ตอนที่ 9: เผชิญหน้ากับศัตรู
อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ … สารเลวที่ใช้ดาบตัดผ่านขั้วหัวใจและผู้ประหารหัวคังชอลอิน
‘เป็นใบหน้าที่ได้เห็นเมื่อไหร่ก็ยังอยากอาเจียนอยู่ร่ำไป’
คังชอลอินประเมินใบหน้าของศัตรูขณะที่เขาได้กลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง
อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์
ชื่อเต็ม ๆ ก็คืออเล็กซานดรา มายเออร์ วอน รอสต์ไชลด์
เขาเป็นลูกหลานของตระกูลรอสต์ไชลด์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้มีสิทธิ์ขาดยักษ์ใหญ่แห่งโลกการเงิน รอสต์ไชลด์คือตระกูลเพียง 0.01% ที่มีอยู่ของสังคมซึ่งเป็นวงสังคมเดียวกันกับเหล่าดาราฮอลลีวู้ดที่มีชื่อเสียงและส่วนหนึ่งของตระกูลเก่าแก่ที่ร่ำรวยมหาศาล
มันช่างเป็นเรื่องน่าขันที่ผู้สูงส่งจากตระกูลอันดับต้น ๆ จะต้องมาต่อสู้ในสงครามและตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายมานับไม่ถ้วนเพียงเพราะคังชอลอิน สามัญชนธรรมดา ๆ จากเกาหลีใต้
‘ถ้าเป็นไปได้ เราก็อยากฆ่ามันเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ แต่หากทำแบบนั้นอาเคนคงไม่ยอมอยู่เฉย…’
คังชอลอินเต็มไปด้วยแรงปราถนาที่ต้องการเผาไหม้อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ด้วยทุกสิ่งที่เขามี อาเคนหายตัวไปจากห้องโถงแห่งนี้แล้วแต่คังชอลอินรู้ดีว่าเขาจะต้องมองดูอยู่จากที่ไหนสักแห่ง แถมยังมีดวงตาอีก 298 คู่ที่พร้อมหันมาให้ความสนใจนี่อีก เขาไม่สามารถสังหารรอสต์ไชลด์ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ได้ แม้ว่าคังชอลอินจะไม่ใช่คนที่จะมานั่งเป็นกังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นของคนอื่นแต่เขาก็มีเวลาที่เหมาะสมในการกระทำสิ่งต่าง ๆ
‘การแก้แค้นคืออาหารจากหลักชั้นเยี่ยมที่ต้องเสิร์ฟควบคู่กับความเลือดเย็น’
คังชอลอินจดจำคำพูดเกี่ยวกับการแก้แค้นและลับคมหัวใจของเขาให้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเพียงลำพัง การจะลงมือใด ๆ ในตอนนี้ไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนักรวมถึงไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม การแก้แค้นจะทำงานได้ดีที่สุดก็ต่อเมื่อมีการวางแผนไว้ทุกขั้นทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถันจนสามารถแยกอารมณ์ความรู้สึกแบบมนุษย์ออกจากตัวมาได้ทั้งหมด มันจะสนุกยิ่งกว่าหากได้กำหนดความอัปยศอดสูของศัตรูด้วยตัวเอง
“ขอโทษนะครับ … คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม?”
รอสต์ไชลด์ที่ยังไม่รู้ความคิดของคังชอลอินยิ้มให้เขาอย่างสุภาพและเอ่ยถามอีกครั้งอย่างระวัง
‘อยากจะอ้วกเต็มทีอยู่แล้ว!’
