เมื่อผู้อาวุโสหลินได้ยินก็ถึงกับตกใจเพราะเธอไม่คิดว่าจะเจอเทียนหลางที่นี้ เธอจ้องมองเขาที่กำลังยิ้มอยู่ก่อนจะพูดขึ้น
”คุณเลขาไป๋จะเป็นอะไรไหมคะถ้าฉันจะขอไปส่งเด็กหนุ่มคนนี้ด้วยตัวเอง”
เมื่อไป๋ซานได้ยินแบบนั้นก็หันมามองนายพลหลินเล็กน้อย ก่อนที่นายพลหลินจะพยักหน้าเชิงอนุญาตหลังจากได้รับอนุญาตแล้วผู้อาวุโสหลินก็พาเทียนหลางไปที่รถของเธอซึ่งเป็นรถยี่ห้อธรรมดาๆ แตกต่างจากสถานะของเธอที่เป็นถึงหลานของนายพล และเป็นผู้อาวุโสของสำนักใหญ่
”รถของผู้อาวุโสหลินแลดูจะธรรมดาไปเสียหน่อยสำหรับคนฐานะอย่างคุณนะ”
ผู้อาวุโสหลินได้ยินก็ยิ้มก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อมเล็กน้อย
”ได้โปรดอย่าเรียกฉันว่าผู้อาวุโสเลยค่ะ”
”ทำไมหล่ะ ?”
เทียนหลางถามด้วยความงุนงง ผู้อาวุโสหลินได้ยินก็ยิ้มเล้กน้อยพร้อมกับตอบกลับ
”หากเทียบกับคุณแล้วฉันเป็นได้เพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นฉันจึงไม่มีสิทที่จะเรียกตัวเองว่าผู้อาวุโสได้หรอกค่ะ กรุณาเรียกฉันว่าหลินฮัวฮัวดีกว่า”
เธอพูดพร้อมกับเปิดประตูรถ เมื่อเทียนหลางได้ฟังก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะขึ้นรถระหว่างทางนั้นทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนักส่วนตัวก็เพราะว่าทั้งคู่ไม่ได้รู้จักอะไรกันเคยเจอหน้ากันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่แล้วหลินฮัวฮัวก็พูดขึ้น
”ต้องขอบคุณ คุณจริงๆที่ครั้งก่อนได้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้”
เทียนหลางที่ได้ยินก็พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
”ไม่จำเป็นต้องคิดมากหรอก”
”แล้วทำไมจู่ๆ คุณถึงมาทำงานให้กับหน่วยรบพิเศษนี้ได้หล่ะคะ ?”
เมื่อได้ยินคำถามเทียนหลางก็พูดออกมาแบบติดตลกว่า
”ดูเหมือนว่าเลขาไป๋จะรู้วิธีหลอกล่อผมหน่ะ”
”หลอกล่อ ? ด้วยสิ่งใดกันคะฉันว่าผู้แข็งแกร่งระดับคุณนั้นไม่น่าจะมีสิ่งใดที่สามารถทำให้ลุ่มหลงได้เลย”
เทียนหลางได้ยินก็ยิ้มก่อนจะตอบคำถามของหลินฮัวฮัว
”เธอก็น่าจะรู้ว่าหนึ่งในปัจจัยของหนึ่งของการมีชีวิตรอดไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ตามสิ่งสำคัญก็คือเงิน หากไร้ซึ่งเงินตราก็ยากที่จะตามหาสิ่งที่ปรารถนา”
เมื่อได้ยินคำตอบของเทียนหลาง หลินฮัวฮัวก็พอจะเข้าใจอะไรมาบ้างเล็กน้อยเพราะดูจากอายุของฝ่ายตรงข้ามแล้วเขาคงพึ่งออกมาโลกภายนอกได้ไม่นานนักจึงยากที่มีเงินเป็นจำนวนมาก และทรัพยากรส่วนใหญ่ที่เหล่าผู้บ่มเพาะใช้กันนั้นก็มีราคาที่สูงเกินคนธรรมดาจะเอื้อมถึงจึงไม่แปลกนักที่เขานั้นจำเป็นจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก
”ถ้าหากคุณต้องการเงิน ฉันยินดีที่จะยกให้เพื่อเป็นการตอบแทนที่คุณได้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้”
”ไม่ดีกว่า ฉันไม่ค่อยชอบขอเงินใคร”
หลินฮัวฮัวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้และหยิบป้ายหยกออกมาจากกระเป๋าของเธอพร้อมกับมอบมันให้กับเทียนหลาง เขามองมันอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยถามกับหลินฮัวฮัว
”สิ่งนี้คือ ?”
