บทที่ 59 การต่อสู้
เมื่อตะหนักได้ว่าอาณาเขตของของตัวเองถูกรุกล้ำ เดียนเดียนก็ได้แสดงท่าทางแข็งแกร่งออกมา มันเริ่มที่จะทำการแจ้งเตือนอีกฝ่ายพร้อมกับส่งเสียงร้องขู่ออกมา
อีกด้านหนึ่งศัตรูที่พึ่งรุกล้ำมานั้นกลับไม่สนใจเลย กลับกันมันทำเพียงจ้องมองไปยังเดียนเดียนโดยตรงและมันก็ได้ตัดสินว่าใครกันแน่ที่จะเป็นพี่ใหญ่ในครั้งนี้
ลูกไก่ทั้งสองยังเป็นไก่ที่ยังไม่มีหงอนไก่ ดังนั้นนี่อาจจะเรียกได้เป็นการต่อสู้กันของเด็กน้อย!
การต่อสู้ระหว่างไก่เป็นเรื่องธรรมดาที่มักเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ดังนั้นพวกเด็กๆจึงไม่ได้แปลกใจ กลับกันพวกเขาต่างก็ส่งเสียงเชียร์นอกรั้วด้วยซ้ำ แต่หากเปลี่ยนเป็นเสียงเชียร์จากเด็กเป็นผู้ใหญ่มันอาจจะถือว่านี้เป็นการพนันชนไก่ที่ผิดกฎหมายก็ได้
แน่นอนที่สุดเด็กๆพวกนี้ต่างก็ได้สนับสนุนเดียนเดียน อย่างไรก็ตามถึงแม้ลูกไก่ทั้งสองจะมีขนาดใกล้เคียงกัน แต่เจ้าเดียนเดียนนั้นก็เป็นลูกไก่ที่พึ่งจะเกิดมา และมันยังเติบโตขึ้นมาในเรือนกระจกที่ไม่มีพี่ชายหรือน้องสาวมาเล่นด้วย ซึ่งเทียบไม่ได้กับศัตรูของมัน
ศัตรูของมันมีชื่อว่าเจ้าเหลืองใหญ่ มันถือว่าเป็นพี่ชายของเหล่าน้อยที่เกิดมา ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงประสบการณ์การต่อสู้เลย หลังจากเดินวนเป็นวงกลมไม่กี่ครั้งสัญญาณของการต่อสู้ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าเจ้าเดียนเดียนที่มีประสบการต่อสู้เป็นศูนย์นั้นเป็นยังไง มันได้ถูกบดขยี้โดยเจ้าเหลืองใหญ่โดยตรงและถูกไล่ล่าไปทั่วทุกแห่งในสนามฝึก
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเดียนเดียน เด็กๆทุกคนเริ่มตำหนิโจวเฮาทันที ราวกับว่าพวกเขากำลังปกป้องไอดอลของพวกเขาอยู่
ส่วนเจ้าหนูน้อยโจวเฮาเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน ใครจะรู้ว่าพวกมันจะต่อสู้กันเมื่อพวกมันเพิ่งพบกัน นอกจากนี้เขาแค่ต้องการให้เจ้าเหลืองใหญ่ของเขากลายเป็นคนฉลาดเหมือนเจ้าเดียวเดียนเท่านั้น แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ความฝันของเขาได้พังลงไปแล้ว
เจ้าเดียนเดียนเองที่เห็นว่าสู้ไม่ได้ก็ได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือจากแจ็ค อย่างไรก็ตามแจ็คกับเลือกที่จะไม่ช่วยเหลือมัน และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะหนักแน่ในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
อาจจะเพราะในอนาคตเจ้าเดียนเดียนจำเป็นที่จะต้องออกไปกับนักผจญภัยและช่วยเหลือพวกเขาในการต่อสู้บางครั้ง ดังนั้นการฝึกให้อีกฝ่ายรู้จักช่วยเหลือตัวเองอาจจะเป็นผลดีกว่าก็ได้
เดียนเดียนที่ได้รับการตอบกลับมาแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป มันจึงทำได้เพียงเลือกที่จะหันกลับไปต่อสู้อย่างกล้าหาญได้เท่านั้น อย่างไรก็ตามความกล้าหาญของมันไม่สามารถเติมเต็มช่องว่างของพลังได้ ดังนั้นการต่อสู้ของมันจึงไร้ประโยชน์
โชคดีที่โจวหยูได้คอยสังเกตมันอยู่ด้านนอกตลอดเวลา เมื่อเขาเห็นว่าเจ้าเดียนเดียนไม่สามารถสู้ต่อไปได้แล้ว เขาก็รีบวิ่งเข้าไปอุ้มมันขึ้นมาเพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บทันที
โชคดีที่มันเป็นแค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น และมันจะหายดีในสองวัน
เจ้าเหลืองใหญ่เองก็ถูกเจ้าหนูน้อยโจสเฮาอุ้มขึ้นมาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าผู้ชนะในครั้งนี้ก็คือเจ้าเหลืองใหญ่