เมื่อคังชอลอินมองกลับไปที่ใบหน้าของรอสต์ไชลด์ที่เต็มไปด้วยความจริงใจเสแสร้งแกล้งทำก็อยากจะอาเจียนเต็มทน แม้รอสต์ไชลด์จะทำตัวเหมือนสุภาพบุรุษที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่แต่เขาก็โหดเหี้ยม อำมหิตและไร้ความปราณีไม่แพ้ราชันย์คนอื่น ๆ อาจดูเหมือนว่าเขากำลังคุยกับคังชอลอินโดยไร้ซึ่งเจตนาร้ายแต่ก่อนหน้านี้เขาได้คำนวณช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้หมดแล้ว
ภายในใจของคังชอลอิน รอสต์ไชลด์เป็นเหมือนตัวเขาหากแต่ไม่ใช่คนที่เลือดเย็นเท่า คังชอลอินได้ค้นพบการกระทำชั่ว ๆ สองสามอย่างที่รอสต์ไชลด์พยายามเก็บกุมไว้เป็นความลับ มันเป็นความเกลียดชังในรูปแบบหนึ่ง เมื่อคังชอลอินคิดว่ารอสต์ไชลด์เป็นเหมือนกับตัวเขาและยิ่งได้รู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายเพิ่ม เขาถึงได้เกลียดชังและดูถูกคนผู้นี้นัก หากรอสต์ไชลด์ยอมรับในการกระทำผิด ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็อาจแตกต่างกันออกไป แต่ในเมื่อไม่ได้เป็นเช่นนั้นคังชอลอินจึงเกลียดไอ้สารเลวที่ร่ำรวยคนนี้อย่างมาก
“คุณพูดอังกฤษได้ไหม? จีนล่ะ? หรือญี่ปุน?” รอสต์ไชลด์ยังคงถามต่อไปเป็นภาษาต่าง ๆ
“เกาหลี”
คังชอลอินตอบกลับ
“อ่า…!”
รอสต์ไชลด์อุทานราวกับว่าเขาได้รู้อะไรบางสิ่งที่น่ามหัศจรรย์
นั่นก็คือการที่เขาสามารถเข้าใจภาษาต่าง ๆ ได้
ที่แพนเจียจะไม่มีอุปสรรคด้านภาษา ไม่ว่าใครจะพูดภาษาใดก็จะเข้าใจได้ 100% เพราะภาษาที่พวกเขาใช้สื่อสารกันจะถูกแปลงความเข้าใจไปเป็นภาษาตามที่แพนเจียกำหนด
“อย่างนี้นี่เอง ผมสามารถเข้าใจคำพูดของคุณรวมถึงของทุกคนที่นี่ได้”
รอสต์ไชลด์ชี้ไปยังบุรุษคนหนึ่งที่พูดภาษาอาหรับเสียงดัง ชาวอาหรับคนนั้นกำลังนมัสการอัลลอฮฺและประกาศเสียงดังลั่นเกี่ยวกับศาสนาของเขา
“นี่มันน่าอัศจรรย์มาก! หากสมมุติว่ามันไม่ใช่ความฝัน… แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่!”
รอสต์ไชลด์ประหลาดใจและกำลังตื่นเต้น
“มันคงจะยากถ้าหากที่นี่เป็นแค่เพียงความฝัน”
“อะไรนะครับ?”
“เปล่า”
คังชอลอินเปลี่ยนหัวข้อไปจากคำตอบโดยไม่รู้ตัว
‘ใช่ ถ้ามันเป็นความฝันมันก็คงยากเกินไปสักหน่อย เพราะถ้าหากไม่ใช่ความจริงแล้วฉันจะฆ่าแกได้ยังไง!’
ขณะที่คังชอลอินกำลังคิดอะไรบางอย่าง รอสต์ไชลด์ก็ถามขึ้นอีกครั้ง
“ถ้ามันไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปคุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าข้อมูลที่กำลังแสดงอยู่นี้ปรากฏขึ้นได้อย่างไร’
“ก็ง่าย ๆ จ้องแบบจำลองค้างไว้สัก 2 – 3 วินาทีมันก็จะปรากฏขึ้นมาเอง”
“โอ้ เข้าใจแล้ว!”
