บทที่ 111 ลูกสาวที่มากพรสวรรค์
ในวันที่สี่มู่ลี่ต้องการวัง
“พระเจ้า! ใครมันบังอาจมาเปาหูลูกสาวสุดที่รักของฉันอีกแล้ว!”
เมื่อโจวหยุได้ฟังความต้องการนี้ของลูกสาว เขาก็ทําได้เพียงรีบวิ่งไปที่บ้านของอู๋หยุนและลากช่างไม้บีเวอร์ออกมาทําให้ได้เท่านั้น และมันก็เหมือนกับครั้งก่อนๆที่งานพวกนี้มันจําเป็นจะต้องสําเร็จภายในหนึ่งวันเท่านั้น
ดังนั้นในเวลาไม่นานสองพี่น้องช่างฝีมือและหนึ่งผู้ช่วยต่างก็ทํางานสร้างพระราชวังแสงจันทร์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ต้องบอกว่าการสร้างวังในครั้งนี้ไม่ใช้งานเล็กๆเลย นอกจากจะต้องทําตัวพระราชวังให้สวยงานมาแล้ว พื้นที่รอบๆเองก็จําเป็นต้องได้รับการตกแต่งเช่นกัน
ถึงแม้ว่างานนี้จะยากชักแค่ไหน ด้วยการทํางานอย่างหนักในที่สุดพระราชวังก็เสร็จสมบรูณ์ มู่ลี่ตัวน้อยที่เห็นพระราชวังในเย็นวันนั้นก็รีบวิ่งมาด้วยสีหน้าดีใจถึงที่สุด เธอถึงกับกระโดดหอมแก้มพ่อของเธออย่างเต็มฟอด
และแน่นอนว่าสิ่งที่โจวหยูต้องการเห็นที่สุดไม่ใช้อารมณ์ดีใจของลูกสาว แต่เป็นจุดอารมณ์ของเธอต่างหาก เมื่อเขาเห็นว่าในที่สุดจุดอารมณ์ของเธอก็ถึงระดับสุดท้ายแล้ว อาจจะพูดได้ว่าตั้งแต่นี้ต่อไปจุดอารมณ์ของเธอจะไม่เพิ่มไปมากกว่านี้อีกแล้ว
โจวฟูเป็นคนแรกที่ได้เห็นพระราชวังแสงจันทร์นี้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเด็กโจวหยูชอบทํางานพวกนี้เป็นครั้งคราว แต่เขาก็ยังอดตกใจกับความงดงามของพระราชวังตรงหน้าไม่ได้ เขาถึงกับถามเจ้าตัวว่าต้องการย้ายไปยังอาณาจักรแห่งนิยายเลยไหม เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะเรียกพวกลูกน้องมาช่วยขนย้ายมัน
แต่โจวหยูกับปฏิเสธไปทันที เขาจะไม่ย้ายพระราชวังนี้ไปไหนจนกว่าลูกสาวของเขาจะรู้สึกเบื่อมัน และนอกจากนี้เขาไม่ต้องการให้ลูกศิษย์ในนามอย่างอู่หยุนรู้เรื่องนี้ อาจจะพูดได้ว่าเขาไม่อยากจะมานั่งอธิบายเรื่องพวกนี้อีกแล้ว
“อืม … หรือว่าฉันจะใช้เรื่องนี้เป็นแบบทดสอบครั้งนี้ดี?”
