ตอนที่13 อยากเป็นพี่น้องกับเจ้านี่ไหม ?
อีธานลู่กำลังจะเดินเข้าไปหาเล็กซี่ แต่ถูกหยุดจากการสั่นของโทรศัพท์ อีธานดึงสมาร์ทโฟนของเขาออกมา คิ้วของเขาเลิกขึ้นเมื่อเห็นหมายเลขโทรเข้าเป็นของ มอริส เขามองเธออีกครั้ง ก่อนจะเรียกเด็กเสิร์ฟคนหนึ่ง แล้วกระซิบสองสามคำ
เด็กเสิร์ฟพยักหน้าอย่างเข้าใจ อีธานยิ้มกว้าง เขาแตะไหล่ของเด็กหนุ่มก่อนจะเดินออกจากร้านไปอย่างไม่พูดอะไร
เมื่อเขาออกมาจากร้านอาหารแล้ว อีธานลู่ก็กดรับสายทันที
“ ไง – ”
” มาหาฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะส่งที่อยู่ไปให้” เมื่อพูดจบมอร์ริสก็วางสายโดยไม่เปิดทางให้อีธานได้ตอบสักคำ อีธานลู่ขมวดคิ้ว แม้มอริสจะเรียกหาเขาตามปกติ ถึงอย่างนั้นเขาก็เหลือบมองกลับไปที่ร้านอาหารข้างหลังก่อนจะส่ายหัว แล้วขับรถออกไป
—-
เล็กซี่กินบะหมี่ของเธออย่างละเมียดละมัย ราวกับอยู่ในร้านอาหารระดับห้าดาว การจิบน้ำซุป ทำให้หัวใจของเธออบอุ่น และทำให้เธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่า เธอคิดว่าเธอคงตกหลุมรักมันซะแล้ว
“ อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ ชู? ” ชูรูถามอย่างไร้เดียงสา เมื่อเห็นการแสดงออกของเล็กซี่ ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“ ใช่แล้ว น่าเศร้านะ…ที่เธอไม่สามารลิ้มรสชาติของมันได้” เล็กซี่แกล้งหยอก เห็นได้ชัดว่ามุมมองของเธอที่มีต่อชูรูนั้นดีขึ้นมาก และตอนนี้ถือว่าชูรูเป็นเพื่อนแท้เพียงคนเดียวของเธอ ดังนั้นทัศนคติของเล็กซี่ และวิธีที่เธอปฏิบัติต่อชูรูจึงดีขึ้นเช่นกัน
ชูรูมุ่ยหน้าของเธอ ทำให้เธอน่ารักมากขึ้นไปอีก เล็กซี่ยังหยอกล้อเจ้าตัวเล็กต่อไป พร้อมกับคีบบะหมี่เข้าปากอย่างไม่รู้จบ ชามบะหมี่ถูวางเรียงซ้อนสูงตามจำนวนที่เธอทานเข้าไป แต่ถึงอย่างนั้นกลับตรงข้ามกับภาพลักษณ์ที่ดูสง่างามของเธอ
หากใครจำเล็กซี่ได้พวกเขาอาจคิดว่าเธอเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ และหากมีการถ่ายภาพที่เกิดขึ้น คงถูกนำไปนินทาแน่นอน โชคดีที่ลูกค้าทั่วไปของที่นี่ เป็นผู้สูงอายุและดูเหมือนจะไม่สนใจวงการบันเทิง พวกเขามีแนวโน้มจะสนใจแต่ข่าวการเมือง หรือธุรกิจมากกว่า
ทันใดนั้นเด็กเสิร์ฟที่อีธานเรียกก่อนหน้านี้ ก็เดินเข้ามาก็เสิร์ฟเกี๊ยวอีกจานให้เธอ เล็กซี่ยิ้มขณะที่เธอมองไปมาจากเกี๊ยวในชาม สลับกับมองเจ้าก้อนแป้งที่กำลังพูดเสียงเจี้อยแจ้วตรงหน้าเธอ