“ถ้าเข้าใจแล้วก็ไปซะ แค่เห็นหน้าก็อยากอ้วกจะแย่”
คำพูดรุนแรงที่ปรากฏออกมาโดยไม่คาดคิดจากคังชอลอินทำให้ใบหน้าของรอสต์ไชลด์แข็งทื่อพร้อมดวงตาที่แปรเปลี่ยนเป็นโกรธจัด คังชอลอินสามารถจดจำจังหวะช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นได้แม้หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีดวงตานั้นจะหายไปอย่างรวดเร็วและเป็นใบหน้าแบบผู้สุภาพที่กลับมาแทนก็ตาม
“ไม่คิดว่าที่พูดออกมาจะเกินไปหน่อยงั้นเหรอครับ?”
ประโยคนั้นของรอสต์ไชลด์เต็มไปด้วยความสงบและใจเย็น เขาทำตัวเหมือนเป็นแค่เพียงสุภาพบุรุษทั่วไปที่ไม่ใช่ทายาทร่ำรวยจากตระกูลที่มีอำนาจ
“ที่เกินไปมันการจัดการเรื่องทางสังคมของคุณเองต่างหาก ถ้ามีใครที่ไหนไม่รู้มาพูดจาไม่ดีใส่ในฐานะมนุษย์แล้วมันก็ควรจะขมวดคิ้วสักเล็กน้อยสิ คุณไม่คิดแบบนั้นหรอกเหรอ? อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์”
รอสต์ไชลด์รู้สึกตกใจเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองจากชายชาวเอเชียที่เขาไม่รู้จัก
“คุณรู้จักผม?”
“คนเมืองศิวิไลซ์ต่างก็ต้องเคยเห็นหน้าคุณอย่างน้อยหนึ่งครั้ง พวกนักข่าวบันเทิงต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับการเขียนเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับชีวิตของคุณ”
ใช่ มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ
อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ปรากฏตัวอยู่บ่อยครั้งท่ามกลางสื่อในฐานะคนที่มาจากตระกูลรอสต์ไชลด์ที่มีชื่อเสียง เขาออกเดทกับผู้หญิงที่ร่ำรวย, เป็นเพื่อนกับดารานักแสดง, สร้างผลประโยชน์จากการกุศลที่มีการระดมเงินหลายร้อยล้าน … รอสต์ไชลด์ในวัย 24 ปีไม่เพียงแต่จะเป็นที่รู้จักในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงส่วนอื่น ๆ ของโลกอีกด้วย
“อ่อ ก็คงจะเป็นอย่างนั้น โดยไม่ได้ตั้งใจ…”
“โดยไม่ได้ตั้งใจที่ว่านี่หมายถึงอะไร? มันอาจเป็นรากฐานสำหรับคุณที่จะได้ก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ตอนนี้คุณคงกำลังเตรียมซื้อทเวนตีท์เซนจูรีฟอกซ์อยู่แล้วล่ะสิ ใช่ไหม?”
รอสต์ไชลด์ถูกทำให้ต้องงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ทเวนตีท์เซนจูรีฟอกซ์ที่คังชอลอินกล่าวถึงคือบริษัทผลิตภาพยนตร์รายใหญ่และข้อตกลงการกู้ยืมเงินก็ถูกเก็บเป็นความลับจากสาธารณะหรือสื่อไหน ๆ ทั้งสิ้น แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับรู้ความลับนั้นของเขาได้
“ในโลกนี้ไม่มีความลับใดที่จะสมบูรณ์แบบไปได้หรอก”
คังชอลอินไม่ยอมมอบโอกาสให้รอสต์ไชลด์ได้แก้ต่าง
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางธุรกิจหรือลักษณะนิสัยส่วนตัว ในท้ายที่สุดทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผยออกมาอยู่ดี ไม่คิดแบบนั้นหรอกเหรอ?”
