หลังจากจัดการปัญหาเล็กๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วเทียนหลางก็ถูกคุณหนูตงเสวียพามาที่ห้องของแม่เธอโดยที่มีพ่อบ้านเดินตามหลังมาติดๆ เมื่อมาถึงเทียนหลางก็พบว่าคุณนายตงเสวียนั้นดูดีกว่าเมื่อก่อนมากจากร่างกายที่ดูผอมแห้งตอนนี้กลับมีน้ำมีนวลขึ้นและลมหายใจที่แผ่นเบานั้นกลับมาเป็นปกติเช่นเดิม
เทียนหลางตรวจชีพจรของเธอเล็กน้อยก่อนจะแสดงสีหน้าตกใจออกมาและเปลี่ยนกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ที่เทียนหลางตกใจนั้นไม่ใช่เพราะความงามของคุณนายตงเสวียแต่หรือสภาพร่างกายของเธอแต่เพราะเทียนหลางสัมผัสได้ถึงปราณธาตุวารีที่อยู่ในร่างกายของเธอ
ปราณวารีนั้นเป็นเหมือนกับธาตุประจำตัวของคนนั้นๆ ผู้ที่มีปราณธาตุนั้นจะสามารถฝึกฝนเทคนิคจำเพาะธาตุนั้นๆ ได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าคนอื่นๆ ที่ไม่มีปราณธาตุจำเพาะในโลกแห่งการบ่มเพาะปราณธาตุนั้นถูกเรียกว่าขีดจำกัดสายเลือดเหตุที่เรียกอย่างงี้เพราะผู้ที่จะมีปราณธาตุได้นั้นจะต้องมีพ่อแม่หรือบรรพบุรุษที่มีปราณธาตุใดธาตุหนึ่งอยู่ในร่างกาย
ดังนั้นผู้ที่มีปราณธาตุจึงถูกจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในชนชั้นสูงของโลกผู้บ่มเพาะเลยทีเดียวเพราะความแข็งแกร่งที่พิเศษของพวกเขา แต่เทียนหลางไม่คิดเลยว่าเขาจะมาเจอผู้ที่มีปราณธาตุอยู่ในร่างกายของคนจากโลกนี้เป็นไปได้ว่าต้นตระกูลหรือบรรพบุรุษของคุณนายตงเสวียนั้นจะเป็นผู้บ่มเพาะ
เทียนหลางค่อยๆ ตรวจร่างกายของคุณนายตงเสวียช้าๆ แต่เขาก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่าในตันเถียนของเธอนั้นมีปราณกระบี่ฝังอยู่ซึ่งมันทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอลงเรื่อยๆ จนทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูได้โชคดีที่ขวดยาที่เทียนหลางเคยให้พ่อบ้านไปนั้นมีส่วนผสมของยาทิพย์ทำให้มันสามารถสะกดพลังของปราณกระบี่ในตันเถียนของเธอได้ชั่วคราวจึงทำให้ร่างกายของเธอสามารถฟื้นตัวได้ตามปกติแต่ถึงอย่างงั้นหากไม่กำจัดปราณกระบี่ที่อยู่ในตันเถียนของเธอออกในอนาคตมันอาจจะทำร้ายเธอก็เป็นได้
เทียนหลางถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะหันมาบอกกับคุณหนูตงเสวียว่า
”ร่างกายของแม่คุณแข็งแรงพอที่จะได้รับการรักษาแล้ว แต่มันอาจจะยุ่งยากเล็กน้อย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นคุณหนูตงเสวียก็แสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาทันทีพร้อมกับเอ่ยถาม
”แล้วคุณสามารถรักษาคุณแม่ของฉันได้ไหม ?”
