The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 47: ควักจองยังไม่ตาย

ตอนที่ 47: ควักจองยังไม่ตาย

 

ภายหลังได้ยินชื่อของชายตรงหน้าที่บอกว่าชื่อควักจอง ใบหน้าของคังชอลอินก็หยุดนิ่งและแข็งที่อไปราวกับก้อนหิน

 

“เสือดํา…คือควักจอง?”

 

คังชอลอินรีบตรวจสอบสี่สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับควักจองกับผู้ชายคนนี้ในทันที

 

หนึ่งสูบบุหรี่จัด สองเป็นนักผจญภัย สามชื่อควักจอง และถ้าหากผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้มีอายุ 35 ปีจริง นั่นจะหมายความว่าชายคนนี้คือควักจองที่เขากําลังตามหา

 

เมื่อคิดว่าชายคนนี้เป็นควักของที่พยายามตามหามาตลอด หลายเดือนแต่กลับมาปรากฏอยู่ต่อหน้าอย่างง่ายดายเช่นนี้ แล้วมันให้ความรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนได้เชื่อมโชคชะตา ระหว่างเขาและควักจองให้มาพบเจอกันจนได้ในที่สุด

 

“ไม่มีทาง”

 

คังชอลอินพยายามคิดถึงความเป็นไปได้ที่ชายตรงหน้าเขา คนนี้จะเป็นควักจองที่เขาตามหาอยู่จริง ๆ

 

สิ่งอื่นใด ภาพของนักวิชาการและทหารดูไม่เข้ากับสภาพนักเลงที่ชายคนนี้กําลังเป็นอยู่โดยสิ้นเชิง

 

มันเหมือนกับว่าเขาเป็นความตรงข้ามกับลีกงมยองไปแบบสุดขั้ว

 

ที่ผู้คนทั่วไปมักเรียกลีกงมยองว่าอัจฉริยะนั้นเพราะเขา สามารถได้รับทุนการศึกษาอันทรงเกียรติเพื่อเข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ด นั่นคือวิธีแสดงความฉลาดของเขา

 

ลีกงมยองไม่ได้ถูกยอมรับแค่เพียงความฉลาดเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงภาพลักษณ์ประจําตัวที่หลายคนพากันบอกว่าเขา เป็นตัวอย่างที่ดีของความสุภาพและอ่อนโยนเช่นเดียวกับความสามารถในการสงบสติอารมณ์และความใจเย็นได้กับทุกสถานการณ์

 

แต่สําหรับคนนี้…นักเลง?

 

ควักจองที่มีความฉลาดตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างลึกงมยอง เป็นนักเลง? ที่มาพร้อมกับชื่อเล่นที่ฟังดูแล้วไม่ค่อยจะตลกเท่าไหร่อย่างเสือดํา?

 

“ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้”

 

คังชอลอินส่ายหน้าไม่ยอมรับ

 

จากจํานวนประชากรทั้งหมด 51 ล้านคน คนเกาหลีที่ชื่อควักจองและอายุ 35 ปียังต้องมีอยู่ที่อื่นที่ไหนอีกสักแห่ง

 

ดูชิกได้ทําการตรวจสอบแค่รอบ ๆ โซลเท่านั้น หากออกค้นหาที่อื่นจะต้องมีคนที่ชื่อควักจองและอายุ 35 ปีอยู่อีกแน่นอน

 

“ควักจองงั้นเหรอ? หึ ปีนี้นายอายุเท่าไหร่?”

 

คังชอลอินแค่ลองถามเพื่อ

 

“หืมม…หยาบคายกันจัง”

 

เสือดํามองจ้องกลับมาที่คังชอลอินด้วยสายตาที่เหม็นสาบ

 

“ถึงจะมองฉันแบบนั้นแต่ฉันก็อยู่ในวัยสามสิบกลาง ๆ นายก็น่าจะรู้นี่ว่าการจะคุยกับผู้ที่มีอายุมากกว่าน่ะ ห้ามทําตัวไร้ สุภาพนะ”

 

อายุของคังชอลอินเพียงยี่สิบปลาย ๆ ตามความคิดเห็นของเสือดํา แน่นอนว่าเขาจะต้องแก่กว่าคังชอลอินและมันก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น

 

“แต่…ไม่ว่านายจะอายุเท่าไหร่ แต่การที่นายนั่งพูดกับฉันที่กําลังยืนอยู่ตรงนี้แบบนั้นมันดูไม่ค่อยเข้าที่เท่าไหร่เลยนะ ว่าไหม? ทั้ง ๆ ที่นายอ่อนดูกว่าฉันอย่างแน่นอน”

 

“นี่เสือดํา” คังชอลอินเงยหน้าขึ้น

 

“บอกอายุนายมาที่สิ”

 

คังชอลอินถามพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทํางานของดูชิก

 

“……!”

