอบภาษาอังกฤษ สําหรับต่างประเทศ) ทําให้มีคนต้องใช้จ่ายเงินเป็นจํานวนมากด้วย สิ่งนี้เราจะสามารถทําเงินได้อย่างมหาศาลเลยล่ะ!”

 

“…! ”

 

จากคําพูดของชายชราควอน คังชอลอินดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้เช่นกัน

 

ใช่แล้ว เกาหลีใต้เป็นสวรรค์แห่งการศึกษาอย่างแท้จริง ที่นี่เป็นประเทศที่ผู้คนจะมีหนี้สินล้นตัวและเสี่ยงต่ออนาคตเพียงเพื่อให้ลูกหลานของพวกเขาได้รับการศึกษาที่ดียิ่งขึ้น การขายสิ่งนี้ให้กับประเทศเช่นนี้จะสามารถครองตลาดทางการศึกษาได้ และไม่ ใช่แค่ที่เกาหลีแต่ยังรวมไปถึงประเทศอื่นๆได้อีกเช่นกัน

 

“และไม่จําเป็นต้องไปกังวลเกี่ยวกับกฎข้อบังคับอีกด้วย ถ้ามันดีต่อการศึกษาของลูก ๆ พวกเขาจริง พ่อแม่ชาวเกาหลีทุกคนจะยอมให้ลูกตัวเองได้กินทุกอย่าง หากรัฐบาลพยายามเข้ามาควบคุม สิ่งนี้พวกเขาจะได้ลิ้มรสยาเป็นของตัวเองแน่นอน คิ ๆ ๆ”

 

ชายชราควอนพูดราวกับว่าเขาได้บรรลุความฝันของเขาไปเรียบร้อยแล้ว

 

“ฉันจะสร้างสถาบันการศึกษา ฉันจะให้นักเรียนดื่มของเหลวนี้ และจัดทําหลักสูตรสําหรับพวกเขา!”

 

“เช่นเดียวกับธุรกิจสําหรับนักผจญภัย”

 

“ใช่แล้ว! ตอนนี้ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอกําลังพูดถึงได้อย่างชัดเจนแล้ว ธุรกิจนี้จะเป็นธุรกิจดั่งห่านที่ออกไข่ทองคําได้อย่างแท้จริง! มีความเป็นไปได้ที่เราจะได้ไข่ทองคํามาโดยไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยการให้ลองสัมผัสกับประสบการณ์การใช้ของเหลวนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของผู้คน มันก็จะง่ายขึ้นเมื่อมีสินค้าใหม่ๆ มาวางขาย”

 

“มันแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นนะคุณควอน คุณไม่จําเป็นต้องลองหรือเร่งรีบ”

 

“อย่างไรมันก็ต้องมีกฎระเบียบ แม้ว่าแผนโรงเรียนแบบนี้จะดีแต่ก็ต้องมีกฏและข้อบังคับในการต่อสู้อีกเช่นกัน”

 

เขาพูดถูก

 

มันจะเป็นการต่อสู้และเป็นการต่อสู้ที่ยากและยาวนานเสียด้วย

 

แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ชัดเจน การใช้ชีวิตของคนเราก็เหมือนกับการใช้ ชีวิตในสนามรบที่โหดร้าย มันเป็นสังคมแห่งการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด

 

เมื่อได้ออกมาจากท้องแม่แล้ว ทุกโอกาสที่เข้ามา ล้วนแต่เป็นการแข่งขันไปโดยสิ้นเชิง

 

เริ่มจากการต่อสู้เพื่อให้ได้เข้าเรียนในวัยเด็กไปจนถึงการต่อสู้เพื่อให้ได้มีงานทําในวัยผู้ใหญ่ การต่อสู้เพื่อให้ได้งานหลังจากจบมหาวิทยาลัยและโดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับเกาหลีในยุค 2020 ที่เป็นยุคแห่งการแข่งขันยิ่งทวีคูณถึงความโหดร้าย

