หลังจากการถ่ายงานอันร้อนแรงเสร็จเรียบร้อยเทียนหลางและเฟิงหยวนก็ขอตัวลากลับเลยทันทีเพราะทั้งคู่นั้นค่อนข้างจะเหนื่อย และที่บอกว่าร้อนแรงนั้นก็เป็นเพราะตัวเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้านั้นหลังจากที่ถ่ายภาพเซ็ตแรกเสร็จนางก็เกิดชอบขึ้นมาและจัดการหอบเสื้อผ้าในซีรี่ย์อื่นมาให้ทั้งคู่ถ่ายอีกหลายสิบชุด
เมื่อถ่ายเสร็จทางเจ้าของแบรนด์อย่างฉินอู๋หยิงเธอต้องการจะให้เงินค่าตอบแทนกับทั้งคู่มากถึงสองล้านหยวน แต่ด้วยที่ทั้งสองคนนั้นไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงินทองหรือบางทีตัวของเทียนหลางอาจจะรวยกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ
เฟิงหยวนจึงปฏิเสธเงินจำนวนมากด้วยรอยยิ้มพร้อมกับขอเปลี่ยนเป็นให้ทางทีมงานส่งภาพทั้งหมดที่เธอได้คู่กับเทียนหลางอีกชุดมาให้ที่บ้าน
ฉินอู๋หยางและผู้จัดการจิงได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับสับสนเล็กน้อย แต่เฟิงหยวนก็บอกกลับไปว่าตัวเธอนั้นไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทองแต่อย่างใดเพียงแต่การทำงานครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือผู้จัดการจิงเท่านั้น
เมื่อฉินอู๋หยางได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะตอบตกลงเรื่องรูปภาพที่เฟิงหยวนขอไป ส่วนผู้จัดการจิงนั้นก็ได้เข้ามากล่าวขอบคุณเฟิงหยวนกับเทียนหลางยกใหญ่เรื่องที่ทั้งคู่ช่วยเหลือเธอในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากเฟิงหยวนไม่มาเป็นนางแบบให้กับงานนี้แล้วละก็ทางบริษัทอาจจะต้องเสียคู่ค้ารายใหญ่ไปเลยก็ได้
หลังจากกล่าวขอบคุณเฟิงหยวนเสร็จผู้จัดการจิงก็หันมาทางเทียนหลางด้วยสายตาแน่วแน่พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“สนใจมาเป็นนายแบบสังกัดพี่ไหม ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตกใจไปแว่บหนึ่งก่อนจะหันมาหาเฟิงหยวนซึ่งเธอเองก็ได้แต่ยิ้มและไม่พูดอะไร เทียนหลางจึงเกาหัวตัวเองเบาๆและพูดกับผู้จัดการจิงว่า
“ถึงผมจะสนใจมันอยู่บ้างก็เถอะครับ แต่คิดว่าคงไม่ทำงานทางด้านนี้หรอกผมยังมีธุรกิจของตัวเองที่ต้องดูแลอยู่”
ผู้จัดการจิงที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาเล็กน้อย เทียนหลางจึงหัวเราะและพูดขึ้นอีกว่า
“แต่ถ้าหากผู้จัดการจิงอยากให้ผมช่วยก็ติดต่อมาได้นะครับ แต่ไม่ต้องถึงขั้นมาคุกเข่าขอร้องแบบคราวก่อนก็พอ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นผู้จัดการจิงก็หัวเราะเขินๆออกมาก่อนที่ทั้งคู่จะขอตัวเพื่อกลับไปพักผ่อน ในระหว่างกลับเฟิงหยวนก็ได้ถามเทียนหลางที่กำลังขับรถอยู่ว่า
“ดูเหมือนคุณจะมีความสุขไม่น้อยเลยนะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ผมค่อนข้างจะสนใจงานนายแบบนิดหน่อยมาสักพักแล้วพอได้ลองดูก็คิดว่าค่อนข้างสนุกดี แล้วอีกอย่างงานชิ้นแรกของผมยังได้ถ่ายคู่กับคุณอีก อีกอย่างนะผมยังได้รูปที่ถ่ายคู่กับคุณมาเก็บไว้อีกด้วย”
เทียนหลางเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
”ช่วงสองสามพันปีนี้เราสองคนไม่ค่อยจะทำอะไรร่วมกันเลย การที่ได้มาทำอะไรแบบนี้ด้วยกันมันก็ต้องมีความสุขอยู่แล้วสิ หรือคุณไม่มีความสุขงั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทันที เทียนหลางที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นของเฟิงหยวนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องยิ้มตามไปด้วยเพราะตัวของเทียนหลางนั้นรู้ว่าเฟิงหยวนนั้นมีความสุขมากแค่ไหน
แม้ทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันมาเป็นหมื่นปีแต่ด้วยหน้าที่ของทั้งคู่ที่ต่างก็ทั้งสำคัญและเกี่ยวพันกับผู้คนมากมาย ทำให้ทั้งสองคนนั้นไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากนัก ดังนั้นจึงยากที่จะมีเวลาทำอะไรร่วมกัน