 

คังชอลอินที่มีความสูง 184 ซม.เริ่มมองลงไปที่ควักจองที่มีความสูงอยู่แค่เพียง 170 ซม. กลาง ๆ มันเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกถูกมองอย่างดูหมิน

 

“ฟู่ววว”

 

กลุ่มควันบุหรี่จากปากของควักจองปกคลุมจนทั่วใบหน้าของคังชอลอิน

 

“ฟังนะ ไอ้ความหยิ่งทะนง…”

 

แต่ในขณะที่เขากําลังพูดนั้น…

 

ปั้ง

 

คังชอลอินพลิกโต๊ะจนคว่ำแล้ววิ่งไปอยู่ประชิดตัวควักจองในทันใด

 

แคร่ก! แคร่ก!

 

โต๊ะสํานักงานขนาดใหญ่ถูกทุบจนเป็นเศษซากที่กระจัดกระจายไปทั่วทั้งสํานักงาน

 

“อึ่ก…..

 

“เสือดํา” ควักจองเองก็เกือบจะถูกบดขยี้ด้วยแรงกระแทก เขาคว้าข้อมือของตัวเองมากอบกุมและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

 

ข้อมือของควักจองเต็มไปด้วยเศษไม้ที่ทําให้เลือดไหลออกอย่างพรวดพราด

 

“เสือดําใช่ไหม?”

 

คังชอลอินเดินก้าวไปข้างหน้า

 

….

 

ทันใดนั้นใบหน้าของควักของก็ขึ้นสีซีดด้วยความหวาดกลัว

 

ใครกัน..ไอ้ตัวประหลาดนี่มันเป็นใครกันแน่!?”

 

ความกลัวหรือสันประหม่าในตอนบุกเข้ามายังสํานักงานของดูชิกที่ไม่มีในตอนแรกได้กลายเป็นความสั่นกลัวที่แทรกซึม ไปอยู่ทุกส่วนของร่างกายควักจองตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้เขากําลังรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ราวกับได้เผชิญหน้าอยู่กับสัตว์ ประหลาดที่บ้าคลั่ง

 

“บอก.อายุ.มา”

 

“แกเป็นใครถึงคิดจะมาดูถูกฉันได้วะ?!”

 

ควักจองเล็งเป้าเพื่อเตะต่ำเข้าใบหน้าของคังชอลอิน

 

“…..!”

 

แต่ผลสุดท้ายเขาก็ทําได้แค่เพียงเตะอัดอากาศ

 

“เร็วมาก?!”

 

“เสือดํา” ควักจองที่กําลังตกใจถูกเรียกชื่อขึ้นอีกครั้ง เขาไม่เคยเห็นใครที่จะสามารถหลบการเตะต่ําของเขาด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและแม่นยําขนาดนี้มาก่อน

 

“เดาว่านายคงจะไม่ฟังกันเลยสินะ ห้ะ?” คังชอลอินพึมพํา ในขณะก้าวเข้ามาใกล้เพื่อปิดระยะห่างระหว่างพวกเขา

 

“…..!”

 

ควักจองรีบตั้งการ์ดขึ้นทันใดและพยายามที่จะวางระยะ ห่างระหว่างเขากับคังชอลอิน แต่อย่างไรก็ตาม…

 

พ้าว!

 

ความพยายามในการตั้งการ์ดป้องกันของควักจองล้มเหลว เมื่อมือขวาของคังชอลอินสามารถพุ่งทะลุคว้าที่ไหล่ของควักจองได้อย่างง่ายดาย

 

“บ้าเอ๊ย เสียท่าจนได้”

 

ควักจองคิดเมื่อเขาพลาดจากการควบคุมร่างกายของตัวเอง

 

ตู้ม!

