หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
ในตอนนี้เทียนหลางสอบปลายภาคเสร็จเรียบร้อยแล้วเท่ากับว่าตอนนี้เทียนหลางว่างสุด ๆ จนกว่าจะคิดเรื่องมหาลัยที่จะไปเรียนต่อได้และวันนี้ก็เป็นวันแรกของการเปิดกิจกรรมร้านอัญมณีของเขาหรือก็คือเป็นวันเปิดร้านวันแรกของศาลาอัญมณีซึ่งก่อนหน้านั้นเทียนหลางได้โพสข้อความผ่านเว่ยป๋อของตัวเองและของร้านอาหารบัวหยกเพื่อโฆษณาเรียบร้อยแล้ว
และเทียนหลางยังสร้างเว่อป๋อของศาลาอัญมณีเพื่อเป็นการโฆษณาหรือลงข่าวสารของทางร้านอีกด้วย ในตอนแรกเทียนหลางไม่ได้คิดอยากจะสร้างเว่ยป๋อของศาลาอัญมณีมากนักเพราะมันดูวุ่นวายเกินไปแต่หลินเสวี่ยนั้นกลับยืนยันที่จะสร้างเว่ยป๋อของร้านและเธออาสาก็จะดูแลให้จึงทำให้เทียนหลางนั้นต้องเลยตามเลย
วันนี้เทียนหลางตื่นเช้าปกติแต่ไม่ได้สวมชุดแบบปกติของเขาเพราะหลินเสวี่ยกับซูหลินบอกว่ามันไม่เป็นทางการกับงานแบบนี้พวกเธอจึงทำชุดสูทมาให้เทียนหลางใส่แทนซึ่งมันถูกสั่งตัดมาแบบพอดิบพอดีกับร่างกายของเขาทำให้เทียนหลางรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าพวกเธอมาแบบวัดร่างกายของเขาตอนไหน
แต่เทียนหลางก็เลิกสงสัยโดยทันทีและออกจากบ้านไปยังศาลาอัญมณี ไม่นานนักเทียนหลางก็มาถึงด้านหน้าร้านเมื่อมาถึงเทียนหลางก็พบกับคนจำนวนมากยืนออกันอยู่พร้อมกับนักข่าวจำนวนไม่น้อยซึ่งเทียนหลางอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่านักข่าวพวกนั้นมากันทำไม
เทียนหลางลงจากรถก่อนจะเดินเข้าไปด้านในร้านพร้อมกับสายตาจำนวนมากที่มองตามหลังเขาเข้ามา ขณะที่เข้ามาในร้านเทียนหลางก็พบกับซูหลินและหลินเสวี่ยที่กำลังยืนคุยกับอ้านหลินอยู่ เมื่อพวกเธอเห็นเทียนหลางเดินเข้ามาก็กล่าวทักทายทันที
”นายหล่อมากเลยวันนี้”
หลินเสวี่ยกล่าวชมออกมาทันที ทางด้านซูหลินก็ได้แต่พยักหน้าเบา ๆ เห็นด้วยโดยไม่พูดอะไรส่วนอ้านหลินก็ชมออกมาด้วยใจจริง
”บอสเท่มากเลยคะ”
”ขอบใจนะว่าแต่ทุกอย่างเรียบร้อยไหม ?”
