หลังจากการเดินทางอันยาวนาน เทียนหลางกับเฟิงหยวนก็ตัดสินใจจะนอนพักผ่อนกันและค่อยออกไปเดินเที่ยวเล่นในเมืองในช่วงกลางคืน
เพราะจากข้อมูลที่ได้มาจากลุงคนขับรถเมื่อครู่ เขาบอกว่าแม้เมืองแห่งนี้จะดูมีชีวิตชีวา แต่ความสนุกแท้จริงนั้นจะเริ่มเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน และดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่จะเดินทางมาในช่วงเทศกาลดารีลินพอดี
เทศกาลดารีลินคือเทศกาลเฉลิมฉลองให้เทพเจ้าที่ปกป้องเกาะแห่งนี้ และขอพรให้เทพพระเจ้าช่วยให้พืชพันธุ์เจริญเติบโตได้มากยิ่งขึ้น
เมื่อได้ฟังเทียนหลางก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีนักท่องเที่ยวมากกว่าขนาดนั้นที่สนามบิน เพราะพวกเขามาเข้าร่วมงานเทศกาลดารีลินนี้เอง
เมื่อตกกลางคืนมาถึงแสงไฟอันงดงามก็ได้ปรากฏขึ้นทั่วทั้งเมือง เสียงดนตรีและเสียงโห่ร้องเริ่มปรากฏขึ้น มีการเดินขบวนและการเต้นรำอยู่ที่ถนนสายหลักของเมือง
โชคดีที่โรงแรมที่เฟิงหยวนได้จองเอาไว้นั้นอยู่ติดกับถนนหลักพอดี ทำให้เทียนหลางและเฟิงหยวนสามารถมองเห็นบรรยากาศอันคึกคักของเมืองได้
“ลองลงไปดูไหม ?”
เทียนหลางเอ่ยถามกับเฟิงหยวน ซึ่งเธอก็ตอบตกลง ทั้งคู่เลยลงไปด้านล่างและเที่ยวชมบรรยากาศของงานเทศกาล
ชาวเมืองต่างร้องรำทำเพลง และเดินขบวนแห่กันอย่างสนุกสนาม ทำเอาเทียนหลางและเฟิงหยวนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกไปหามื้อค่ำทานกัน ทั้งคู่เลือกเข้าไปที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง เมื่อเข้ามาพวกเขาก็ได้รับการต้อนรับจากพนักงานเป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีกันกี่ท่านคะ ?”
“2 คนครับ”
เทียนหลางพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม พนักงานพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพาทั้งคู่ไปที่โต๊ะ และนำเมนูมาให้เฟิงหยวนเปิดเมนูเพื่อดูรายชื่ออาหารเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับพนักงานว่า
“เอาเป็นอาหารแนะนำสักสองสามอย่างก็แล้วกันนะคะ”
พนักงานยิ้มเล็กน้อย
“ทราบแล้วคะ แล้วคุณผู้ชายต้องการจะสั่งอะไรเพิ่มเติมไหมคะ ?”
เทียนหลางส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกว่าเขาไม่ต้องการอะไร พนักงานจึงเดินออกไปจัดการเรื่องอาหาร เมื่อพนักงานไปแล้ว เทียนหลางก็ได้พูดกับเฟิงหยวนว่า
“เป็นเมืองที่ดีเลยนะ”
เฟิงหยวนพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า
“นั่นนะสิ ต่างจากเมืองที่วุ่นวายอย่างจิงไห่จริงๆ”
เทียนหลางพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นเฟิงหยวนก็ถามเทียนหลางว่า
“เริ่มคิดถึงชีวิตที่สุขสบายบนสวรรค์แล้วเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“ไม่มีทางหรอก แม้จะสบายก็จริงแต่ว่าก็มีเรื่องมาให้ปวดหัวไม่หยุด ผมไม่มีทางกลับไปแน่”
เฟิงหยวนได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า
“คุณนี่ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ ทิ้งงานทั้งหมดให้กับเด็กพวกนั้น”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็ทำท่าทีฮึดฮัดเล็กน้อย
“ทำลาออกแล้ว งานที่เหลือก็ให้คนที่อยู่ทำงานไปสิ”
เฟิงหยวนได้แต่หัวเราะกับท่าทีของเทียนหลาง ในขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่นั้นอาหารก็มาถึงพอดี จากนั้นทั้งคู่ก็ได้ลงมือทานมื้อค่ำด้วยกัน
หลังออกมาจากร้านเทียนหลางก็ถามกับเฟิงหยวนว่า
“จะไปเดินเล่นต่อไหม หรือว่าจะกลับห้องเลย ?”
เฟิงหยวนคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า
“งั้นเดินเล่นก่อนสักพักก็แล้วกัน”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะหาเฟิงหยวนเดินเที่ยวงานเทศกาล และเดินซื้อของที่ตามร้านข้างทาง ในจังหวะที่ทั้งคู่กำลังเดินอยู่ตามถนนนั้นก็ได้ถูกขวางโดยคนกลุ่มหนึ่ง
เทียนหลางจ้องมองพวกเขาเล็กน้อยก่อนจะพบว่าคนพวกนี้ไม่น่าจะใช่พวกนักเลง พวกเขาแต่งตัวดูดีราวกับคนมีเงิน แต่ท่าทางของพวกเขานั้นบ่งบอกว่าพวกเขานั้นเมา
หนึ่งในชายคนนั้นได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเมาแอ๋ว่า
“น้องสาวคนนี้ช่างงดงามจริงๆ พวกพี่ไม่เคยพบเห็นเลย ไม่ทราบว่าเป็นนักท่องเที่ยวงั้นเหรอจ้ะ ?”
เฟิงหยวนมองคนพวกนี้เล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า ชายคนนั้นเมื่อได้ยินคำตอบก็หันไปพูดคุยกับเพื่อนของทันทีก่อนจะหันกลับมาที่เฟิงหยวนและพูดว่า
“ถ้างั้นน้องสาวสนใจจะไปเที่ยวกับพวกพี่ไหม พี่เป็นคนแถวนี้เดียวจะพาเที่ยวทุกซอกทุกมุมเลย”
ในขณะที่พูดไปสายตาของชายคนนั้นก็จ้องมองไปที่เรือนร่างของเฟิงหยวนอย่างหื่นกระหาย ทำให้เฟิงหยวนถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“จ้องฉันไปทั่วแบบนี้ ไม่อยากจะมีตาเก็บไว้แล้วใช่ไหม ?”
ชายคนนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงหยวนก็แสดงท่าทีหวาดกลัวเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหัวเราะใส่เพื่อนของเขา จากนั้นพวกเขาก็ได้หัวเราะออกมา
“นี้น้องสาวช่างพูดจริงนะ คิดว่าขู่ด้วยท่าทีแบบนั้นแล้วพวกพี่จะกะ-“
แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มคนจะพูดจบ เฟิงหยวนก็ได้สะบัดมือของเธอทันที พร้อมกับที่สายตาของชายคนนั้นกลายเป็นมืดบอด
ชายคนนั้นเมื่อได้รับรู้ว่าโลกของเขาได้มืดลงอย่างกระทันหัน ก็ได้โวยวายกับเพื่อนของเขา เพื่อนของเขารีบเข้ามาดูอาการโดยที่ไม่สนใจเฟิงหยวนอีกต่อไป
“ตาฉัน ตาฉันมองไม่เห็น อ๊าาาา”
เฟิงหยวนมองไปที่ชายคนนั้นที่กำลังโวยวายอยู่บนพื้นด้วยความเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ถ้ามีตาแล้วไม่รู้จักใช้งานให้ดี ก็ไม่ควรจะมีมัน”
เมื่อพูดจบเฟิงหยวนก็เดินออกไปโดยไม่สนใจคนพวกนั้นแม้แต่น้อย เทียนหลางก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความสงสาร แต่สำหรับเขาแล้วการกระทำแบบนี้ถือว่ามีเมตตาไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะถ้าเฟิงหยวนปล่อยให้เขาลงมือแล้วละก็ คนพวกนี้คงได้ตายไปนานแล้ว