 

“อึ่ก…”

 

เลือดสีแดงสดถูกพ่นออกจากปากของควักจองเพราะแรงกระแทกที่โดนไปถึงด้านใน

 

“แค่ก ๆ ๆ!”

 

พยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แม้ตัวเองจะทําลายปอดไปมาก ในตอนนี้ควักจองดูเหมือนคนที่ไม่สามารถจะพูดอะไรได้รู้เรื่อง

 

“พูดมา”

 

คังชอลอินตรงเข้าเหยียบส่วนลําคอของควักจองอย่างเยือกเย็นพร้อมออกคําสั่งที่ดูเหมือนจะโกรธจนคลั่ง

 

“อายุเท่าไหร่?”

 

ราวกับว่าถ้าควักจองยังไม่ยอมบอกอายุเขามาสักที่เขาจะฆ่าทิ้งซะตอนนี้จริง ๆ

 

“ไอ้ไอ้สารเลว แกจะอยากรู้อายุของฉันไปทําไมนัก…?”

 

ควักจองสิ้นท่าพลางสมเพชกับตัวเอง มีใครที่คิดจะเอาชีวิตของคนอื่นเพียงเพราะต้องการรู้อายุแบบนี้อีกบ้างกัน? นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบคนที่แปลกประหลาดเช่นนี้

 

“ฉันยังไม่คิดยอมแพ้แบบนี้หรอกเว้ย!”

 

ควักจองยังไม่คิดยอมแพ้

 

“ฮึ ลองดูสิว่าจะยังเก่งกับสิ่งนี้ได้อยู่อีกหรือเปล่า!” เมื่อพูดแบบนั้นจบ ควักจองก็เริ่มแสดงพลังมานาที่เขามีในทันใด

 

ผลของมานานั้นเป็นมากกว่าการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหรือพลังงาน มันเป็นสิ่งที่สามารถเอาชนะใครบาง คนที่ปกติไม่สามารถใช้มานาได้มันสามารถพลิกกลับ สถานการณ์ได้เกือบทุกประเภท

 

ทันทีที่มานาเริ่มหลั่งไหลขึ้นในมือ ควักจองได้เล็กไปที่ข้อเท้าซ้ายของคังชอลอินเพื่อโจมตี

 

แต่ทว่าคังชอลอินกลับสามารถหลบหลีกได้อย่างรวดเร็วและ…

 

“คู่ก!…”

 

ด้วยความแข็งแกร่งที่ช่างน่าขัน เขาจับปกคอเสื้อของควักจองแล้วพูดอีกครั้ง

 

“อย่าแม้แต่จะลอง…”

 

คังชอลอินจับร่างของควักจองและอุ้มเขาเหมือนกับตุ๊กตาเศษผ้า

 

“ทดสอบ…”

 

จากนั้นก็โยนควักจองทุ่มลงพื้นไปอย่างแรง

 

แม้ควักจองจะกรีดร้อง

 

“ความอดทน…”

 

แต่คังชอลอินที่ตอนนี้กําลังเดือดดาลจนเกินทนยังคงมุ่งมั่น เอาชนะเขาต่อไปให้ได้

 

“ของฉัน”

 

พ้าว!!

 

อีกครั้ง

 

พ้าว!!

 

อีกครั้ง

 

พ้าว!

 

และครั้งสุดท้าย…

 

“อ๊ากกกกกก!!”

 

ควักจองที่ซึ่งกําลังนอนราบอยู่กับพื้นในตอนนี้ตะโกนด้วยความเจ็บปวดอย่างหนัก

 

มานา?

 

หากคิดที่จะต่อสู้ก็จงเลือกฝ่ายตรงข้ามอย่างชาญฉลาด แม้เทคนิคมานาที่อ่อนแอเช่นนี้จะสามารถใช้ได้กับคนอย่างดูชิก แต่มันไม่มีทางใช้ได้ผลกับคนอย่างคังชอลอิน

 

“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย”

 

คังชอลอินจ้องมองไปที่ควักจองด้วยแสงเยือกเย็นที่ปรากฏอยู่ในสายตา

 

ถ้าเขายังไม่ตอบ….?

 

ไม่ว่าจะเป็นควักจองจริง ๆ หรือไม่ เขาก็ไม่คิดปล่อยให้ลิงที่กล้ามาพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าเขาต้องรอดชีวิตกลับไป

 

“อีก… ทะ ทําไม..แกอยากรู้อายุฉันนักวะ? อั่ก!”