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับถามขึ้นมาทันที ซึ่งอ้านหลินก็ตอบกลับด้วยความมั่นใจ
”ทุกอย่างเรียบร้อยดีมากคะบอส”
เมื่อได้ยินคำตอบเทียนหลางก็พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเดินสำรวจความเรียบร้อยรอบ ๆ ร้านซึ่งในแต่ละมุมของร้านจะตู้โชว์เครื่องประดับที่ถูกทำขึ้นด้วยอัญมณีและหยกแบบต่าง ๆ มากกว่าสิบตู้พร้อมกับชั้นวางที่มีสินค้าเรียงรายอยู่นับร้อย แต่จุดที่น่าสนใจที่สุดก็คือรูปสลักอัญมณีสิบสองนักษัตรที่ถูกทำขึ้นด้วยอัญมณีประจำปีนักษัตรนั้นๆ กับรูปสลักมังกรที่ตั้งโชว์อยู่ส่วนจัดแสดงของร้าน
หลังจากตรวจเช็คทั้งหมดแล้วเทียนหลางก็เดินออกมาด้านร้านพร้อมกับหลินเสวี่ย ซูหลิน และอ้านหลิน เมื่อเทียนหลางออกมาเหล่านักข่าวก็รุมถ่ายภาพกันทันทีทำเอาเทียนหลางรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยแต่เขาก็สงบลงอย่างรวดเร็วก่อนจะหยิบไมค์ขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้น
”อะแฮ่ม ๆ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาผมจะขอพูดเพียงสั้น ๆ แล้วกัน ผมในฐานะเจ้าของศาลาอัญมณีต้องขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานเปิดศาลาอัญมณีของผมในวันนี้ด้วยและทางร้านของเราได้จัดโปรโมชั่นซึ่งก็คือ สิ้นค้าทุกอย่างยกเว้นสินค้าพิเศษจะลดยี่สิบเปอร์เซ็น”
หลังจากกล่าวจบเทียนหลางก็ยกหน้าที่ทุกอย่างให้กับหลินเสวี่ยส่วนตัวของเขานั้นขอกลับขึ้นไปชั้นบนเพื่อพักผ่อน เพราะตัวเขานั้นไม่ค่อยชอบงานที่วุ่นวายแบบนี้สักเท่าไหร่
หลังจากนั้นไม่นานอ้านหลินก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแจ้งข่าวดีให้กับเทียนหลาง
”บอสคะ พอดีมีลูกค้าสนใจรูปสลักสิบสองนักษัตรนะค่ะ”
เมื่อเทียนหลางได้ยินก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจะมีคนสนใจซื้อมัน เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะบอกให้อ้านหลินเชิญเขาขึ้นมาด้านบนไม่นานนักอ้านหลินก็พาลูกค้ามาซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนหนึ่งซึ่งหากนับจากอายุของเธอแล้วนับได้ว่าเธอนั้นสวยไม่น้อย
เทียนหลางเชิญเธอนั่งพร้อมกับให้อ้านหลินนำน้ำชามาให้ จากนั้นเทียนหลางก็เอ่ยถามขึ้น
”ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงนั้นสนใจรูปสลักนักษัตรตัวไหนงั้นเหรอครับ ?”
หลังจากที่ได้ยินคำถามของเทียนหลางเธอก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น
”ดิฉันสนใจมันทั้งหมดเลยคะ ไม่ทราบว่าคุณจะขายให้ดิฉันได้หรือเปล่า ?”
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ได้สิครับคุณผู้หญิงส่วนราคานั้นผมคิดเพียงแค่ชิ้นละสี่สิบล้านเท่านั้นครับ ทั้งหมดก็จะเป็นสี่ร้อยแปดสิบล้านเหรียญ แต่เนื่องจากคุณผู้หญิงเป็นลูกค้ารายใหญ่คนแรกของผม ผมจะลดให้เหลือแค่สี่ร้อยห้าสิบล้านเหรียญก็แล้วกัน ไม่ทราบว่าคุณพอใจกับราคานี้ไหมครับ ?”