”มันคือตราที่ทำให้คุณสามารถเข้าร่วมงานประมูลร้อยสำนักได้”
”งานประมูลร้อยสำนัก ?”
”ถูกต้อง ทุกๆ 10ปีเหล่าสำนักมากมายจะมารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรแต่ก็ยังมีหลายสำนักเช่นกันที่นำทรัพยากรของตัวเองออกมาขายหรือประมูลดังนั้นเหล่านิกายลึกลับจึงจัดงานประมูลร้อยสำนักขึ้นมา”
เทียนหลางที่ได้ฟังก็พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับถึงเรื่องของงานประมูลร้อยสำนัก แม้เขาจะรู้ว่าสำนักพวกนี้นั้นยากจนทรัพยากรก็ตามแต่กลับกันคนพวกนี้กลับร่ำรวยเงินทองจนทำให้เขาตกใจ หากเขาเอาเทคนิคบางอย่างไปร่วมประมูลก็คงจะได้เงินมาจากคนพวกนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เขาขบคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบตกลงที่ไปร่วมงานประมูลหลังจากตอบตกลงแล้วหลินฮัวฮัวก็มอบกระดาษที่เขียนวันเวลา และสถานที่จัดงานประมูลให้กับเทียนหลางก่อนจะส่งเขาที่ตลาดทองคำและกลับไปของเธอต่อ ส่วนเทียนหลางก็กลับบ้านเพราะตอนนี้เป็นช่วงเย็นแล้วหากกลับช้าเกรงว่าเฟิงหยวนจะโกรธเอา
หลังมื้อเย็นเทียนหลางก็บอกเรื่องหน่วยพิเศษและงานประมูลร้อยสำนักกับเฟิงหยวนในขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งกินขนมกันอยู่ เมื่อเฟิงหยวนได้ฟังก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยก่อนจะพูดติดตลก
”เมื่อไหร่กันที่คุณกลายเป็นทาสของเงิน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็ลูบคางเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง
”ก็ตั้งแต่ที่คุณคิดจะให้ผมมีภรรยาหลายคนนั่นแหละ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเทียนหลาง เฟิงหยวนก็ทำหน้ามุ้ยก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงงอนเล็กน้อย
”ฉันละอุส่าช่วยหาคนมาแบ่งเบาภาระให้กับคุณ ดูคุณพูดสิมันเหมือนกับเป็นภาระอย่างงั้นแหละ”
”ผมไม่ได้บอกว่ามันเป็นภาระสักหน่อย แล้วคุณคิดยังไงกับเรื่องงานพิเศษของผม”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”มันก็ดีแหละนะ แต่อย่าทำอะไรโดดเด่นมากเกินไปเสียล่ะไม่งั้นพวกมันอาจคิดหาประโยชน์จากความแข็งแกร่งของคุณก็ได้”
เมื่อเทียนหลางได้ยินก็ยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
”คุณอย่าคิดมากเลย ผมไม่โดนหลอกใช้ง่ายขนาดนั้นหรอก อีกอย่างผมสามารถเลือกทำงานเองได้ฉะนั้นผมก็พอจะมีข้อต่อรองอยู่บ้าง”
”ขอให้มันจริงเถอะ”
”คุณนี่คิดมากอยู่ตลอดเลยนะ”
”แน่ละ ใครใช้ให้คุณเป็นคนไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังล่ะ แล้วไหนจะเรื่องของแดนสวรรค์ตอนนี้ที่กำลังปั่นป่วนอยู่อีกและดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกนี้ด้วย”
เมื่อได้ยินภรรยาของตัวเองบ่นเป็นฝืนเป็นไฟเขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นและไปที่ด้านหลังของเธอพร้อมกับค่อยๆ นวดไหล่ให้เธอผ่อนคลาย
”คุณผ่อนคลายลงหน่อยก็ได้ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดอีกอย่างคุณไม่ต้องห่วงเรื่องของคนที่แดนสวรรค์หรอกหากพวกเขาเข้าตาจนจริงๆ เหล่ามหาเทพต้องยื่นมือเข้ามาช่วยแน่นอน”
”หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
…………………………………………………………………………………………………..
ณ ชายหาดที่เมืองจิงไห่
นายพลหลินกำลังยืนมองทะเลในยามค่ำคืนพร้อมกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนจะหันไปถามคนที่กำลังเดินเข้ามาจากด้านหลังของเขา
”ประวัติของเขาเป็นยังไงบ้าง ?”