ในวันที่ห้าหนูน้อยมู่ลี่อยากได้บ้านลูกกวาด และเป็นอีกครั้งที่โจวหยูไปขอความช่วยเหลือจากเซียวฮวนอีกครั้ง ในวันที่หกเธอได้เห็นภาพยนตร์เรื่อง “เจ้าหญิงน้ําแข็ง” จากนั้นเธอก็อยากจะมีปราสาทน้ําแข็งเป็นของตัวเอง ดังนั้นโจวหยูจึงได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างน้ําแข็งก้อนยักมา
เมื่อเขาได้เจ้าก้อนน้ําแข็งนี้มาแล้ว เขาก็ขอให้ลิงช่างหินมาสร้างปราสาทน้ําแข็งนี้ให้ หลังจากการสร้างเสร็จลูกสาวตัวน้อยก็รีบวิ่งเข้าไปเล่นในนั้นตลอดเวลา ถึงแม้ว่าข้างในนั้นจะหนาวมากจนเธอจามตลอดเวลา แต่เธอก็ยังไม่ยอมออกมา
ในที่สุดในวันสุดท้ายของช่วงเวลาที่ลูกสาวตัวน้อยจะพัฒนาไปสู้ระดับผู้ใหญ่ คําขอร้องครั้งนี้ของเธอก็คือเธอต้องการเวทีที่เธอสามารถร้องเพลงเสียงดังได้ การสร้างเวทีไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือลูกสาวต้องการเวทีที่สามารถทําให้คนในโลกแห่งความจริงได้ยินเธอด้วย
เดิมที่โจวหยูไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไงดี? แต่หลังจากที่เขาเห็นพวกเด็กๆของหมู่บ้านหัวเล่น เจ้าหุ่นกระบอกในเช้าวันนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีโรงละครที่คณะละครเที่ยงคืนเคยใช้อยู่ที่ห้องเก็บของ
โรงละครนี้ได้กลายเป็นตํานานที่งดงามไปแล้วในสายตาของพวกเด็กๆในหมู่บ้านลู่หัว เพราะพวกเขาเคยเห็นการแสดงหุ่นกระบอกนี้มาแล้วด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าเจ้ามังกรไฟที่หายใจเป็นไฟนั้นจะดูน่ากลัว แต่มันก็ถูกนับว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่เจ๋งที่สุดเช่นกัน
เด็กที่เก่งในการเขียนมากหน่อย ก็ได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นบทความส่งงานอาจารย์เช่นกัน อย่างไรก็ตามครูที่ตรวจการบ้านเรื่องนี้ต่างก็คิดไปว่าเรื่องพวกนี้เป็นเพียงจินตนาการของเด็กๆเท่านั้น พวกเขาไม่คิดเลยว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องจริง
ตอนนี้โรงละครได้ว่างเปล่าไปแล้ว และมันยังถูกทิ้งไว้ในโรงเก็บของตลอดเวลาหลังจากที่เขาย้ายมาอยู่ที่บ้านใหม่นี้ เขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะมีประโยชน์ในเวลานี้
การใช้โรงละครนี้แม้แต่ชาวบ้านใน ACG โลกก็ยังสามารถมองเห็นได้ และด้วยอุปกรณ์พิเศษบนเวทีที่ติดตั้งมานั้นมันได้ช่วยให้เสียงร้องได้ส่งผ่านไปยังโลกแห่งความจริงได้ เมื่อรู้ถึงคุณสมบัตินี้แล้วโจวหยูก็สามารถบอกได้ว่าเวทีนี้เป็นเวทีที่ลูกสาวตัวน้อยของเขาต้องการ
มู่ลี่ตัวน้อยดีใจมากที่ได้ขึ้นเวที เธอวางแผนที่จะแสดงครั้งนี้เป็นการจบการศึกษา ในฐานะพ่อแม่ของเธอมันแน่นอนอยู่แล้วที่โจวหยูต้องมาดู