”ผมบอกว่ามันยุ่งยาก ไม่ใช่ว่ารักษาไม่ได้แต่ผมขอให้พวกคุณออกไปจากห้องก่อนการรักษาต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากและไม่สามารถผิดพลาดได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลางคุณหนูตงเสวียก็มองเขาสลับกับมองแม่ของเธอก่อนจะยอมตัดใจออกไปจากห้องพร้อมกับพ่อบ้านชรา หลังจากทั้งคู่ออกไปจากห้องแล้วเทียนหลางก็หันมารักษาคุณนายตงเสวียต่อแม้การกำจัดปราณกระบี่ออกจากตันเถียนของเธอจะง่ายดายก็ตามแต่หากไม่ระวังเขาก็อาจจะผลั้งมือฆ่าเธอโดยที่ไม่ตั้งใจก็เป็นได้
เทียนหลางควบคุมปราณศักสิทธิ์ของตัวเองและบังคับมันให้ค่อยๆ สลายปราณกระบี่ในตันเถียนของคุณนายตงเสวียอย่างช้าๆ น่าตกใจที่ปราณกระบี่ที่อยู่ข้างในนั้นมีร่องรอยของปราณธาตุอัคคีปนอยู่ด้วยทำเอาเทียนหลางแปลกใจไม่น้อย แม้ว่าผู้ที่มีปราณธาตุในร่างกายจะหาได้ไม่ยากนักในโลกผู้บ่มเพาะแต่มันจะต่างกันเมื่อเขาค้นหาผู้ที่มีปราณธาตุในโลกที่การบ่มเพาะถดถอยอย่างเช่นในโลกนี้นั้นการที่เขาจะเจอผู้ที่มีปราณธาตุนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในล้านหรือสิบล้านเลยก็ได้
เทียนหลางค่อยๆ ลบล้างปราณกระบี่ออกจากตันเถียนอย่างเบามือซึ่งไม่นานนักก็สำเร็จไปได้ด้วยดีเขาถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะบ่นพึมพำ
”ช่างเป็นวิธีที่หยาบกร้านยิ่งนัก”
หลังจากลบล้างปราณกระบี่ออกไปแล้วเทียนหลางก็ค่อยๆ ใช้พลังของเขาช่วยในการฟื้นฟูอวัยวะภายในของคุณนายตงเสวียเมื่อปราณกระบี่ที่สะกดข่มอัตราฟื้นฟูร่างกายหมดไป ร่างกายของคุณนายตงเสวียก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
เทียนหลางถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะคิดถึงเรื่องที่ทำไมถึงมีปราณกระบี่อยู่ในตันเถียนของคุณนายตงเสวียได้เพราะจากที่ตรวจสอบแล้วแม้เธอจะมีปราณวารีอยู่ในร่างกายแต่เธอไม่ได้เป็นผู้บ่มเพาะดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่จะเกิดการต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะเกิดขึ้นกับเธอและการที่ผู้บ่มเพาะคนหนึ่งจะสามารถฝังปราณกระบี่ใส่ในตันเถียนของผู้อื่นได้ย่อมต้องไม่ใช่ผู้บ่มเพาะระดับต่ำอย่างแน่นอน
เขาคิดอยู่สักก่อนจะเลิกสนใจมันเพราะนี่เป็นปัญหาของตระกูลตงเสวียดังนั้นเขาจึงไม่อยากเก็บมาคิดให้ปวดหัว เพราะถ้าหากมันจะเกี่ยวกับเขายังไงสักวันหนึ่งมันก็จะดึงเขาเข้าไปเองอยู่ดี ดังนั้นกังวลไปตอนนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักหลังจากที่เทียนหลางรักษาคุณนายตงเสวียโดยที่เขานั้นใช้ปราณศักสิทธิ์ของเขาช่วยในการฟื้นฟูร่างกายของเธอจนสมบูรณ์ในที่สุดคุณนางตงเสวียก็ลืมตาตื่นขึ้น
เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็พบเห็นเด็กหนุ่มแปลกหน้านั่นทำให้เธอสงสัยจนถึงกับเอ่ยถามออกมา
”เธอเป็นใคร ?”
เทียนหลางได้ยินก็ลุกขึ้นก่อนจะตอบ
”ผมชื่อเทียนหลาง ผมมารักษาคุณ”
”รักษาฉันงั้นเหรอ ?”
เธอถามออกมาด้วยความงุนงงซึ่งเทียนหลางก็ทำได้เพียงพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น
”เอาเป็นว่าคุณถามเรื่องนี้กับลูกสาวของคุณเองก็แล้วกัน ผมทำหน้าที่ของผมเรียบร้อยแล้วคงต้องขอตัวก่อน”
เมื่อเทียนหลางพูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป เมื่อเปิดประตูออกมาเขาก็เห็นว่าคุณหนูตงเสวียกำลังนั่งอยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าเป็นกังวลเมื่อเธอเห็นเทียนหลางเดินออกมาจากห้องเธอก็รีบพุ่งเข้ามาหาเขาทันทีพร้อมกับถามถึงอาการของแม่เธอ
”ทุกอย่างเรียบร้อยดี เธอตื่นแล้วคุณเข้าไปเถอะ”
ทันทีที่คุณหนูตงเสวียได้ยินคำพูดของเทียนหลางน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาพร้อมกับกอดเทียนหลางไว้อย่างเหนียวแน่นและกล่าวขอบคุณก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องของแม่เธอ เหลือทิ้งไว้เพียงเขากับพ่อบ้านชราเท่านั้นหลังจากที่อยู่
เทียนหลางหันไปมองพ่อบ้านชราเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
”ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับคุณนายตงเสวียกันแน่ครับ ?”