 

ควักจองตระหนักได้ในที่สุด การจ้องมองคังชอลอินที่ไร้ซึ่งความลังเลใด ๆ ในดวงตากําลังบอกว่าถ้าเขายังไม่ยอมบอกอายุให้อีกฝ่ายได้รู้อยู่อีก คังชอลอินจะต้องฆ่าเขาอย่างแท้จริง

 

“สามสิบ…สามสิบห้า!!”

 

ควักจองขอยอมแพ้

 

“สามสิบห้า ห้า? แว่นแคว้นแดนใดบนแพนเจียที่นายกําลังทํางานอยู่?”

 

“ฉัน ?”

 

ควักจองอ้าปากเตรียมที่จะพูดอย่างหมดแรง

 

“ตะวันออก…ส่วนหนึ่งของ….ลามาคอส.แค่ก ๆ”

 

ด้วยการไอในครั้งนี้ เลือดสดมากมายถูกพ้นกระจายออกมาจากปากของเขา

 

“ห้ะ… เอ่อ?!”

 

ควักจองไม่สามารถประคองสติของตัวเองไว้ได้อีกต่อไปและล้มลงไปกับพื้นโดยไม่รู้ตัวในที่สุด

 

อย่างไรก็ตามคังชอลอินไม่คิดสนใจอาการของควักจองที่กําลังเป็นอยู่นี้เลยแม้แต่น้อย

 

“ควักจอง สูบบุหรี่ อายุ 35 เป็นนักผจญภัย”

 

ทุกสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับควักจองมีความเกี่ยวข้องกับชายคนที่เป็นลมอยู่ตรงหน้าเขานี้อย่างสมบูรณ์แบบ และเขาก็กําลังตื่นเต้นกับสิ่งนี้อย่างมาก

 

“ เขตตะวันออก ราชันย์แห่งลามาคอส ควักจอง นักยุทธศาตร์ของควอทโตร. โอ้พระเจ้า แม่* ให้ตายเถอะ”

 

เมื่อความคิดดังกล่าวจบลง คังชอลอินก็เดินเข้าหาควักจองอย่างรวดเร็ว

 

“ดูชิก” คังชอลอินส่งเสียงเรียก

 

“อีก.ค.ครับบอส?”

 

“นายทําได้ดีมาก”

 

“ไอ้เวรนี่น่าจะเป็นควักจองที่ฉันกําลังตามหา ไม่สิ มันมีโอกาสสูงมากที่จะใช่เลยต่างหาก”

 

“……!”

 

แม้ดูชิกจะประหลาดใจและรู้สึกมึนงง แต่คังชอลอินก็ไม่ได้สนใจอะไร เขากดสายเพื่อโทรออกหาชายชราควอนขึ้นมาแทน

 

[ว่าไง? เนื้อนั่นมันเยี่ยมไปเลยจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ พลังของฉัน ในตอนนี้น่ะสุดยอดมากเลยล่ะ… คิ ๆ ๆ]

 

“ฉันมีเรื่องจะขอร้องอีกอย่าง”

 

[ห้า?]

 

“ฉันเพิ่งทําร้ายคนไป มีวิธีไหนบ้างไหมที่ฉันจะสามารถรักษาเขาได้บ้าง?”

 

[เฮ้อ… เธอเพิ่งจากไปได้ไม่นานแต่กลับไปเอาชนะคนที่น่า สงสารมาอีกแล้วงั้นเหรอ? เธอนี่ช่างมีบุคลิกไม่เหมือนใครซะ จริง ๆ แต่จะรักษาเขา? ทําไมเธอไม่ให้ยาที่เธอมีให้เขากินไป ซะล่ะ? ฉันว่ามันน่าจะมีประสิทธิภาพกับรอยฟกชพวกนั้นอยู่

นะ]

 

“มันไม่ใช่แค่รอยฟกช้ำ ฉันต้องการตรวจสอบที่แม่นยําด้วยว่าเขาเป็นมะเร็งปอดหรือไม่”

 

[มะเร็งปอด?] น้ำเสียงจากปลายสายอีกด้านหนึ่งเต็มไป ด้วยความประหลาดใจ หลังจากต่อสู้จนเอาชนะใครคนนั้นมาได้แต่คังชอลอิลกลับต้องการรักษาเขาอย่างเต็มรูปแบบอย่างนั้นหรือ? นี่เขากําลังพูดเรื่องบ้าอะไรอยู่?