ชายที่กำลังเดินเข้ามาเมื่อได้ยินคำถามก็หยุดพร้อมกับทำท่าทำความเคารพพร้อมกับรายงาน
”ประวัติของเขาออกจะแปลกเล็กน้อยครับท่านนายพล”
”แปลกงั้นเหรอ ? แปลกยังไง ?”
”ครับ ครอบครัวของเขานั้นมีกันทั้งหมด 3 คนซึ่งนอกจากตัวเขาแล้วก็มีเพียงพ่อและแม่เท่านั้น ครอบครัวของเขาทำธุรกิจเปิดร้านอาหารเล็กๆ เท่านั้นซึ่งไม่ได้ขายดีอะไรมากนัก ส่วนประวัติทางโรงเรียนของเขานั้นออกจะดูแปลกเล็กน้อยเพราะจากที่เราได้ไปสอบถามเพื่อนร่วมชั้น หรืออาจารย์แล้วกลับพบว่าเขานั้นเป็นเพียงนักเรียนที่อ่อนแอและถูกกลั่นแกล้งอยู่บ่อยครั้ง แต่มาเมื่อเกือบสองเดือนก่อนเขาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาได้ทำร้ายเพื่อนร่วมห้องที่เคยกลั่นแกล้งเขา ฐานะทางบ้านเปลี่ยนแปลงไปจากครอบครัวธรรมดาๆ กลายเป็นเศรษฐีในไม่กี่วัน ร้านอาหารของครอบครัวเขาจากร้านเล็กๆ ก็ได้กลายเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ที่โด่งดังในย่านนั้นไปเสียแล้ว แถมยังมีบ้านหรูอยู่ในย่านชนชั้นสูงพร้อมกับรถราคาแพงอีกหลายคัน”
เมื่อนายพลหลินได้ยินรายงานก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม
”นายคิดว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ?”
”ผมคิดว่าการที่เขาโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียนนั้นเป็นการแสดงของเขาเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุจนเกินไป”
”แล้วอะไรที่เป็นจุดเปลี่ยนของเขาละ ?”
”จากการสืบสวนแล้วดูเหมือนว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับหลินเสวี่ยหลานสาวของหลินจินทง บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้หลินจินทงและลูกชายประทับก็เป็นได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นนายพลหลินก็หัวเราะเล็กน้อย
”ความรักย่อมทำให้ผู้คนเปลี่ยนแปลงเสมอ”
”แล้วเราจะให้เขาทำงานกับเราจริงๆ งั้นเหรอครับ ? บางจุดในประวัติของเขาออกจะดูคลุมเครือไปสักหน่อยเกรงว่าเขาอาจจะเป็นสายลับของต่างชาติ หรือไม่ก็พวกผู้ก่อการร้ายก็ได้”
นายพลหลินที่ได้ยินก็ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
”เราไว้ใจเขาได้ นายไม่ต้องห่วงหรอก”
”ท่านนายพล ท่านแน่ใจงั้นเหรอครับ ?”
”แน่นอนหลานสาวฉันบอกมาแบบนั้น นายก็รู้นี่ว่าหลานสาวของฉันเก่งเรื่องมองคนขนาดไหน”
ชายคนนั้นได้ยินที่นายพลพูดเขาก็อยากจะขัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเขารู้ดีว่าหลินฮัวฮัวหลานสาวของนายพลหลินนั้นเชื่อถือได้ขนาดไหนเพราะคนในหน่วยหมาป่าทั้งหมดนั้นหลินฮัวฮัวเธอเป็นคนคัดเลือดมาเองทั้งหมด รวมถึงตัวเขาเองด้วยดังนั้นเขาจึงไม่ได้โต้แย้งอะไร เขาเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยถามกับนายพลหลิน
”แล้วเราจะให้ภาระกิจแรกกับเขาเลยไหมครับ ?”