เมื่อการต่อสู้กันครั้งนี้จบลงพวกเด็กๆเองก็แยกย้ายกลับบ้านเช่นกัน หลังจากที่โจวหยูเห็นว่าลานบ้านโปรดคนแล้ว เขาจึงได้วิพากษ์วิจารณ์แจ็คเกี่ยวกับเรื่องที่เขาไม่ช่วยเดียนเดียนในการต่อสู้ในครั้งนี้ทันที อย่างไรก็ตามแจ็คได้พูดออกอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า นี้ก็เป็นหนึ่งในวิธีการฝึกอบรมของเดียนเดียนเช่นกัน และทำไมเขาถึงต้องช่วยด้วย? และแจ็คยังบอกอีกว่าโอกาสการต่อสู้ที่ดีๆแบบนี้กับถูกเขาทำเสียไปแล้ว
เมื่อโจวหยูได้ฟังแบบนั้น มันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบการฝึกซ้อมของแจ็คเหมือนกับการฝึกของนกรบสปาร์ตันอย่างแท้จริง
หลังจากที่โจวหยู ผู้ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยแจ็คเกี่ยวกับการขัดขวางการฝึกในครั้งนี้ ก็ไม่สามารถหาคำพูดอะไรพูดออกมาได้อีก ดังนั้นเขาจึงได้เดินออกไปพร้อมกับเดียนเดียนอย่างอับจนได้เท่านั้น
ในเวลาเดียวกันจุดเซฟอาหารของเดียนเดียนเองก็ได้ปรากฎยารักษาแผลขึ้น ซึ่งเมื่อโจวหยูได้เห็นแบบนี้ก็รีบนำเรื่องนี้ไปขอคำแนะนำจากแจ็คทันที
ดูเหมือนว่ายาตัวนี้จำเป็นที่จะต้องนำมาผสมในอาหารสัตว์ และหลังจากที่เจ้าเดียนเดียนกินเข้าไปแล้วมันจะช่วยให้อาการดีขึ้นเอง
ในช่วงเวลาต่อมาหลังจากที่เจ้าเดียนเดียนแพ้การต่อสู้ในครั้งนั้น มันก็เริ่มการฝึกอบรมที่โหดร้ายทันที เช่นเดียวกับการฝึกทหารเกณฑ์ใหม่ในละครทางทหาร และแจ็คก็รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมสุดโหดคนนั้น
เขาได้เริ่มฝึกเดียนเดียนใหม่อย่างสมบูรณ์ และสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือการฝึกในครั้งนี้มีผู้สมัครเพียงคนเดียว นั้นก็คือเดียนเดียนนั้นเอง
อย่างไรก็ตามในสายตาของเด็กๆพวกเขากับเห็นเพียงการแสดงของเดียนเดียนนั้นช่างเหลือเชื่อมาก ลูกไก่ของคนอื่นชอบที่จะออกไปเขี่ยเศษหญ้าหรือหาหนอนตามพื้น แต่ลูกไก่ของพี่ชายหยูนั้นแตกต่างออกไป มันกับชอบการฝึกอบรมมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีใครเห็นพี่ชายยูใช้วิธีกระตุ้นให้เดียนเดียนไปที่สนามฝึกซ้อมอีกด้วย มันดูเหมือนว่าเจ้าเดียนเดียนนั้นเป็นคนที่มีความคิดริเริ่มในการฝึกอบรมพวกนี้เอง
‘นี้มันเป็นลูกเจี๊ยบแบบไหนกันนะ?!’
‘มันใช้นักสู้เจี๊ยบ? หรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษลูกเจี๊ยบกัน?’
เจ้าหนูน้อยโจวเฮาเองก็เริ่มกังวลเรื่องเจ้าเหลืองใหญ่ของเขาแล้ว การเผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้ที่มันสามารถเอาชนะได้นั้นก็เป็นเพียงว่าอีกฝ่ายยังไม่มีประสบการณ์การต่อสู้เท่านั้น แต่มาตอนนี้หลังจากที่เจ้าเดียนเดียนผ่านการฝึกหนักมาในอนาคตเจ้าเหลืองใหญ่ของเขาอาจจะแพ้ก็ได้
ดังนั้นเจ้าหนูน้อยโจวเฮาจึงวางแผนที่จะฝึกเจ้าเหลืองใหญ่ให้นัก อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นมันกับทำให้เขาผิดหวังอย่างมากที่ ทุกครั้งที่เขาต้องการฝึกมันมันจะวิ่งไปหาแมลงเสมอ แม้ว่าเขาจะได้ใช้ข้าวเพื่อล่อให้มันทำอะไรบางอย่าง แต่หลังจากที่มันได้กินข้าวเสร็จมันก็จะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเพื่อค้นหาแมลงต่อไป
เมื่อเจ้าหนูน้อยโจวเฮาที่เห็นแบบนนี้มากเข้าก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เขาถึงกับคิดที่จะจับเจ้าเหลืองใหญ่เข้าการฝึกนรกแตกเหมือนกับเดียนเดียน แต่ดูเหมือนว่าเจ้าเหลืองใหญ่จะรับรู้ถึงเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเมื่อมันเห็นโจวเฮาเดินเข้ามาในลานบ้าน มันจะทำการหนีไปซ่อนตัวทันที
‘มันเป็นลูกเจี๊ยบที่น่าผิดหวัง! ให้ฉันดูว่านายจะเอาชนะเดียนเดียนในอนาคตได้อย่างไร! ‘
แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของโจวเฮานั้นจะเป็นอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก เพียงหนึ่งเดือนต่อมาพี่ชายหยูก็ได้ขอให้เขานำเจ้าเหลืองใหญ่มาต่อสู้กันอีกครั้ง
การเผชิญหน้าครั้งสูงสุดนี้ได้ดึงดูดเด็กจำนวนมาก การได้เห็นเจ้าเดียนเดียนฝึกฝนตัวเองอย่างหนักทุกวันแน่นอนว่าพวกเขาทุกคนต่างก็คาดหวังว่ามันจะสามารถเอาชัยชนะได้ ดังนั้นหลังเลิกเรียนเด็กๆทุกคนต่างก็วิ่งไปที่บ้านของพี่ชายหยูและพร้อมที่จะดูการต่อสู้ในศึกครั้งนี้
แม้แต่อาจารย์หูก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเช่นกัน
เมื่อเร็วๆนี้อาจารย์หูได้สังเกตว่าวิธีที่นักเรียนเขียนบันทึกของพวกเขานั้นดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมาก เมื่อเขาอ่านพวกมันพวกเด็กๆต่างก็รู้สึกสดชื่นมากราวกับว่านักเรียนหลายคนของเขาได้รับความบันเทิงกับมัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่แปลกมากคือ ตัวเอกของบันทึกของพวกเขาทั้งหมดเกี่ยวกับลูกไก่ตัวเล็กๆที่โจวหยูได้รับเลี้ยง
ในสมุดบันทึกของนักเรียนเหล่านั้น ลูกไก่ตัวเล็กตัวนี้ฉลาดเกินไปกว่าลูกไก่ธรรมดามาก หลังจากแพ้การต่อสู้กับลูกไก่ตัวอื่นมา มันก็เริ่มฝึกฝนตัวเองอย่างหนักทุกวัน ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและจิตวิญญาณที่มุ่งมั่น
‘อืมม … เด็กพวกนี้แน่ใจหรือไม่ว่าพวกเขากำลังเขียนเกี่ยวกับลูกเจี๊ยบจริงๆ’
อาจารย์หูยังรู้สึกว่าวิธีการสอนของเขาได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก เด็กๆเหล่านั้นยังรู้วิธีใช้อติพจน์และอุปมาอุปไมยเป็นอุปกรณ์เชิงโวหารในการเขียน ในขณะเดียวกันเขาก็ถูกดึงดูดด้วยเรื่องราวนี้เช่นกัน
เขายังรู้ว่าเย็นวันนี้โจวหยูได้ส่งจดหมายท้าทายไปยังเจ้าเหลืองใหญ่ของโจวเฮาและเวลาถูกกำหนดให้เป็นบ่ายวันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียน ซึ่งในช่วงเวลานั้นเขาก็ค่อนค้างว่างด้วย มันจึงเป็นเรื่องที่ดีที่เขาจะไปดูการต่อสู้ครั้งนี้
ในวันดวลได้มีเด็กจำนวนมากในสนามหน้าบ้านของโจวหยู แม้แต่โจวเฮาเองก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าทำไมถึงมีเด็กมากมายที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเขาเพียงบอกเพื่อนสนิทของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทำไมมันดูเหมือนกับว่าทั้งโรงเรียนรู้เรื่องนี้กัน?
หลังจากการสังเกตก่อนหน้านี้มาระยะเวลาหนึ่ง โจวเฮาก็พบว่าการต่อสู้ของเดียนเดียนนั้นดูมั่นคงขึ้นมาก มันไม่เหมือนการต่อสู้ก่อนหน้านี้เลย พลังการต่อสู้ของมันได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
“พวกเขากำลังมาแล้ว!”
เสียงทักทายจำนวนมากต่างก็เป็นเพื่อนๆของเขาเอง ถึงแม้ว่าเขาจะเคยชินกับเสียงเหล่านี้ แต่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์นี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประมาทเช่นกัน
ในที่สุดหลังจากเข้าสู่สนามฝึก เจ้าเหลืองใหญ่ก็เงียบลงก่อนที่จะเริ่มเดินไปรอบๆ ในฐานะที่เป็นพี่ชายคนโตของกลุ่ม มันจำเป็นต้องสงบสติอารมณ์ให้มาก อย่างไรก็ตามมันไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกับคู่แข่งคนเดิมเร็วแบบนี้
เมื่อเดินออกจากบ้านของตัวเอง เจ้าเดียนเดียนก็ไม่ได้เป็นลูกเจี๊ยบเหมือนเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนเดือนที่ผ่านมา นั้นก็คือขนของมันยังไม่ได้ขึ้นเต็มที่ พวกมันได้วางท่าทางการต่อสู้ทันทีโดยไม่มีใครกระตุ้นพวกมัน
อย่างไรก็ตามการต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้น!