เทียนหลางเดินตรงไปตามที่แผนที่และเครื่องส่งสัญญาณดาวเทียมได้บอกไว้ เขาเดินผ่านทะเลทรายมาเรื่อยๆด้วยความรู้สึกแปลกใหม่เล็กน้อย
เพราะทะเลทรายโกบีแห่งนี้ค่อยข้างจะสวยงามและสงบสุข แตกต่างจากทะเลทรายเพลิงที่เขารู้จักเพราะที่นั่นมักจะมีการต่อสู้กันบ่อยๆ อีกทั้งยังมีสัตว์อสูรที่น่ากลัวเดินเพ่นพ่านอยู่ตลอดเวลาดังนั้นในทะเลทรายเพลิงจึงกลายเป็นพื้นที่อันตราย
เทียนหลางเดินมาเรื่อยๆจนกระทั้งพบเจอกับคนที่กำลังเดินจูงอูฐอยู่ เมื่อฝ่ายตรงข้ามเห็นเทียนหลางเขาก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับอูฐของเขาทันที
เทียนหลางแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีของเขา แต่เทียนหลางไม่เห็นท่าทีหรือจิตมุ่งร้ายใดๆดังนั้นเขาจึงยังคงมีท่าทีสงบอยู่
เมื่อฝ่ายตรงข้ามเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเทียนหลาง เขาก็หอบหายใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเทียนหลางด้วยภาษาจีนกลางว่า
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?”
เทียนหลางที่ได้ยินคำถามก็ถึงกับงุนงงเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า
เขามีอายุราวยี่สิบห้าถึงยี่สิบเจ็ด ตัวสูงผิวคล้ำรูปร่างกำยำหน้าตาไม่ได้กับถึงหล่อเหลาแต่ก็ไม่ได้ขี้เหล่แต่อย่างใด สายตาของเขาที่ใช้มองเทียนหลางนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและจริงใจ ทำให้เทียนหลางสรุปอย่างรวดเร็วว่าชายหนุ่มตรงหน้าค่อนข้างจะนิสัยดี
เทียนหลางมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้งก่อนถามกลับไปว่า
“ทำไมฉันต้องเป็นอะไรด้วยล่ะ ?”
เมื่อเขาได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมาก่อนจะถามกลับเทียนหลางอีกครั้ง
“ไม่ใช่ว่านายหลงทางอยู่ในทะเลทรายงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางส่ายหน้าก่อนจะพูดว่า
“ฉันไม่ได้หลง ฉันแค่กำลังตามหาบางสิ่งอยู่”
ชายหนุ่มที่ได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็มองไปที่ใบหน้าของเทียนหลางอย่างจริงจังอยู่สักพัก ก่อนจะถามว่า
“งั้นนายกำลังมองหาอะไรอยู่ เผื่อฉันจะช่วยได้”
เทียนหลางคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวถามเกี่ยวกับขบวนรถบรรทุกที่ผ่านเข้ามาในทะเลทรายเมื่อไม่กี่วันก่อน เมื่อชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นเขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับว่า
“ฉันไม่เคยเห็นหรอกนะ เพราะส่วนใหญ่ฉันทำงานตอนช่วงกลางวัน”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นชายหนุ่มก็พูดกับเทียนหลางว่า
“แต่ว่าในหมู่บ้านน่าจะมีคนที่เคยเห็นอยู่นะ นายตามฉันมาสิ เดียวฉันจะพานายไปที่หมู่บ้านของเรา”
เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับเดินตามหลังชายหนุ่มคนนั้นไป ชายหนุ่มพาเทียนหลางเดินไปท่ามกลางทะเลทรายอยู่พักใหญ่ๆก่อนจะมาถึงหมู่บ้านของพวกเขา
เมื่อมาถึงเทียนหลางก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยที่ห่างไปไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก เทียนหลางกลับมองเห็นป่าอันเขียวชอุ่ม
เขาไม่คิดว่าที่กลางทะเลทรายแบบนี้จะมีป่าอยู่ด้วย ทำให้อดไม่ได้ที่ถามชายหนุ่มไปด้วยความสงสัย
“ป่านั่นเกิดขึ้นมาได้ยังไงงั้นเหรอ ?”
ชายหนุ่มหันไปมองยังทิศทางของป่า ก่อนจะส่ายหัวและพูดกับเทียนหลางว่า
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มันเกิดก่อนที่หมู่บ้านของเราจะตั้งขึ้นเสียอีก และก็เพราะป่าแห่งนั้นนั่นแหละทำให้พวกเราสามารถตั้งหมู่บ้านที่นี้ได้”
ชายหนุ่มเงียบไปสักพักก่อนจะพูดเสริมอีกว่า
“ตามที่ผู้เฒ่าในหมู่บ้านเล่ามา พวกเขาบอกว่าป่าแห่งนี้น่าจะเกิดขึ้นมากว่าหลายร้อยปีแล้วล่ะ แม้พื้นที่ของป่าจะไม่ได้ใหญ่มากนักมันกินพื้นที่เพียงภูเขาลูกเดียวเท่านั้นแต่ภายในป่านั้นก็มีอันตรายซ่อนอยู่มากมาย จึงทำให้พวกเรานั้นไม่สามารถเข้าไปล่าในป่าลึกได้ ทำได้เพียงแค่ล่าในพื้นที่รอบนอกเท่านั้น”
เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับฟังคำอธิบายของชายหนุ่ม เขายังบอกอีกว่าเมื่อใดที่พยายามจะก้าวเข้าไปในส่วนลึกของป่าก็จะมีหมอกหนาปรากฏทันทีและทำให้คนๆนั้นหลงทางอยู่ในป่าไปตลอดกาล
เทียนหลางที่ได้ยินเรื่องเล่าของป่าแห่งนี้เขาก็ถึงกับหันกลับไปมองด้วยความสนใจทันที และคิดขึ้นมาทันทีว่าภายในป่าแห่งนั้นน่าจะมีสมบัติอะไรซ่อนอยู่และตัดสินใจว่าหลังจากภารกิจช่วยเหลือแล้วเขาน่าจะไปสำรวจที่ป่าแห่งนั้นสักหน่อย