นายพลหลินได้ยินก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้นพร้อมกับรับแฟ้มมาจากชายคนนั้น
”แน่นอนสิ ในเมื่อเรารับเขามาแล้วก็ต้องถือโอกาสใช้เขาเสียหน่อย”
หลังจากเปิดแฟ้มไปมาสักพักเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง
”ดูเหมือนภาระกิจแรกของเจ้าหนูนั่นจะเจองานหนักเลยทีเดียว”
—————————————–
เมื่อผู้อาวุโสหลินได้ยินก็ถึงกับตกใจเพราะเธอไม่คิดว่าจะเจอเทียนหลางที่นี้ เธอจ้องมองเขาที่กำลังยิ้มอยู่ก่อนจะพูดขึ้น
”คุณเลขาไป๋จะเป็นอะไรไหมคะถ้าฉันจะขอไปส่งเด็กหนุ่มคนนี้ด้วยตัวเอง”
เมื่อไป๋ซานได้ยินแบบนั้นก็หันมามองนายพลหลินเล็กน้อย ก่อนที่นายพลหลินจะพยักหน้าเชิงอนุญาตหลังจากได้รับอนุญาตแล้วผู้อาวุโสหลินก็พาเทียนหลางไปที่รถของเธอซึ่งเป็นรถยี่ห้อธรรมดาๆ แตกต่างจากสถานะของเธอที่เป็นถึงหลานของนายพล และเป็นผู้อาวุโสของสำนักใหญ่
”รถของผู้อาวุโสหลินแลดูจะธรรมดาไปเสียหน่อยสำหรับคนฐานะอย่างคุณนะ”
ผู้อาวุโสหลินได้ยินก็ยิ้มก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อมเล็กน้อย
”ได้โปรดอย่าเรียกฉันว่าผู้อาวุโสเลยค่ะ”
”ทำไมหล่ะ ?”
เทียนหลางถามด้วยความงุนงง ผู้อาวุโสหลินได้ยินก็ยิ้มเล้กน้อยพร้อมกับตอบกลับ
”หากเทียบกับคุณแล้วฉันเป็นได้เพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นฉันจึงไม่มีสิทที่จะเรียกตัวเองว่าผู้อาวุโสได้หรอกค่ะ กรุณาเรียกฉันว่าหลินฮัวฮัวดีกว่า”
เธอพูดพร้อมกับเปิดประตูรถ เมื่อเทียนหลางได้ฟังก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะขึ้นรถระหว่างทางนั้นทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนักส่วนตัวก็เพราะว่าทั้งคู่ไม่ได้รู้จักอะไรกันเคยเจอหน้ากันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่แล้วหลินฮัวฮัวก็พูดขึ้น
”ต้องขอบคุณ คุณจริงๆที่ครั้งก่อนได้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้”
เทียนหลางที่ได้ยินก็พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
”ไม่จำเป็นต้องคิดมากหรอก”
”แล้วทำไมจู่ๆ คุณถึงมาทำงานให้กับหน่วยรบพิเศษนี้ได้หล่ะคะ ?”
เมื่อได้ยินคำถามเทียนหลางก็พูดออกมาแบบติดตลกว่า
”ดูเหมือนว่าเลขาไป๋จะรู้วิธีหลอกล่อผมหน่ะ”
”หลอกล่อ ? ด้วยสิ่งใดกันคะฉันว่าผู้แข็งแกร่งระดับคุณนั้นไม่น่าจะมีสิ่งใดที่สามารถทำให้ลุ่มหลงได้เลย”
เทียนหลางได้ยินก็ยิ้มก่อนจะตอบคำถามของหลินฮัวฮัว
”เธอก็น่าจะรู้ว่าหนึ่งในปัจจัยของหนึ่งของการมีชีวิตรอดไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ตามสิ่งสำคัญก็คือเงิน หากไร้ซึ่งเงินตราก็ยากที่จะตามหาสิ่งที่ปรารถนา”
เมื่อได้ยินคำตอบของเทียนหลาง หลินฮัวฮัวก็พอจะเข้าใจอะไรมาบ้างเล็กน้อยเพราะดูจากอายุของฝ่ายตรงข้ามแล้วเขาคงพึ่งออกมาโลกภายนอกได้ไม่นานนักจึงยากที่มีเงินเป็นจำนวนมาก และทรัพยากรส่วนใหญ่ที่เหล่าผู้บ่มเพาะใช้กันนั้นก็มีราคาที่สูงเกินคนธรรมดาจะเอื้อมถึงจึงไม่แปลกนักที่เขานั้นจำเป็นจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก
”ถ้าหากคุณต้องการเงิน ฉันยินดีที่จะยกให้เพื่อเป็นการตอบแทนที่คุณได้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้”
”ไม่ดีกว่า ฉันไม่ค่อยชอบขอเงินใคร”
หลินฮัวฮัวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้และหยิบป้ายหยกออกมาจากกระเป๋าของเธอพร้อมกับมอบมันให้กับเทียนหลาง เขามองมันอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยถามกับหลินฮัวฮัว
”สิ่งนี้คือ ?”
