เทียนหลางและแอนเดียร์กลับมาที่เซฟเฮ้าส์ด้วยสภาพสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็น เรียกว่าสมบูรณ์เกินไปด้วยซ้ำสำหรับคนที่พึ่งไปแย่งชิงเซรุ่มกลับมา
เมื่อมาถึงทีมงานของแอนเดียร์ก็ต่างตกใจเป็นอย่างมากพร้อมกับเข้ามาถามไถ่เธอเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมด ซึ่งแอนเดียร์เองก็ไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันเหนือเกินกว่าที่จะพูดออกมาได้และต่อให้พูดออกมาก็คงไม่มีคนเชื่อ
เมื่อมีเวลาว่างแอนเดียร์จึงมาถามกับเทียนหลาง
“คุณทำอย่างงั้นได้ยังไง ?”
เทียนหลางที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพอยู่เมื่อได้ยินคำถามก็ถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ทำอย่างงั้น ? ทำอะไร ?”
“ก็ทำอย่างงั้นน่ะ ยกพื้นดินขึ้นมาแบบตอนนั้น !”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ร้องอ๋อออกมา
“มันก็ไม่มีอะไรยากเท่าไหร่หรอกนะ ก็แค่ใช้พลังยกพื้นดินขึ้นมาเท่านั้นเอง แต่จะให้อธิบายมันก็ยังไงอยู่นะ”
แอนเดียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับท่าทีสงสัย
“ทำไมล่ะ ?”
เทียนหลางลูบคาง
“อืม… มันค่อนข้างจะอธิบายยากสักหน่อย เหมือนกับเธอกำลังจะอธิบายว่าพลังจิตมันทำงานยังไงนั่นแหละหากไม่ใช่ผู้ที่เกี่ยวข้องจริงๆก็คงยากจะเข้าใจ”
เป็นจริงอย่างที่เทียนหลางบอก พลังฟ้าดินและปราณสวรรค์นั้นเป็นอะไรที่ยากจะอธิบายเพราะแม้แต่ตัวของเทียนหลางที่เป็นเทพและอยู่มานานก็ตามก็ยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไม่มากนัก จะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่เรียบง่ายก็ได้และจะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ลึกลับก็ได้เช่นกัน
เขารู้เพียงแค่การควบคุมกับการใช้งานมันเท่านั้น เหมือนกับคุณอยากจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องของสสารแน่นอนว่าคุณสามารถอธิบายเกี่ยวกับมันได้แต่ถ้ามีคนถามว่า มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรและความจริงของมันคืออะไรกันแน่ คุณก็คงจะตอบไม่ได้เช่นกัน
เพราะยิ่งคุณรู้เกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคำถามมากขึ้นเท่านั้น แม้แต่เหล่ามหาเทพก็ยังคร้านที่จะหาคำตอบกับมัน
แอนเดียร์ที่มองเทียนหลางอยู่ก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะถามอีกว่า
“แล้วมันเหมือนกับพลังจิตงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางส่ายหน้า
“ก็ไม่ซะทีเดียวหรอก พลังฟ้าดินนั้นเป็นอะไรที่เรียบง่ายและเข้าใจได้ยาก”
จากนั้นเทียนหลางก็ครุ่นคิดสักเล็กน้อย
“อืม… ถ้าจะให้อธิบายให้เข้าใจ พลังฟ้าดินก็เหมือนกับอากาศที่มีอยู่ทั่วไปในทุกที่และทุกสิ่ง หากคุณรู้สึกถึงการมีอยู่ของมันก็สามารถนำมันมาใช้ได้”
แอนเดียร์พยักหน้าก่อนจะถามต่ออีก
“แล้วการที่คุณยกพื้นขึ้นมาทั้งแผงแบบนั้นก็คือพลังานฟ้าดินด้วยงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางส่ายหน้าอีกครั้ง
“ไม่ใช่หรอก สิ่งนั้นมันถูกเรียกว่าปราณ มันคือหลักการหนึ่งของการเปลี่ยนพลังฟ้าดิน หากจะให้พูดก็คงเหมือนกับคุณเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็งนั่นแหละ”
แอนเดียร์พยักหน้าเข้าใจ
“งั้นที่คุณบอกว่าหากสัมผัสถึงพลังฟ้าดินอะไรนั่นได้ ก็สามารถใช้งานมันได้ แปลว่าทุกคนบนโลกก็สามารถใช้งานมันได้น่ะสิใช่ไหม ?”