รอสต์ไชลด์ยังคงไม่ได้สติและนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
‘ชายคนนี้เป็นใครกันแน่? เขารู้จักฉัน? เรื่องแบบนั้นมันก็อาจเป็นไปได้… แต่เขารู้เรื่องการตกลงซื้อกิจการของทเวนตีท์เซนจูรีฟอกซ์ได้อย่างไร? ไหนจะคำพูดที่จ้องจะจิกกัดกันนั่นอีก เขาคือใคร? แกคือใครกันแน่?’
รอสต์ไชลด์พยายามค้นสมองอันชาญฉลาดของตัวเองซึ่งเป็นสมองที่ฉลาดมากพอที่จะได้เรียนบริหารธุรกิจที่ฮาร์วาร์ดเพื่อหาจุดเชื่อมโยงระหว่างตัวเขากับชายชาวเอเชียที่ไม่คุ้นหน้า
‘ที่ไหนกัน…!’
แต่เขาไม่สามารถตามหาคำตอบนั้นจนเจอได้เลย
นั่นเพราะคังชอลอินคือผู้ที่เคยใช้ชีวิตในอนาคตมาก่อน รอสต์ไชลด์ไม่มีทางค้นหาสาระที่เชื่อมโยงกันระหว่างพวกเขาทั้งสองคนได้
‘ใช้สมองของแกให้มากกว่านี้อีกสิ’
คังชอลอินมองไปที่รอสต์ไชลด์ด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มปีศาจ
“ถ้างั้นก็คิดต่อไปเถอะ ฉันจะไปเลือกดินแดนอย่างที่อาเคนสั่งให้พวกเราทำต่อ”
คังชอลอินยิ้มกว้างเพื่อเยาะเย้ยรอสต์ไชลด์แล้วหันไปสนใจกับแบบจำลองต่อ
“เดี๋ยวก่อน! คุณคือใคร!”
รอสต์ไชลด์เรียกหาเขาทว่าคังชอลอินกลับไม่คิดที่จะหันไปสนใจอีกเป็นครั้งที่สอง
‘เชิญใช้สมองน้อย ๆ ของแกคิดไปตามใจชอบได้เลย แม้แต่เงาของฉันแกก็จะไม่มีวันไล่เหยียบทัน’
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคังชอลอินเมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับรอสต์ไชลด์ในวันนี้
‘สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน’
ถ้าเขาโจมตีรอสต์ไชลด์โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยมันคงไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับเขาได้และนั่นไม่นับว่าเป็นการแก้แค้น
‘รอฉันก่อนเถอะ รอวันที่ฉันจะตามไปบดขยี้แก’
คังชอลอินเน้นย้ำคำสัญญาในใจตัวเองอีกครั้ง
คังชอลอินทิ้งรอสต์ไชลด์ไว้เบื้องหลังและมองดูแบบจำลองทั้งเก้าร้อยแบบด้วยความระมัดระวัง มันจะต้องเป็นตัวเลือกที่ฉลาดและไตร่ตรองมาอย่างดีที่สุด ดินแดนที่พวกเขาต้องเลือกในห้องโถงนี้คือดินแดนที่พวกเขาจะต้องได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในแพนเจีย มันเป็นกุญแจสำคัญที่ต้องใช้ความระมัดระวังและความมั่นใจอย่างมากเพราะมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขได้ในอนาคต
มีหลายดินแดนที่มีศักยภาพที่ดีในการเลือก
[ปลากระเบน]
ประเภท: เมืองทางอากาศ
แนวโน้ม: เพื่อการพิชิต
ที่ตั้ง: ตะวันออกเฉียงใต้ แคว้นไฮเปอเรียน
คำอธิบาย: ที่ดินบนด้านหลังของปลากระเบนบิน
ความสามารถ: อาวุธทางยุทธวิธี, พายุพิษ
ราคา: 8,700 ทอง