”มันคือตราที่ทำให้คุณสามารถเข้าร่วมงานประมูลร้อยสำนักได้”
”งานประมูลร้อยสำนัก ?”
”ถูกต้อง ทุกๆ 10ปีเหล่าสำนักมากมายจะมารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรแต่ก็ยังมีหลายสำนักเช่นกันที่นำทรัพยากรของตัวเองออกมาขายหรือประมูลดังนั้นเหล่านิกายลึกลับจึงจัดงานประมูลร้อยสำนักขึ้นมา”
เทียนหลางที่ได้ฟังก็พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับถึงเรื่องของงานประมูลร้อยสำนัก แม้เขาจะรู้ว่าสำนักพวกนี้นั้นยากจนทรัพยากรก็ตามแต่กลับกันคนพวกนี้กลับร่ำรวยเงินทองจนทำให้เขาตกใจ หากเขาเอาเทคนิคบางอย่างไปร่วมประมูลก็คงจะได้เงินมาจากคนพวกนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เขาขบคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบตกลงที่ไปร่วมงานประมูลหลังจากตอบตกลงแล้วหลินฮัวฮัวก็มอบกระดาษที่เขียนวันเวลา และสถานที่จัดงานประมูลให้กับเทียนหลางก่อนจะส่งเขาที่ตลาดทองคำและกลับไปของเธอต่อ ส่วนเทียนหลางก็กลับบ้านเพราะตอนนี้เป็นช่วงเย็นแล้วหากกลับช้าเกรงว่าเฟิงหยวนจะโกรธเอา
หลังมื้อเย็นเทียนหลางก็บอกเรื่องหน่วยพิเศษและงานประมูลร้อยสำนักกับเฟิงหยวนในขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งกินขนมกันอยู่ เมื่อเฟิงหยวนได้ฟังก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยก่อนจะพูดติดตลก
”เมื่อไหร่กันที่คุณกลายเป็นทาสของเงิน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็ลูบคางเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง
”ก็ตั้งแต่ที่คุณคิดจะให้ผมมีภรรยาหลายคนนั่นแหละ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเทียนหลาง เฟิงหยวนก็ทำหน้ามุ้ยก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงงอนเล็กน้อย
”ฉันละอุส่าช่วยหาคนมาแบ่งเบาภาระให้กับคุณ ดูคุณพูดสิมันเหมือนกับเป็นภาระอย่างงั้นแหละ”
”ผมไม่ได้บอกว่ามันเป็นภาระสักหน่อย แล้วคุณคิดยังไงกับเรื่องงานพิเศษของผม”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”มันก็ดีแหละนะ แต่อย่าทำอะไรโดดเด่นมากเกินไปเสียล่ะไม่งั้นพวกมันอาจคิดหาประโยชน์จากความแข็งแกร่งของคุณก็ได้”
เมื่อเทียนหลางได้ยินก็ยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
”คุณอย่าคิดมากเลย ผมไม่โดนหลอกใช้ง่ายขนาดนั้นหรอก อีกอย่างผมสามารถเลือกทำงานเองได้ฉะนั้นผมก็พอจะมีข้อต่อรองอยู่บ้าง”
”ขอให้มันจริงเถอะ”
”คุณนี่คิดมากอยู่ตลอดเลยนะ”
”แน่ละ ใครใช้ให้คุณเป็นคนไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังล่ะ แล้วไหนจะเรื่องของแดนสวรรค์ตอนนี้ที่กำลังปั่นป่วนอยู่อีกและดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกนี้ด้วย”
เมื่อได้ยินภรรยาของตัวเองบ่นเป็นฝืนเป็นไฟเขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นและไปที่ด้านหลังของเธอพร้อมกับค่อยๆ นวดไหล่ให้เธอผ่อนคลาย
”คุณผ่อนคลายลงหน่อยก็ได้ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดอีกอย่างคุณไม่ต้องห่วงเรื่องของคนที่แดนสวรรค์หรอกหากพวกเขาเข้าตาจนจริงๆ เหล่ามหาเทพต้องยื่นมือเข้ามาช่วยแน่นอน”
”หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
…………………………………………………………………………………………………..
ณ ชายหาดที่เมืองจิงไห่
นายพลหลินกำลังยืนมองทะเลในยามค่ำคืนพร้อมกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนจะหันไปถามคนที่กำลังเดินเข้ามาจากด้านหลังของเขา
”ประวัติของเขาเป็นยังไงบ้าง ?”
ชายที่กำลังเดินเข้ามาเมื่อได้ยินคำถามก็หยุดพร้อมกับทำท่าทำความเคารพพร้อมกับรายงาน
”ประวัติของเขาออกจะแปลกเล็กน้อยครับท่านนายพล”
”แปลกงั้นเหรอ ? แปลกยังไง ?”
”ครับ ครอบครัวของเขานั้นมีกันทั้งหมด 3 คนซึ่งนอกจากตัวเขาแล้วก็มีเพียงพ่อและแม่เท่านั้น ครอบครัวของเขาทำธุรกิจเปิดร้านอาหารเล็กๆ เท่านั้นซึ่งไม่ได้ขายดีอะไรมากนัก ส่วนประวัติทางโรงเรียนของเขานั้นออกจะดูแปลกเล็กน้อยเพราะจากที่เราได้ไปสอบถามเพื่อนร่วมชั้น หรืออาจารย์แล้วกลับพบว่าเขานั้นเป็นเพียงนักเรียนที่อ่อนแอและถูกกลั่นแกล้งอยู่บ่อยครั้ง แต่มาเมื่อเกือบสองเดือนก่อนเขาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาได้ทำร้ายเพื่อนร่วมห้องที่เคยกลั่นแกล้งเขา ฐานะทางบ้านเปลี่ยนแปลงไปจากครอบครัวธรรมดาๆ กลายเป็นเศรษฐีในไม่กี่วัน ร้านอาหารของครอบครัวเขาจากร้านเล็กๆ ก็ได้กลายเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ที่โด่งดังในย่านนั้นไปเสียแล้ว แถมยังมีบ้านหรูอยู่ในย่านชนชั้นสูงพร้อมกับรถราคาแพงอีกหลายคัน”
เมื่อนายพลหลินได้ยินรายงานก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม
”นายคิดว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ?”
”ผมคิดว่าการที่เขาโดนกลั่นแกล้งในโรงเรียนนั้นเป็นการแสดงของเขาเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุจนเกินไป”
”แล้วอะไรที่เป็นจุดเปลี่ยนของเขาละ ?”
”จากการสืบสวนแล้วดูเหมือนว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับหลินเสวี่ยหลานสาวของหลินจินทง บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้หลินจินทงและลูกชายประทับก็เป็นได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นนายพลหลินก็หัวเราะเล็กน้อย
”ความรักย่อมทำให้ผู้คนเปลี่ยนแปลงเสมอ”
”แล้วเราจะให้เขาทำงานกับเราจริงๆ งั้นเหรอครับ ? บางจุดในประวัติของเขาออกจะดูคลุมเครือไปสักหน่อยเกรงว่าเขาอาจจะเป็นสายลับของต่างชาติ หรือไม่ก็พวกผู้ก่อการร้ายก็ได้”
นายพลหลินที่ได้ยินก็ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
”เราไว้ใจเขาได้ นายไม่ต้องห่วงหรอก”
”ท่านนายพล ท่านแน่ใจงั้นเหรอครับ ?”
”แน่นอนหลานสาวฉันบอกมาแบบนั้น นายก็รู้นี่ว่าหลานสาวของฉันเก่งเรื่องมองคนขนาดไหน”
ชายคนนั้นได้ยินที่นายพลพูดเขาก็อยากจะขัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเขารู้ดีว่าหลินฮัวฮัวหลานสาวของนายพลหลินนั้นเชื่อถือได้ขนาดไหนเพราะคนในหน่วยหมาป่าทั้งหมดนั้นหลินฮัวฮัวเธอเป็นคนคัดเลือดมาเองทั้งหมด รวมถึงตัวเขาเองด้วยดังนั้นเขาจึงไม่ได้โต้แย้งอะไร เขาเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยถามกับนายพลหลิน
”แล้วเราจะให้ภาระกิจแรกกับเขาเลยไหมครับ ?”
นายพลหลินได้ยินก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้นพร้อมกับรับแฟ้มมาจากชายคนนั้น
”แน่นอนสิ ในเมื่อเรารับเขามาแล้วก็ต้องถือโอกาสใช้เขาเสียหน่อย”
หลังจากเปิดแฟ้มไปมาสักพักเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง
”ดูเหมือนภาระกิจแรกของเจ้าหนูนั่นจะเจองานหนักเลยทีเดียว”
—————————————–