การมาดูการแสดงของไอดอลในระยะใกล้ๆเช่นนี้ มันมีเพียงคนรวยเท่านั้นที่สามารถทําได้ ดังนั้นนี้อาจจะนับได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ได้
ส่วนเพลงที่มู่ลี่ตัวน้อยต้องการร้องคือ “ดอกไม้บาน” มันเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างมากหลังจากที่มีการปล่อยภาพยนตร์ “โจรสลักผลัดไม้” เนื่องจากนักร้องดั้งเดิมปฏิเสธที่จะแสดงตัวเอง เพลงนี้จึงกลายเป็นตํานานมาจนถึงทุกวันนี้ และในช่วงเวลาต่อๆมาเองก็ยังได้ปรากฏเพลงในเวอร์ชั่นโคฟเวอร์ออกมาจํานวนมาก แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงระดับนักร้องดั้งเดิมได้ ซึ่งโจวหยูเชื่อว่าลูกสาวคนเล็กคนนี้ของเขาจะต้องทําได้ดีกว่าทุกคนที่เคยทํามาอย่างแน่นอน
แน่นอนโจวหยุไม่ใช่นักดนตรีเขาเป็นแค่ผู้ชม ดังนั้นการประเมินของเขาจึงไม่นับว่าถูกต้องมากนัก และนับประสาอะไรกับการที่เขายังเป็นพ่อของเธอด้วย ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่เขาจะคิดว่าเสียงร้อยของลูกสาวคนนี้จะดีกว่านักร้องที่ผ่านๆมา และเป็นเรื่องปกติที่การแสดงในครั้งนี้จําเป็นต้องมีการอัดเก็บไว้ เขาไม่ลืมจะนํากล้องครอสมีติออกมาเก็บภาพนี้เอาไว้
นี้เป็นครั้งแรกที่มู่ลี่ตัวน้อยปรากฏตัวบนเวที มันจึงช่วยไม่ได้ที่เธอจะเกิดความเป็นอายเกิดขึ้น หลังจากที่เธอร้องเพลงนี้จบลงก็รีบวิ่งหนีไปหลังเวทีทันที
“เฮ้ยลูกสาวของพ่อ! การทําแบบนี้มันดูไม่ค่อยดีเลยนะ แล้วแบบนี้ลูกจะกลายเป็นไอดอลได้ยังไงในอนาคตถ้าลูกยังเป็นแบบนี้ ไม่ได้การละในฐานะคนเป็นพ่อ เราต้องรีบฝึกให้เธอหายจากอาการนี้โดยเร็วที่สุด”
เมื่อการแสดงครั้งนี้จบลง มันก็เป็นช่วงเวลาในการอุปถัมภ์สิ้นสุดลงเช่นกัน
มู่ลี่ ไอดอลที่สมบูรณ์แบบ
ทักษะพิเศษ: การแสดงบทบาทราชินี ด้วยบทบาทนี้มันได้อนุญาตให้เธอเข้าใจบทบาทที่ต้องแสดงได้ดียิ่งขึ้นและยังช่วยให้การแสดงสมบูรณ์แบบ
ลักษณะทั่วไป 93;
ทักษะการร้องเพลง 85;
ทักษะการเต้น 88;
ทักษะการแสดงโดยรวม 100;
ทักษะพิธีกร 90;
คุณลักษณะที่น่ากลัวเหล่านี้มันได้เอาชนะพี่ชายของเธอไปแบบไม่เห็นฝุ่น แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ดินดนตรีไม่ได้ให้คุณสมบัติอย่าง “นักแต่งเพลง” เพิ่มให้เธอ แต่ด้วยทักษะพิเศษ บทบาทราชินีแค่อย่างเดียว มันก็มากพอที่จะทําให้คนอื่นอิจฉาแล้ว
คะแนนเต็มในทักษะการแสดงประกอบกับทักษะการบทบาทราชินี เห็นได้ชัดว่าอาชีพหลักของลูกสาวคนนี้ของเขาก็คือการเป็นนักแสดง สําหรับคุณสมบัติการร้องเพลงและการเต้นที่อ่อนแอกว่าเล็กน้อยนั้นก็ถือว่าดี เธอยังสามารถมุ่งเน้นไปในฐานะนักร้องมืออาชีพได้เช่นกัน แต่เมื่อโจวหยูคิดแบบนั้นมันก็ทําให้เขารู้สึกได้ว่าด้วยคุณสมบัติเหล่านั้นมันไม่ใช้ว่าลูกสาวตัวนี้ของเขานั้นมีความสามารถรอบด้านหรือไง?