คำถามนี้เทียนหลางพยักหน้า แอนเดียร์ที่ได้เห็นก็ตกใจเทียนหลางจึงอธิบายต่อว่า
“ถูกต้องเพียงแค่คุณสัมผัสและรับรู้ถึงมันได้ ก็คุณสามารถเปลี่ยนพลังฟ้าดินเป็นปราณได้เช่นกัน เช่นเดียวกับสิ่งที่เรียกว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณ”
“ถ้าจำไม่ผิดหากคุณต้องการจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่น ก็จะต้องสวดภาวนาหรืออะไรสักอย่างกับพระเจ้าซินะถึงจะสามารถใช้ได้ ?”
แอนเดียร์พยักหน้าพร้อมกับตอบคำถาม
“ถูกต้อง หากพวกเราจำเป็นจะต้องใช้งานพลังศักดิ์สิทธิ์เราจำเป็นจะต้องขอร้องต่อพระเจ้าเพื่อให้ท่านประทานพลังมาให้เพื่อใช้ต่อกรกับพวกปีศาจ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงท่าทีครุ่นคิดออกมาทันที เมื่อแอนเดียร์เห็นเทียนหลางเงียบไปพักหนึ่งก็อดสงสัยไม่ได้ถึงถามออกมา
“ทำไมคุณถึงเงียบไปนานจัง ?”
เทียนหลางส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“ก็นะ สิ่งที่ผมจะพูดนั้นมันอาจจะขัดต่อความคิดของผู้ศรัทธาอย่างคุณน่ะ เลยไม่รู้ว่าจะพูดดีไหม”
แอนเดียร์พยักหน้าก่อนจะบอกว่า
“คุณพูดได้เลย แม้ฉันจะเชื่อในพระเจ้าแต่ก็ใช่ว่าจะคลั่งไคล้พระเจ้าขนาดนั้น”
เทียนหลางพยักหน้า
“อันที่จริงแล้ว พลังศักดิ์สิทธิ์ที่พวกคุณพูดถึงกันน่ะมันเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของการเปลี่ยนพลังฟ้าดินให้เป็นปราณน่ะ”
แอนเดียร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา
“คุณพูดจริงงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะแบมือออกจากนั้นก็ปรากฏแสงสว่างสีทองขึ้นที่มือของเขาพร้อมกับพลังอันศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่กระจายออกมา แอนเดียร์ตกใจเป็นอย่างมากกับการกระทำของเทียนหลางพร้อมกับมองหน้าเขาอย่างจริงจัง
เทียนหลางจึงอธิบายว่า
“เดิมทีแล้วผู้บ่มเพาะระดับสูงก็สามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้ทั้งนั้นแหละ เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ใช้ต่อกรกับพวกปีศาจและพลังด้านลบ”
“เดิมทีแล้วพวกคุณจะต้องใช้ร่างกาย จิตใจ และสัมผัสของคุณในการดูดซับและแปรเปลี่ยนพลังฟ้าดินให้เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์แต่พวกคุณได้ข้ามขั้นตอนเหล่านั้นไป และใช้บดสวดและร่างกายเป็นสื่อกลางในการแปรเปลี่ยนแทน”
“สิ่งที่ช่วยยืนยันได้ก็คงจะเป็นร่างกายที่อ่อนแรงหลังจากใช้พลัง สาเหตุก็เพราะร่างกายของพวกคุณไม่ได้เหมาะสมกับการใช้พลังฟ้าดินมากนัก แต่ผลกระทบมันก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอกเพียงแค่พักสักหน่อยก็หาย”
แอนเดียร์ที่ได้ยินคำพูดของเทียนหลางก็พยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับหัวใจที่เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะเพราะสิ่งที่เธอได้ยินมาจากปากของเขานั้นเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อเกินกว่าจะรับได้
มันได้พลิกกระดานความเชื่อของเธอที่มีมานานกว่ายี่สิบปีไปจนหมด ราวกับมันจะบอกว่าพระเจ้าที่เธอเชื่อนั้นไม่มีอยู่จริงและทุกอย่างเป็นเพียงแค่เรื่องที่แต่งขึ้น