ดินแดนปลากระเบนสามารถปล่อยพิษที่เรียกว่าพายุพิษจากหางยาว ๆ ที่ดูมีพลังมากได้ การโจมตีทางชีวเคมีทั้งบนโลกและแพนเจียเองต่างก็เป็นพลังทำลายล้างสูง อย่างไรก็ตามคังชอลอินไม่คิดจะเลือกดินแดนของตัวเองด้วยความผลีผลามจนเกิดเป็นความผิดพลาด
‘มันก็น่าสนใจ … แต่ไม่ว่าจะเป็นยูเรนัสหรือปลากระเบนก็ยังใช้ไม่ได้’
ดินแดนบนหลังวาฬและหลังปลากกระเบน สำหรับเขาแล้วทั้งสองเป็นดินแดนที่ต้องอาศัยอยู่บนสิ่งมีชีวิต การต้องอยู่บนตัวสิ่งมีชีวิตอื่นนั้นยากมาก แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์วิเศษแต่มันก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิต มันอาจป่วยหรือตายในระหว่างการต่อสู้ได้ นอกจากนี้เขายังจะต้องให้อาหารและกังวลเกี่ยวกับเรื่องการถ่ายของเสียอีกด้วย
มันเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าการรับเลี้ยงหมาหรือแมวเพราะมันคือการเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีขนาดเท่าที่ดินผืนหนึ่งที่ต้องใช้อาหารและการดูแลที่ดีอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ทั้งซิเมิร์ก ซิซ และดินแดนอื่น ๆ ที่ต้องอยู่ด้านบนหลังสัตว์จะถูกตัดออกจากตัวเลือกของคังชอลอินไปในทันที มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะมองดินแดนทั้งเก้าร้อยแห่งในขณะที่ราชันย์รอบตัวเริ่มเกิดการเคลื่อนไหว แต่คังชอลอินก็ยังค่อย ๆ มองดินแดนด้วยความอดทนและความสงบ ขณะเดียวกันราชันย์คนอื่น ๆ ที่เลือกดินแดนของตัวเองได้แล้วก็เริ่มหายไปจากห้องโถงนี้ทีละคน ๆ พวกเขาได้ทำการเลือกซื้อดินแดนและถูกย้ายไปยังแพนเจียต่อไป อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์เองก็ไม่อยู่ที่ห้องโถงแห่งนี้แล้วด้วยเช่นกัน คังชอลอินเดาว่าเขาน่าจะเลือดไซโมดัสป้อมปราการเคลื่อนที่แบบเดิม
‘ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังน่าจะดีกว่า’
คังชอลอินตัดสินใจสละเวลาในการเลือกซื้อดินแดนของเขาหันมองคนอื่น ๆ เพื่อลดโอกาสตัวแปรที่ไม่คาดคิดมันเป็นการดีกว่าที่จะไม่เลือกเหมือนอย่างราชันย์คนอื่น อนาคตได้เปลี่ยนไปแล้วเมื่อเขาตัดสินใจเลือกเมืองทางอากาศแทนวัลฮัลลา ดังนั้นสำหรับคังชอลอินแล้วเขาต้องการลดการเปลี่ยนแปลงให้ได้มากที่สุดเพื่อกลับไปจัดการกับตัวแปรต่าง ๆ ที่เขาเคยเจอบนแพนเจีย ขณะที่คังชอลอินกำลังใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้มีใบหน้าที่คุ้นเคยเดินผ่านเขาไป
ทั้งอัลเบร็ชท์ วิลเฮ็ล์ม จอมราชันย์ที่เป็นผู้นำของสหภาพกัลเวก จอมทรยศอเลสเตอร์ที่เมื่อคังชอลอินได้เจอก็แกล้งทำเป็นเผลอเดินชนเข้าเต็มไหล่จนอเลสเตอร์ล้มลงไปกับพื้น ไปจนถึงจอมราชันย์โดเรียน เอกซ์พลอเรอร์ ผู้ที่มุ่งเน้นการสำรวจซากปรักหักพังและการค้นพบอนุสาวรีย์มากกว่าการสนใจเรื่องสงครามเพราะถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เขาจะได้รับ