ขณะนั้นจู่ๆเฟิงหยวนก็พูดขึ้น
“แล้วคุณก็อย่าลืมดูแลเหล่าน้องสาวของฉันด้วยล่ะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมามองเฟิงหยวนด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออกมา
“คุณหมายถึงซูหลินกับหลินเสวี่ยงั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
“ฉันรู้ว่าคุณก็มีความรู้สึกดีๆให้กับพวกเธอ ฉะนั้นคุณก็ควรจะดูแลพวกเธอบ้างอย่างเอาแต่หมกตัวอยู่แต่บ้านกับฉัน ฉันไม่อยากให้พวกเธอต้องคิดมาก”
“เข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าผมจะใช้เวลาอยู่กับพวกเธอให้มากขึ้นก็แล้วกัน”
เฟิงหยวนได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วหันไปพูดกับเทียนหลางว่า
“วันนี้เป็นคิวคุณทำข้าวเย็นก็แล้วกัน”
“เข้าใจแล้ว”
———————————————————————————————————————————
สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนนี้เทียนหลางกำลังยืนวุ่นวายอยู่ภายในครัว เพราะเขานั้นอยากจะลองทำอะไรใหม่ๆแก้เบื่อจึงได้ตัดสินใจอยากลองทำอาหารตะวันตกบ้าง เพราะดูเหมือนว่าเฟิงหยวนนั้นเธอดูจะเบื่อกับอาหารจีนแล้วดังนั้นเทียนหลางจึงคิดอยากจะเปลี่ยนเมนูในมื้อเย็นวันนี้
ในขณะที่เทียนหลางกำลังหั่นเนื้อไก่อยู่นั้นโทรศัพมือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมของเขาก็ดังขึ้น เมื่อเขาหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นตู่เชิงที่โทรมา
ทันทีที่เทียนหลางกดรับตู่เชิงก็ถามออกมาทันที
[ นายกำลังทำอะไรอยู่ ? ]
“ฉันกำลังคิดจะลองทำไก่ผัดซอสบาบีคิวอยู่นะ นายมีอะไรงั้นเหรอ ?”
[ ดูนายสบายใจจังนะทั้งที่สร้างเรื่องใหญ่ไว้แท้ๆ ]
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็รู้สึกงุนงงกับคำพูดของตู่เชิงเล็กน้อยก่อนจะถามออกไป
“สร้างเรื่อง ? ฉันไปทำอะไรไว้ ?”
[ นายพูดแบบนี้แสดงว่านายไม่ได้เข้าไปในดูเว็บบอร์ดของมหาลัยเลยสินะ ]
“บอร์ดของมหาลัย ?”
เว็บบอร์ดของมหาลัยก็คล้ายกับเว่ยป๋อเป็นชุมชนอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง แต่สิ่งที่แตกต่างจ่างเว็บบอร์ดอื่นๆก็คือผู้ใช้ส่วนใหญ่นั้นเป็นนักศึกษาของมหาลัยจิงไห่ และก็แน่นอนว่าเรื่องราวในเว็บบอร์ดก็ต้องเกี่ยวกับเรื่องราวในมหาลัย
เมื่อเทียนหลางพูดคุยกับตู่เชิงอยู่สักพักก่อนจะวางสายไปและเข้าไปดูในเว็บบอร์ดของมหาลัย ตามที่ตู่เชิงบอกหัวข้อที่เกี่ยวกับเขานั้นจะขึ้นมาเป็นหัวข้อแรก สายตาของเทียนหลางก็จ้องมองไปยังหัวข้อแรกทันทีซึ่งมันเขียนเอาไว้ว่า
[ ชายหนุ่มปริศนาถ่ายแบบคู่กับนางแบบหน้าใหม่ ]
เทียนหลางที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วทันทีก่อนจะเข้าไปดูด้านใน เมื่อได้เข้ามาดูด้านในบอร์ดสนทนาเทียนหลางก็ได้เห็นรูปที่เทียนหลางได้ถ่ายคู่กับเฟิงหยวนเมื่อสองวันก่อนถูกโพสเป็นหัวข้อหลัก และก็มีข้อความมากมายที่กล่าวถึงเขา
[ ผู้ชายคนนั้นที่ถ่ายคู่กับพี่เฟิงหยวนเป็นใครกันน่ะ ? ]
[ นั่นสิเขาหล่อมากเลย ]
[ เดี๋ยวก่อนนะถ้าหากว่าหัวข้อนี้มาโผล่ในบอร์ดมหาลัยก็แปลว่าเขาเป็นนักศึกษาของม.จิงไห่นะสิ ? ]
[ คอมเม้นท์บนพูดถูกแสดงว่าพ่อหนุ่มรูปหล่อคนนี้เป็นนักเรียนของมหาลัยเรา แต่ว่าทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นเขาเลยล่ะ ? ]
[ อาจจะเป็นนักศึกษาใหม่ของปีนี้ก็ได้นะ ]
[ มีเหตุผล มีเหตุผล ]
จากนั้นคอมเม้นท์ยาวเหยียดเกี่ยวกับหนุ่มปริศนาก็เพิ่มมากขึ้น จนกระทั้งมีคอมเม้นท์ที่ได้รับการกดไลค์เป็นจำนวนมาก
[ แต่ฉันเคยเห็นเขานะ เขาเป็นนักศึกษาใหม่ที่เรียนอยู่ในคลาสของประวัติศาสตร์เมื่อสัปดาห์ก่อน ]
คอมเม้นท์นั้นได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามกันเลยทีเดียว ส่วนเทียนหลางที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายเล็กๆก็ได้แต่เกาหัวตัวเองพร้อมกับกล่าวขึ้นกับตัวเองเบาๆ
“นี่ฉันกลายเป็นคนดังในมหาลัยไปแล้วงั้นเหรอ ?”