มันน่าเสียดายที่ผักในฟาร์มเพิ่งจะถูกปลูกไป มันจึงไม่สามารถเก็บเกี่ยวมาจัดงานเลี้ยงได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะปิดสวนคลื่นและจัดงานเลี้ยงตลอดทั้งคืนอย่างแน่นอน
ไม่นานหลังจากที่มีการเปิดเผยคุณสมบัติของมู่ลี่, เซียวฮวนเองก็ได้รับข่าวสารนี้เช่นกัน เมื่อเขาได้เห็นคุณสมบัติทั้งหมดของเธอ เขาก็เกือบจะพ่นน้ําชาออกจากปากทันที
“อีศักดิ์สิทธิ์! ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มีนักแสดงที่น่าเหลือเชื่อแบบนี้กัน?
“งานเข้าแล้ว! งานเข้าแล้ว! ใครก็ได้รีบไปติดต่อหานักแสดงที่ชื่อว่ามู่ลี่ที เราจะต้องเป็นเจ้าแรกที่ไปติดต่อไม่อย่างนั้นเราอาจจะพลาดโอกาสที่พันปีจะมีแบบนี้ไปได้”
หลังจากนั้นครู่หนึ่งชายชราที่มีเคราเคราแพะยาวได้เข้ามาและพูดว่า “ผมได้ทําการสืบมาแล้ว นักแสดงที่ชื่อว่ามู่ลี่นั้นไม่ใช้เป็นคนของบริษัทไหน แต่เธอเป็นคนธรรมดาที่อยู่ในหมู่บ้านที่ชื่อว่ามินิลู่หัวครับ?”
“หมู่บ้านมินิลู่หัว?” เซียวฮวนจู่ๆก็นึกถึงมนุษย์แปลกๆที่มาจากโลกแห่งความเป็นจริงขึ้นมา หมู่บ้านของชายคนนั้นค่อนข้างยากจน เขาไม่คิดว่าชายคนนั้นจะสามารถสร้างนักแสดงที่มีทักษะสุดยอดได้แบบนี้ อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าด้วยมิตรภาพที่พวกเขามีด้วยกัน มันคงเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะรับผลประโยชน์นี้
“ไปเร็ว! เราจะต้องรีบไปที่หมู่บ้านมินิลู่หัว!”
ใครบ้างที่ไม่ต้องการคนที่มีความสามารถมาเข้าร่วม? แม้ว่าบริษัทของเขาจะไม่ได้ร่ํารวยมากนัก แต่มันก็ยังไม่ใช้ปัญหาที่จะเซ็นสัญญากับผู้มาใหม่
– บริษัทจัดการไอดอลหลายแห่งก็มีความคิดเช่นเดียวกับเซียวฮวน พวกเขาต่างก็รีบจัดทําสัญญาที่ดีที่สุดจํานวนมากเพื่อที่จะได้รับนักแสดงที่ฟ้าประทานคนนี้มา
ดังนั้นในเวลาไม่นานก็ปรากฏแสงสีขาวขึ้นบนพอร์ทัลของหมู่บ้านมินิลู่หัวไม่หยุด บริษัทไหนที่ไม่ต้องการรอคิวใช้งานพอร์ทัลต่างก็เลือกที่จะใช้เรือบินของตัวเอง และบินไปยังเป้าหมายทันที
ดังนั้นในตอนนี้สวนสนุกของโจรหยูก็ได้ปรากฏชายชุดดําจํานวนมากขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นนักท่องเที่ยวในโลก ACG บางคนที่อยู่ในสวนสนุกต่างก็ตื่นตกใจกับภาพที่เห็น เพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นเมืองมาเฟียไปแล้ว