 

“ฉันต้องการโรงพยาบาลที่เขาสามารถเข้ารับการรักษาและตรวจสุขภาพได้ เขาจําเป็นต้องถูกขังตัวให้ดีเพื่อไม่ให้ขยับไปไหนได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน”

 

หากคน ๆ นี้เป็นควักจองที่คังชอลอินกําลังตามหาอยู่จริง ๆ เขาควรจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของโรคมะเร็งหรือที่เรียกว่าขั้นแรก อย่างไรก็ตามเขาต้องการหลักฐานที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้

 

(เอิ่ม..ฉันเองก็มีโรงพยาบาลที่มีความสัมพันธ์อยู่เหมือนกัน เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่เราสามารถแยกเขามาไว้ที่ ห้องวีไอพีได้)

 

“เขาเป็นนักผจญภัย”

 

[อะไรนะ?! ถ้างั้นการคุมตัวเขาก็คงไม่ง่ายเลยน่ะสิ]

 

“ถ้าฉันมีเวลาฉันจะเป็นคนคุมขังเข้าไว้เอง แต่ตอนนี้ฉันมีธุระอื่นต้องไปทําก่อน”

 

คําสัญญาที่เขาได้มอบให้กับลีแชรินคู่ค้าพันธมิตรที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

 

เขาไม่มีแผนจะปล่อยให้ข้อตกลงที่เขาทําร่วมกับเธอหรือตัวของควักจองหลุดลอยออกไปแม้แต่อย่างเดียว

 

[การ์ดสิบคน ไม่สิ การ์ดระวังยี่สิบคนพร้อมกับที่ล็อคไทเทเนียมเพื่อผูกขาเขาเอาไว้เท่านี้พอใจหรือยัง?]

 

“ให้พวกการ์ดพกปืนไว้ด้วย ถ้าเขาคิดที่จะต่อต้านก็ไม่สําคัญว่าจะเป็นแขนหรือขา ขอให้ยิงสกัดเขาไว้ได้เลย”

 

[เข้าใจแล้ว ส่งตําแหน่งที่ตั้งของนายมา แล้วเดี๋ยวฉันจะส่งลูกน้องให้ไปรับในทันที]

 

หลังจากสิ้นสุดการโทรกับชายชราควอน เขาจ้องควักจองที่กําลังนอนไร้สติตรงหน้า

 

“นี่เราทําเกินไปหน่อยไหมนะ?”

 

“แต่การคิดว่าชายคนนี้คือควักจองแล้ว…”

 

“ใช่ คงไม่มีทางเป็นไปได้หรอก… ใช่ไหม?”

 

เขายังมีเส้นฟางแห่งความหวังหลงเหลืออยู่ นั่นก็คือการตรวจสอบว่าควักจองคนนี้เป็นมะเร็งที่ปอดด้วยหรือไม่

 

หากคิดถึงใครสักคนที่มีศักยภาพเท่าลีกงมยองแต่กลับมีสภาพเป็นเช่นนี้ไม่เหมือนอย่างนายทหารหรือนายพล

 

“เป็นไปไม่ได้หรอก… ใช่ไหม?” คังชอลอินคิด

 

จากนั้นไม่นาน ชื่อของผู้ที่มีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์ได้ปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเขา

 

หานชิ้น

 

หานชิ้นเป็นขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ฮั่น เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ตั้งแต่อายุยังน้อยเขาเป็นเด็กกําพร้าและต้องขออาหารเพื่อความอยู่รอดไปวัน ๆ อีกทั้งยังต้องเผชิญกับความอัปยศอดสูของการถูกโจมตีโดยพวกอันธพาล

 

เมื่อเปรียบเทียบกับเขาแล้ว ควักจองยังไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดนั้น

 

เล่าปี่

 

อีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ เล่าปี่เป็นตัวละครหลักในช่วงเวลาของการต่อสู้ทั้งหมดและยังเป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งแคว้นลึกแต่ก็มีช่วงระยะเวลาหนึ่งในอดีตที่เขาต้องร้องขอหาอาหาร