“ คุณหนูคงเป็นเพื่อนของนายน้อยลู่ที่มาเมื่อสองสามวันก่อนใช่ไหมครับ เฒ่าแก่ต้องการที่จะเลี้ยงเกี๊ยวสูตรพิเศษ เป็นสูตรลับประจำตระกูลให้แก่คุณ” เด็กเสิร์ฟโค้งคำนับ เมื่อถ่ายทอดข้อความจากอีธานลู่ ด้วยท่าทางเคารพ
ดวงตาของเล็กซี่เบิกกว้างด้วยคำพูดของบริกรหนุ่ม แต่เธอก็พยักหน้าโดยไม่คิดมาก เมื่อเห็นว่าอาหารได้มาเสิร์ฟแล้ว ชายหนุ่มก็โค้งคำนับอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป
หลังจากเด็กหนุ่มจากไป เล็กซี่ก็จ้องมองไปที่เกี๊ยวที่ทำอย่างประณีตด้วยความสับสน แน่นอนว่าอีธานลู่ต้องเป็นคนรู้จักของเจ้าของร้าน และเด็กเสิร์ฟก็จำเขาได้ เพราะนอกเหนือจากสถานะครอบครัวแล้วดูเหมือนว่าเขาจะเป็นที่รู้จักมากด้วยในสถานที่นี้
เนื่องจากเล็กซี่อยากทานบะหมี่ดันดัน และเธอต้องมากินที่นี่เท่านั้น เธอเคยขอให้เชฟส่วนตัวของเธอลองทำดูแล้ว อย่างไรก็ตามแม้ว่าเชฟจะทำออกมาได้ดี แต่ก็ไม่ได้มีรสชาติเหมือนอาหารที่ร้านเล็ก ๆ แห่งนี้ทำเลย ดังนั้นเธอจึงยอมออกมากินข้าวนอกบ้าน โดยไม่กังวลเรื่องข่าวฉาวของตัวเอง
เมื่อมองไปรอบ ๆ อย่างละเอียดดีแล้ว เล็กซี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ที่อีธานลู่ ไม่ได้อยู่แถวนี้ ไม่อย่างงั้นเธออาจจะคิดไปแล้วว่า ร้านนี้เป็นของตระกูลลู่จริงๆ
“ ชู ?” ชูรูเอียงศีรษะมองไปที่เล็กซี่ที่พูดไม่ออก
” ฉันคิดว่า ฉันเสียสติไปแล้วแน่ๆในวันที่ฉันฆ่าตัวตาย ฉันช่างคิดสั้นจริงๆ ” เล็กซี่บ่นออกมา ไม่รู้ว่าเธอพูดเสียงดังพอแค่ให้ชูรูได้ยินเท่านั้น
“ คุณคิดน้อยต่างหากหละชู ” ชูรูสวนกลับเธอ โดยอ้างถึงการกระทำในอดีตของเธอก่อนที่จะพบกัน
เมื่อได้ยินแบบนั้น คิ้วเรียวของเธอก็กระตุกอย่างห้ามไม่ได้ “ ชูรู เธออยากเป็นพี่น้องกับเจ้านี่ไหม ?” เล็กซี่คีบเกี๊ยวในชามขึ้นมา
“คุณมันเลวชู! เล็กซี่คนเลว ชู!” ชูรูบินห่างจากเธอไปไกลหลายเมตร ขณะกระทืบเท้าของตัวเองอย่างโกรธเกรี้ยวไปบนอากาศ เล็กซี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคัก ชูรูน่ารักเกินไปแล้ว การกลั่นแกล้งใครสักคนทำให้เธอคลายความเครียดได้อย่างดี
“ล้อเล่นน่า” เล็กซี่หยุดหัวเราะ เธอก็หยุดแกล้งชูรู แล้วตักเกี๊ยวเข้าปากด้วยความสุขใจ