ในขณะที่เขาสละเวลาเพื่อมองตัวเลือกดินแดนของราชันย์คนอื่น ๆ เกือบทั้งหมดได้ถูกย้ายไปยังแพนเจียเรียบร้อยแล้วทำให้ตอนนี้ในห้องโถงใหญ่มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งก็คือตัวเขาและผู้หญิงที่มีผมสีน้ำตาลแดง
‘เฮคาเต้’
คังชอลอินจดจำผู้หญิงคนนั้นได้ในทันที หญิงสาวจากยุโรปตะวันออก
หญิงสาวที่ชื่นชอบชื่อเฮคาเต้มากกว่าชื่อจริง ๆ ของตัวเอง เธอคือจอมราชันย์ที่ไม่ได้ร่วมทรยศคังชอลอินในตอนท้าย เฮคาเต้กำลังไตร่ตรองดินแดนในอนาคตของเธอระหว่างเธเมอร์เรียและเฮลิออสซึ่งเป็นดินแดนที่มีรถม้าศึกมากกว่าที่ดินที่ถูกลากจูงโดยเพกาซัส
‘สำหรับเฮคาเต้แล้วเธเมอร์เรียคือสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุด’
คังชอลอินยกยิ้มเมื่อนึกถึงเฮคาเต้ที่ปกครองเธเมอร์เรีย
[เธเมอร์เรีย]
ประเภท: เมืองทางอากาศ
แนวโน้ม: เพื่อการพิชิต
ที่ตั้ง: ตะวันตกของแพนเจีย แคว้นคูนทาช
คำอธิบาย: ดินแดนที่อยู่ในรูปแบบของเรือโดยใช้ทักษะจากการร่ายคาถาเวทมนตร์
ความสามารถ: อาวุธทางยุทธวิธี, เปลวเพลิง
ราคา: 9,500 ทอง
เธเมอร์เรียมีราคาแพงแต่มันอยู่ในรูปแบบของเรือที่มีปืนใหญ่ 74 ลำ มันมีพลังการยิงที่ไม่สามารถจินตนาการได้
‘ต้องเข้าไปยุ่งด้วยสักหน่อยแล้วมั้ง’
คังชอลอินไม่ยินยอมสูญเสียพันธมิตรที่ดีในอนาคตของเขาหากเธอคิดจะเลือกดินแดนไร้ค่าอย่างเฮลิออสไปได้ ถ้าเธอเลือกเฮลิออสเข้าจริง ๆ มันคงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
“ดูเหมือนว่าดินแดนในรูปแบบเรือจะเหมาะกับคุณมากกว่านะครับ”
คังชอลอินกล่าว
“ใช่ไหมล่ะ?’
เฮคาเต้ตอบกลับเสียงเรียบ เธอตอบกลับอย่างไม่ลังเลแม้ว่าเขาจะเป็นคนแปลกหน้าที่เข้ามาคุยกับเธอเป็นครั้งแรก
“ผมชอบมันนะ”
เฮคาเต้พยักหน้าแล้วเลือกเธเมอร์เรียอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป จากนั้นเธอก็หายไปต่อหน้าต่อหน้าคังชอลอิน
‘เอาล่ะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาเลือกของเราบ้างแล้ว’
ยังมีดินแดนเหลืออีก 600 ดินแดนไม่นับรวม 299 ดินแดนที่ราชันย์คนอื่น ๆ ได้เลือกไปและวัลฮัลลา
‘ค่อย ๆ เลือกอย่างช้า ๆ’
คังชอลอินค่อย ๆ เลือกดินแดนอย่างช้า ๆ อ่านคำอธิบายซ้ำไปวนมา เขาไม่ได้มีท่าทีใจร้อนหรือรีบเร่งแต่อย่างใด
มีคำกล่าวไว้ว่า “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” สอนเตือนใจอยู่ ใครจะไปรู้? บางทีเขาอาจสามารถเลือกซื้อดินแดนที่ราชันย์คนอื่น ๆ อาจต้องร้องไห้เมื่อพวกเขาได้เห็นถึงอำนาจของดินแดนนั้น