เทียนหลางคำนวนทุกอย่างเสร็จสรรพทำให้เธอตกใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น
”แน่นอนสิคะดิฉันพอใจมากกับราคานี้และต้องขอบคุณที่คุณลดราคาให้กับฉันด้วย”
เมื่อเธอพูดจบเทียนหลางก็สั่งให้เลขาของเธอโอนเงินเข้าบัญชีของเทียนหลางซึ่งเธอก็โอนมันเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเทียนหลางก็บอกกับอ้านหลินให้คนนั้นทำการแพ็ครูปสลักทั้งหมดอย่างรวดเร็วและรีบนำไปส่งมอบให้กับเธอ หลังจากที่ได้สินค้าแล้วเธอก็ขอตัวกลับไปทันที
หลังจากที่เธอกลับไปเทียนหลางก็ให้อ้านหลินสรุปยอดขายทั้งหมดในตอนนี้
”เนื่องจากเราพึ่งเปิดร้านได้เพียงสองชั่วโมงทำให้ยอดขายเราไม่มากนักซึ่งจากที่ได้รวมยอดแล้วทั้งหมดคือ สามล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นเหรียญค่ะ”
”งั้นเหรอ…”
เทียนหลางพูดออกมาอย่างสบาย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นและฝากงานทั้งหมดให้กับสามสาวส่วนเขานั้นขอตัวกลับก่อน หลังจากกลับมาถึงบ้านเทียนหลางก็นั่งจ่อมอยู่ที่ริมสระน้ำในสวนของเขาพร้อมกับคิดอะไรบางอย่าง
ในขณะนั้นเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น เมื่อเทียนหลางออกมาเปิดประตูก็พบว่าเป็นคนส่งพัสดุ
”คุณเทียนหลางใช่ไหมครับ ?”
”ใช่ครับ”
เทียนหลางตอบกลับด้วยความงุนงง
”ช่วยเซ็นรับพัสดุด้วยครับ”
เทียนหลางุนงงเล็กน้อยแต่ก็เซ็นรับมาแต่โดยดีจากนั้นพนักงานก็ยื่นกล่องใบหนึ่งให้กับเขาซึ่งด้านในเป็นอะไรเทียนหลางก็ไม่สามารถรู้ได้ เขารับพัสดุมาพร้อมกับเขย่ามันเบา ๆ แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรเทียนหลางจึงคิดจะเปิดมันเพื่อตรวจสอบดู
เทียนหลางกลับมาที่ห้องอ่านหนังสือพร้อมกับกล่องพัสดุก่อนจะเปิดมันอย่างช้า ๆ
”คงไม่มีใครบ้าพอส่งระเบิดมาให้ฉันหรอกมั้ง”
เมื่อเทียนหลางเปิดออกดูก็พบว่าไม่ใช่อะไรอย่างพวกระเบิดแต่เป็นเพียงกระจกทองเหลืองเท่านั้น
”ว๊า ~ หมดหนุกเลย ว่าแต่ใครมันส่งกระจกทองเหลืองเก่า ๆ นี่มาให้ฉันกันนะ”
เทียนหลางลูบ ๆ คลำ ๆ มันเล็กก่อนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างนั่นก็คือบนตัวกระจกนั้นถูกสลักด้วยอักขระโบราณระดับสูงจำนวนหนึ่งซึ่งจากที่เทียนหลางสำรวจดูก็พบว่ามันเป็นอักขระที่ไว้ใช้สำหรับสื่อสารทางไกล
แต่ใครกันที่ส่งของพวกนี้มาให้กับเขา ? หลังจากเทียนหลางครุ่นคิดอยู่สักพักตัวกระจกก็พลันส่องแสงสีทองออกมาทั่วห้องอ่านหนังสือ เมื่อแสงสว่างหายไปเทียนหลางก็ได้ยินเสียงคนคนหนึ่งพูดขึ้น
”ฮัลโหล ๆ นั่นใช่ท่านเทียนหลางรึเปล่า ?”
ใครกันหว่า ? เทียนหลางสงสัย
”ใช่ นี่ข้าเองว่าแต่เสียงเจ้านี่คุ้น ๆ ใครกันนะ”
”นี่ข้าน้อยเองท่านเทียนหลาง เจาน้อยไง”
เทียนหลางได้ยินก็ลูบคางคิดอยู่นิดนึงก่อนจะพูดขึ้น
”อ้อ…. เจ้านี่เอง เจาน้อย ไม่สิตอนนี้ข้าต้องเรียกเจ้าว่า องครักษ์สวรรค์เทาเจา”