เมื่อได้ยินคำถามพ่อบ้านชราก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าสำนึกผิด
”ดูเหมือนว่าศัตรูของตระกูลตงเสวียจะทำร้ายคุณผู้หญิงนะครับ ส่วนเรื่องรายละเอียดผมไม่สามารถบอกได้”
เทียนหลางที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย
”ถ้าเป็นอย่างงั้นผมก็จะไม่ซักไซร้แต่ผมอยากเตือนเอาไว้ว่าจะทำอะไรก็ควรจะระวังไว้สักหน่อย ครั้งหน้าอาจไม่โชคดีแบบนี้อีก”
”ขอบคุณที่เตือนขอรับคุณชายเทียน”
เมื่อเห็นว่าพ่อบ้านชราตอบรับคำเตือนของเขาๆ ก็ทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อยเพราะที่สุดแล้วเทียนหลางก็คงช่วยได้เท่านี้เพราะนี่เป็นเรื่องของตระกูลตงเสวียไม่ใช่เรื่องของเขา ในขณะที่เทียนหลางกำลังจะขอตัวกลับคุณหนูตงเสวียก็เปิดประตูห้องออกมาพร้อมกับพูดว่า
”คุณชายเทียนเข้ามาก่อนสิคะ คุณแม่ต้องการจะพบคุณ”
เมื่อเทียนหลางได้ยินก็แสดงสีหน้าสงสัยออกมาก่อนจะเดินตามคุณหนูตงเสวียเข้าไปด้านใน เมื่อเข้ามาเทียนหลางก็พบกับคุณนายตงเสวียที่กำลังนั่งมองเขาอยู่ทันทีที่เธอเห็นเทียนหลางเดินเข้ามาเธอก็ก้มหัวลงเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวขอบคุณ
”ต้องขอบคุณเธอจริงๆ ที่ช่วยฉันเอาไว้”
”ไม่เป็นไรครับ อีกอย่างนี่ก็ถือว่าเป็นการแสดงความจริงใจในการร่วมมือพัฒนาย่านอสังหาของผมและคุณหนูตงเสวียด้วยเช่นกัน”
เมื่อคุณนายตงเสวียได้ยินคำพูดของเทียนหลางเธอก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา
”ส่วนเรื่องค่ารักษานั้นฉันจะจ่ายให้อย่างงามเลย”
เทียนหลางส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้น
”เรื่องค่าตอบแทนคุณหนูตงเสวียได้จ่ายผมมาแล้วละครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลางทั้งสองคนก็ต่างงุนงง แต่ครู่ต่อมาคุณหนูตงเสวียก็เหมือนจะรู้แล้วว่าค่ารักษาที่เทียนหลางพูดนั้นคืออะไรทำให้แก้มของเธอถึงกับเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็วคุณหนูตงเสวียอดทนไม่ได้จึงได้แต่หันหน้าหนีไปซุกใต้ผ้าห่ม เมื่อเทียนหลางและคุณนายตงเสวียได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาในขณะที่ทั้งคู่กำลังหัวเราะอยู่นั้นเทียนหลางก็นึกขึ้นได้ว่าเขานั้นยังมีงานต่อที่ศูนย์บัญชาการของหน่วยหมาป่าเรื่องของภาระกิจแรกของเขา
แม้เขาจะไม่รู้ว่าภาระกิจแรกของเขานั้นนายพลหลินจะให้เขาไปทำอะไรแต่ถ้าหากเขาทำภาระกิจล้มเหลวแล้วละก็เรื่องข้อตกลงทั้งหมดก็คงต้องพังทลายลง แล้วมีโอกาสที่ทางรัฐบาลจะกลายเป็นศัตรูกับเขาด้วยแม้มันจะน้อยก็ตามแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เพราะพวกรัฐบาลเหล่านี้มักรับไม่ได้กับข้อผิดพลาดและมักจะหาทางปกปิดเรื่องของตัวเองอยู่เสมอๆ
เมื่อเห็นว่าสองแม่ลูกกำลังมีความสุขกันเทียนหลางก็ขอตัวกลับทันที
”ในเมื่อหน้าที่ของผมเรียบร้อยแล้ว ผมก็คงจะต้องขอตัวกลับก่อน”
คุณหนูตงเสวียเมื่อได้ยินว่าเทียนหลางกำลังจะกลับก็หันมาพูดว่า
”คุณจะกลับแล้วงั้นเหรอ ? ไม่อยู่ดูอาการของคุณแม่อีกสักหน่อยงั้นเหรอ ?”