 

ใช่…

 

ผู้คนมีการเปลี่ยนแปลง

 

คังชอลอินเองก็เป็นหนึ่งในชายหนุ่มยากจนที่กําลังมองหางานทุกประเภทเพื่อหารายได้ในทุกวิถีทางก่อนจะได้มาเป็น ราชันย์ควักจองที่เป็นนักเลงคนนี้เองก็มีโอกาสที่จะกลายเป็น นักยุทธศาสตร์ควักจองที่เขากําลังมองหา

 

“เอาล่ะ เดาว่าอีกไม่นานเดี๋ยวเราก็ได้รู้เอง”

 

อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็พบคนหน้าสงสัยที่เข้าข่ายว่าจะเป็นควักจองมากที่สุดแล้วคนหนึ่ง

 

“ดูชิก”

 

“ครับบอส”

 

“เดี๋ยวลูกน้องของชายชราควอนจะมาที่นี่เพื่อมาเอาตัวเสือดําไป ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา”

 

แม้ดูชิกจะตกใจที่รู้ว่าลูกน้องของชายชราควอนกําลังจะมาที่นี่แต่ในไม่ช้าเขาก็กลับคืนความสงบนิ่งได้อีกครั้ง

 

“ครับบอส!”

 

“ตามหาคนที่ฉันบอกให้ทําต่อไปก่อน คน ๆ นี้อาจยังไม่ใช่ควักจองที่ฉันกําลังตามหาอยู่จริง ๆ ก็ได้”

 

“เอ่อ…คือพวกผมขอพักสักสองสามวันก่อนจะเริ่มออกตามหาใหม่ได้ไหมหรือครับ?”

 

“เรื่องของแกเถอะ แล้วฉันจะกลับมาอีกหนึ่งเดือน”

 

คังชอลอินเริ่มเคลื่อนไหว

 

“จะไปแล้วหรือครับ?

 

“ฉันมีสิ่งที่ต้องไปทํา”

 

การจัดการกับเรื่องของลีแชรินั้นเป็นเรื่องที่เร่งด่วน เขาต้องรีบกลับไปยังทวีปแพนเจียทันทีเพื่อให้ตรงเวลา

 

“ชอลอิน เจ้ากําลังมาแล้วใช่หรือไม่?

 

ในวันแห่งคําสัญญา ลีแชรินเฝ้ารอคังชอลอินอย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอการมาถึงของเขา

 

สถานการณ์ที่เป็นไปเริ่มไม่ดีขึ้นทุกวัน พวกเขาใช้กองกําลังไปหลายพันเพื่อยึดนีด้าเวลเลียร์กลับคืน และเมื่อพวกเขาคิดว่ากองกําลังของพวกเขายังไม่เพียงพอ ฝ่ายตรงข้ามก็ได้ใช้กลยุทธ์การรบแบบกองโจรเพื่อซุ่มโจมตีคนของพวกเขาและยังคงอยู่ในอาณาเขตใกล้เคียง

 

หากสิ่งนี้ยังคงดําเนินต่อไป ดินแดนของนางจะต้องพังทลายลงมาอย่างแน่นอน หากนางไม่สามารถจัดการกับกองโจรที่มีกลยุทธ์เหล่านี้ได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าพวกเขาจะต้องบุกเข้ามาต่อสู้ในทันที อย่างน้อยพวกเขาก็จะไม่หิวโหยหรือตายอย่างล่าช้าจากการโจมตีที่ทรมาน

 

และในตอนนั้นเอง

 

“ท่านหญิงขอรับ?”

 

คนแคระที่ใบหน้าแข็งที่อได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าลีแชริน

 

สามารถบอกทัศนคติจากวิธีการพูดของเขาได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่คิดเคารพแก่ราชันย์ของเขาแต่อย่างใด

 

“ว่ามา ผู้ช่วยสเลจน์ ”

 

และผู้ที่ปฏิบัติต่อราชันย์ลีแชรินอย่างดูหมิ่นนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากผู้ช่วยส่วนตัวของนาง

 

“มีคนต้องการขอพบท่านหญิงขอรับ”

 

…..

 

ลีแชรินลุกขึ้นยืนจากบัลลังก์ของนางในทันใด

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Status: Ongoing Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset