ระหว่างทางที่เทียนหลางกำลังจะกลับบ้านเขาก็นึกขึ้นได้ว่าวัตดุดิบในการทำอาหารกำลังจะหมด เทียนหลางจึงได้ขับรถไปที่ย่านการค้าใกล้ๆเพื่อหาซื้อของจำเป็น
ในขณะที่เทียนหลางกำลังเดินเลือกซื้อผักอยู่นั้นก็ได้มีผู้หญิงวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาเขาพร้อมกับกล่าวถามด้วยรอยยิ้มว่า
“คุณใช่นายแบบคนนี้หรือเปล่าคะ ?”
เธอยื่นโทรศัพให้กับเทียนหลางได้ดูซึ่งด้านในนั้นเป็นรูปที่เทียนหลางกำลังถ่ายคู่กับเฟิงหยวนในงานถ่ายแบบก่อนหน้า
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะถามกลับไปด้วยความงุนงง
“ใช่ นั่นผมเองทำไมเหรอ ?”
เมื่อได้รับคำยืนยันสาวๆเหล่านั้นก็แสดงท่าทีดีอกดีใจกันยกใหญ่ราวกับถูกหวยร้อยล้านหยวน ก่อนจะเข้ามาพูดกับเทียนหลางด้วยรอยยิ้มว่า
“พวกเราขอถ่ายรูปกับคุณหน่อยได้ไหมคะ ?”
เทียนหลางงุนงงกับคำขอของเหล่าสาวๆเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรพร้อมกับยอมให้ถ่ายรูปแต่โดยดี หลังจากถ่ายรูปกันอย่างจุใจแล้วเหล่าสาวๆก็ขอตัวกลับทันทีและหายไปกับฝูงชนอย่างรวดเร็ว ทำเอาตัวของเทียนหลางอดอึ้งไม่ได้
ในขณะที่เทียนหลางกำลังเดินเที่ยวตลาดอยู่นั้นเทียนหลางก็สังเกตุเห็นร้านค้าสมุนไพรขนาดใหญ่ตรงสี่แยกเมื่อมองดูที่ป้ายร้านเทียนหลางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“โถงสมุนไพรเจียงจื่อหยา งั้นเหรอ ?”
เทียนหลางรู้สึกเกิดสนใจในชื่อของร้านเล็กน้อยจึงได้เดินเข้าไปดูด้านใน เมื่อเข้ามาเทียนหลางก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยเพราะในร้านนั้นตกแต่งค่อนข้างที่จะธรรมดาและเรียบง่าย แตกต่างจากร้านขายสมุนไพรอื่นๆที่มักจะตกแต่งอย่างหรูหราเพื่ออวดอ้างสถานะของพวกเขา
เทียนหลางที่เห็นสมุนไพรอยู่ในตู้โชว์ก็อดไม่ได้ที่จะพูดชมออกมา
“เป็นสมุนไพรที่คุณภาพดีจริงๆ”
“ขอบคุณ คุณที่กล่าวชมนะครับ”
เสียงของชายชราดังขึ้นด้านหลังของเทียนหลาง เมื่อเทียนหลางหันกลับมาก็เห็นชายชราผมขาวคนหนึ่งกำลังยืนมองเขาด้วยรอยยิ้มอยู่ก่อนจะกล่าวถามกับเทียนหลางว่า
“ไม่ทราบว่าคุณชายสนใจสมุนไพรชนิดไหนในร้านของเรางั้นเหรอครับ ?”
เทียนหลางมองซ้ายขวาเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ผมไม่ได้สนใจสมุนไพรในนี้หรอกครับ เพียงแค่เห็นว่าชื่อร้านน่าสนใจดีเลยเข้ามาดูเท่านั้น”
ชายชราที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะเล่าถึงที่มาของชื่อร้านให้กับเทียนหลางได้ฟัง ชายชราบอกว่าชื่อร้านนั้นได้ตั้งตามชื่อของผู้ก่อตั้งหอคอยสมุนไพรซึ่งได้รวบรวมและบอกเล่าเกี่ยวกับรายละเอียดของสมุนไพรต่างๆเอาไว้มากมายซึ่งมีประโยชน์อย่างมากกับคนรุ่นหลัง
และนอกจากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรแล้วนางจะเป็นหมอที่มีชื่อเสียงอย่างมากในโลกของผู้ฝึกยุทธ เล่ากันว่านางนั้นขาดเพียงเอื้อมมือก็จะสามารถขว้าตำแหน่งหมอเทวะได้แล้วด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่เธอนั้นจากไปเร็วเกินไปทำให้เรื่องราวของเธอนั้นไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก
เมื่อเทียนหลางได้ฟังประวัติสั้นๆของร้านเจียงจื่อหยาแล้วเขาก็ได้แต่พยักหน้าเท่านั้น เพราะเขานั้นเข้าใจดีว่าโลกผู้บ่มเพาะเป็นเช่นไร
ชายชรานั้นหลังจากเล่าประวัติของร้านเสร็จก็ได้ชวนเทียนหลางคุยอีกเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าตัวของชายชราจะชื่นชอบเทียนหลางอยู่เล็กน้อย เนื่องจากปัจจุบันนั้นยากนักที่จะเจอคนหนุ่มสาวที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพรและเมื่อเขาเทียนหลางนั้นสนใจในสมุนไพรอยู่บ้างเขาจึงอยากพูดคุยด้วย
ซึ่งเทียนหลางก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเพราะดีเสียอีกที่จะมีคนที่คุยในเรื่องเดียวกัน ดังนั้นการเสียเวลาพูดคุยกับชายชราเพียงเล็กน้อยจึงไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากนัก
ในขณะที่เทียนหลางกำลังคุยกับชายชราอยู่นั้นก็ได้มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“คุณปู่หยวนกำลังทำอะไรอยู่งั้นเหรอคะ ?”
เทียนหลางมองไปยังชั้นสองของตึกก่อนจะพบเห็นผู้หญิงในชุดกี่เพ้าสีฟ้าครามที่กำลังเดินลงมา ทันทีที่เทียนหลางได้เห็นใบหน้าของเธอก็ทำเอาเทียนหลางอดไม่ได้จะต้องแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา แต่ไม่ใช่เพราะสวยของเธอแต่เป็นเพราะใบหน้าของเธอนั้นคล้ายคลึงกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเคยรู้จักเมื่อสมัยก่อน
เทียนหลางมองเธอเล็กน้อยก่อนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกับบ่นกับตัวเอง
“โชคชะตาช่างเป็นอะไรที่ยากจะคาดเดาอย่างแท้จริง…”