”ในตอนนี้โรคร้ายของคุณนายได้ถูกกำจัดออกไปจนหมดแล้วที่เหลือก็เพียงรอให้ร่างกายของคุณนายฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติเพราะคุณนายนั้นได้นอนอยู่เฉยๆ เป็นเวลานานอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าจะกลับมาเดินเหินและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ส่วนเรื่องสุขภาพนั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”
”เข้าใจแล้ว”
คุณหนูตงเสวียพยักหน้ายอมรับแม้ว่าเธออยากจะให้เทียนหลางอยู่ต่ออีกสักหน่อยแต่เธอก็รู้ว่าเขานั้นอาจจะมีธุระต่ออีกจึงไม่ได้รั้งเอาไว้ เทียนหลางยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น
”ส่วนเรื่องการร่วมมือของเราทั้งคู่นั้นหากคุณหนูตงเสวียไปเที่ยวที่เมืองจิงไห่เมื่อไหร่ ผมจะพาไปดูสถานที่และบอกถึงแผนการทั้งหมดให้ฟัง”
”เข้าใจแล้วค่ะ”
”ถ้างั้นผมขอตัวก่อน”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ก้มหัวลงเล็กน้อยก่อนที่ร่างกายของเขาจะค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ ต่อหน้าของสองแม่ลูกทำเอาทั้งคู่ถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้างทางด้านของพ่อบ้านชราที่คอยสังเกตุอยู่ด้านนอกเมื่อสัมผัสว่าจู่ๆ เทียนหลางก็หายไปทำให้เขารีบเปิดประตูเข้ามาในห้องและเมื่อเข้ามาเขาก็ไม่เห็นเทียนหลางอยู่ข้างในห้องแล้วทำให้เขาถึงกับตกใจเป็นอย่างมากพร้อมกับคิดเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ
ทางด้านเมื่อคุณหนูตงเสวียสงบสติได้แล้วเธอก็หันมาพูดกับพ่อบ้านชรา
”คุณปู่เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอค่ะ ?”
เมื่อพ่อบ้านชราได้ยินคำถามก็ลูบคางเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”นั่นอาจจะเป็นวิชาเคลื่อนย้ายของเหล่านิกายลึกลับนะขอรับคุณหนู”
”มันมีวิชาอะไรแบบนี้ด้วยงั้นเหรอคะ ?”
พ่อบ้านชราพยักหน้า
”โลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์นั้นแสนกว้างใหญ่ มีสำนักและนิกายนับร้อยเร้นกายอยู่ในเงามืดย่อมต้องมีคนที่มีทักษะวิชาประเภทนี้อยู่ในหมู่คนเหล่านั้นอย่างแน่นอน”
”งั้นเหรอคะ”
คุณหนูตงเสวียพึมพำออกมาพร้อมกับจ้องมองจุดที่เทียนหลางเคยอยู่พร้อมกับขบคิดบางอย่างในใจ
————————————————————————————————-
– จะอธิบายเรื่องปราณธาตุอย่างเข้าใจง่ายๆ นะครับ ปราณธาตุนั้นเป็นเหมือนลักษะพิเศษที่จะมีอยู่ในร่างกายของคนนั้นๆ ซึ่งจะถูกสืบทอดมาจากบรรพบุรุษหรือพ่อแม่ แล้วมันพิเศษตรงไหนมันพิเศษตรงที่คนที่มีปราณธาตุนั้นจะสามารถใช้หรือฝึกวิชาของธาตุนั้นออกมาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ปกติผู้บ่มเพาะจะสามารถฝึกทักษะได้หลายธาตุไม่ว่าจะ ดิน น้ำ ลม ไฟ ทอง ไม้ แต่จะสามารถแสดงหลังออกมาได้สูงสุดเพียงแค่ 100 – 120% แต่หากคนๆนั้นมีปราณธาตุเดียวกันกับทักษะที่ใช้จะสามารถแสดงพลังออกมาได้มากกว่า 120%
– ปราณธาตุไม่ใช่ปราณประเภทเดียวกันกับปราณศักสิทธิ์ หรือปราณกระบี่ที่เทียนหลางใช้นะครับ