 

เมื่อต้องอยู่ในยุคแบบนี้พวกเขาจําเป็นต้องทําสงครามด้วยทุกวิถีทางเท่าที่จะทําได้

 

“ฉันจะช่วยคุณเอง” คังชอลอินกล่าว

 

“อย่างไรก็ตามฉันจะไม่ทําทุกอย่างอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่การต่อสู้ของฉันแต่เป็นของคุณ คนที่ควบคุมธุรกิจนี้จะเป็นคุณไม่ใช่ฉัน”

 

การต่อสู้ของคังชอลอินคือที่ทวีปแพนเจีย เขาไม่มีเวลามาทําสงครามกับพลเรือนบนโลก

 

“ฉันเข้าใจคําพูดของเธอดี”

 

ชายชราควอนกํามือที่มีแต่รอยเหี่ยวย่นจนแน่น

 

“ปล่อยให้ฉันจัดการเถอะ ฉันจะประสบความสําเร็จได้แน่”

 

“แน่นอนว่าคุณจะต้องประสบความสําเร็จ ถ้าหากคุณล้มเหลว…”

 

“เธอก็จะเปลี่ยนคู่ค้าทันที”

 

“คุณรู้จักฉันดี”

 

“การได้มองไปที่เธอก็เหมือนกับการได้มองพี่ชายของฉันที่เพิ่งเสียไปเมื่อปีกลาย”

 

“…?”

 

ชายชราควอนเริ่มพูดถึงอดีต

 

“เขาไม่ได้เป็นแค่นักธุรกิจแต่เป็นถึงจักรพรรดิ เขามีเสน่ห์มากกว่าใครและเข้มงวดในการบริหารจัดการอย่างมาก ฉันรู้ว่าเธอจะทําอย่างไรถ้าฉันล้มเหลว แต่ฉันก็รู้ว่าเธอจะปฏิบัติต่อฉันอย่างไรหากพวกเราประสบความสําเร็จ”

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ชายชราควอนก็พูดต่อว่า

 

“ขอบคุณ”

“…?”

 

“จากบทสนทนาในวันนี้ ฉันสามารถบอกได้เลยว่าความสัมพันธ์ทางธุรกิจและธุรกิจในอนาคตของเราจะเป็นไปเช่นไร ด้วยสิ่งนี้ฉันจะสามารถออกจากนรกและกลับคืนสู่ความใสสะอาดได้อย่างแท้ จริง ในที่สุดความฝันของฉันก็ได้เป็นจริงสักที สําหรับการทําให้ฉันรอดพ้นจากชะตากรรมการเป็นอาชญากรมาได้นั้น ต้องขอบคุณเธอมากจริง ๆ”

 

คังชอลอินไม่ได้ตอบอะไรกลับเพราะเขาไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับบทสนทนาเหล่านี้มากสักเท่าไหร่นัก

 

“แล้วอย่าลืมเอาเนื้อนี่ไปกินด้วยล่ะ”

 

“นี่คืออะไร? มันเป็นสเต็กหรือเปล่า? เธอกําลังพยายามฟื้นฟูชายชราคนนี้อยู่ใช่ไหม?”

 

“เนื้อมังกร”

“…!”

 

“มันดีต่อสุขภาพของคุณ ไม่ต้องไปกินพวกโสมหรือไวอากร้าแล้วกินสิ่งนี้ไปแทน”

 

“ฉันไม่ได้กินไวอากร้าสัก…หน่อย…”

 

ชายชราที่พยายามหาข้อแก้ตัวแต่ในขณะเดียวกันโทรศัพท์ขอ งคังชอลอินก็เริ่มส่งเสียงดังขึ้นแทรก มันคือข้อความที่มาจากปาร์คดูชิก

 

“…”

 

ทันทีที่ได้เห็นข้อความ ใบหน้าของคังชอลอินก็แข็งที่อและแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งไปในทันที

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset