ณ ศูนย์บัญชาการของหน่วยหมาป่า
เลขาไป๋กำลังนั่งอ่านรายงานของภาระกิจเมื่อครู่อยู่ก่อนจะขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ยถามกับไป๋ตงหลิน
”นายบอกว่าเทียนหลางเขาทำทุกอย่างทั้งหมดงั้นเหรอ ?”
ไป๋ตงหลินพยักหน้าพร้อมกับตอบกลับ
”ใช่ครับ ในตอนแรกผมคิดว่าภาระกิจนี้อาจใช้เวลาทั้งคืน หรือเป็นวันแต่ไม่คิดว่าเทียนหลางเขาจะจัดการทุกอย่างภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ผมว่าเขาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”
เลขาไป๋ที่ได้ยินก็พยักหน้าเห็นด้วยเพราะเขาคิดว่าแค่พวกเขาสามารถนำตราหยกกลับมาได้ก็มากพอแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าไม่เพียงทีมจะสามารถนำตราหยกกลับมาได้แต่ยังสามารถจับตัวฮาคาดิพ่อค้าอาวุธรายใหญ่และช่วยเหลือหน่วย 7 กลับมาอีกด้วย
หลังจากที่เลขาไป๋นั่งคุยรายละเอียดเล็กน้อยกับไป๋ตงหลินอยู่นานเขาก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับเอ่ยขึ้นกับตัวเอง
”ดูเหมือนว่าฉันจะต้องไปเตรียมของที่เขาต้องการสะแล้วสิ ไม่คิดเลยว่าจะรวดเร็วเพียงนี้”
เมื่อพูดจบไป๋ตงหลินก็เดินออกจากห้องไปด้วยสภาพที่เหนื่อยอ่อนเล็กน้อย
———————————————————————————————————
กลับที่ด้านของเทียนหลาง
‘แย่แล้ว !’
เมื่อเทียนหลางเห็นฝ่ามือของเฟิงหยวนกำลังพุ่งเข้ามาเขาตั้งท่าเตรียมรับมือทันที
”ปราการทองคำ !!”
ปรากฏกำแพงสีทองส่องสว่างขึ้นมาตรงหน้าของเทียนหลางทันทีเพื่อรับมือกับการโจมตีเฟิงหยวน
เปรี้ยง !!!
เสียงการปะทะกันของปราการทองคำกับฝ่ามือบุปผานิรันดิ์สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณผลจากการปะทะทำให้ทั้งคู่ต่างถอยหลังออกมาสองก้าว เฟิงหยวนมองเทียนหลางด้วยดวงตาที่แดงก่ำก่อนจะสะบัดมือหนึ่งครั้ง
ทันทีที่เฟิงหยวนสะบัดแรงกดดันของเธอเปลี่ยนไปจากเกรี้ยวกราดกลายเป็นสงบนิ่ง เทียนหลางสักเกตุเห็นดังนั้นก็เริ่มที่จะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักดูเหมือนเธอตั้งใจจะโจมตีเขาอย่างเต็มที่ และเพื่อที่จะลากเทียนหลางลงก้นทะเลดูเหมือนเธอจะยอมทุ่มสุดตัวเลยทีเดียว
เทียนหลางสัมผัสได้ถึงเหงื่อเย็นเฉียบที่ไหลผ่านหลังของเขา เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”ที่รักคุณใจเย็นลงก่อนนะเรื่องนี้ผมอธิบายได้”
เฟิงหยวนที่ได้ยินคำพูดของเทียนหลางก็มองเขาด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะพูดขึ้น
”ตลอดหมื่นปีที่อยู่ด้วยกันมาฉันฟังคำแก้ตัวของคุณมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะต้องลงโทษคุณซะบ้างแล้ว”
เทียนหลางที่ได้ยินดังนั้นก็รู้ตัวแล้วว่าตอนนี้เขาซวยเต็มขั้นแล้ว ดูเหมือนว่าเฟิงหยวนไม่คิดจะฟังคำอธิบายของเขาเลยแม้แต่น้อยในตอนนี้เขาทำได้เพียงจะต้องตั้งรับการโจมตีของเธอและรอดชีวิตไปพร้อมกันเพื่อหาวิธีที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้กับเธอให้ได้
เมื่อตัดสินใจได้แล้วเทียนหลางก็เริ่มเปลี่ยนท่าทีเล็กน้อยเพื่อตั้งรับการโจมตีของเฟิงหยวน เมื่อเฟิงหยวนเห็นดังนั้นเธอก็ถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยขึ้น
”ดูเหมือนคุณจะไม่ยอมรับการลงโทษของฉันอย่างโดยดีสินะ”
เทียนหลางส่ายหน้าพร้อมกับปฏิเสธหัวชนฝา
”ไม่มีทางยอมให้คุณทุบตีผมหรอกนะที่รัก”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ถ้างั้นฉันคงต้องบังคับคุณแล้วหล่ะ”
เมื่อเฟิงหยวนพูดจบเธอก็ร่ายรำนิ้วมืออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสะบัดมันอย่างนิ่มนวล
”จงสำนึกวะ นภาลัยแดนสรวง !!”
ทันทีที่เฟิงหยวนพูดจบก็มีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นกำลังพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว เทียนหลางยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
”คุณนี่มันโหดร้ายจริงๆ”
เทียนหลางหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะใช้ฝ่ามือรับการโจมตีของเฟิงหยวนพร้อมกับที่แขนของเขาค่อยๆ เรืองแสงสีเขียวมรกตออกมา
”กายหยกนิรันดิ์ ฝ่ามือหยินหยาง !!”
พรึบ !! ตูม !!!
ทันทีที่แขนของเทียนหลางปะทะเข้ากับการโจมตีที่มองไม่เห็นของเฟิงหยวนมันก็เกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นทันที บรรยากาศรอบด้านเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่วพร้อมกับรอยเลือดที่สาดกระเซ็นเต็มชายหาดสีขาว
เมื่อฝุ่นควันจางหายไปก็ปรากฏร่างของเทียนหลางที่ลอยอยู่บนอากาศด้วยสภาพเหนื่อยอ่อนเล็กน้อยพร้อมกับแขนทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยลอยขีดข่วนและแขนเสื้อที่ขาดรุ่งริ่ง โชคดีที่เมื่อครู่เขานั้นสามารถเบี่ยงวิถีการโจมตีของเฟิงหยวนออกไปได้แม้จะต้องแลกด้วยแขนทั้งสองข้างที่บาดเจ็บแต่หากเมื่อครู่เขารับการโจมตีนั้นเข้าไปละก็เขาคงจะต้องลงไปนอนคุยเล่นกับปลาที่ก้นทะเลเป็นแน่
ผลจากการที่เทียนหลางเบี่ยงการโจมตีเมื่อครู่ออกไปทำให้เกาะแยกถูกผ่าออกเป็นสองซีกทันที เทียนหลางมองตามรอยแยกของเกาะก่อนจะกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่หากเขาไม่ได้เบี่ยงการโจมตีเมื่อครู่ออกไปละก็คงเป็นเขาที่ถูกหั่นแทนที่จะเป็นเกาะ
เทียนหลางมองเฟิงหยวนด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ทำไมคุณถึงโหดร้ายกับผมแบบนี้หล่ะ ผมเสียใจนะทำไมเราไม่หันมาคุยกันดีๆ หล่ะ”
”หึ ไม่ต้องทำมาเป็นเล่นลิ้นยังไงซะฉันก็จะทุบตีคุณให้ได้”
เมื่อพูดจบเฟิงหยวนก็พุ่งเข้าใส่เทียนหลางพร้อมกับซัดฝ่ามือที่คลุมไปด้วยปราณน้ำแข็งทันที เทียนหลางเห็นดังนั้นก็ใช้ทักษะกายหยกนิรันดิ์ตั้งรับการโจมตีของเธอ เมื่อเฟิงหยวนเห็นดังนั้นเธอก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้น
”ดูเหมือนคุณจะชอบใช้กายหยกมากเลยสินะ”
”ก็กายหยกสามารถป้องกันการโจมตีธาตุน้ำแข็งดีที่นี้หน่า คุณก็น่าจะรู้”
เฟิงหยวนที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะระดมโจมตีใส่เทียนหลางพร้อมกับพูดขึ้น
”ถ้างั้นคุณก็เจอนี้หน่อยแล้วกัน”
การโจมตีของเฟิงหยวนเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่องๆ ปราณน้ำแข็งสีฟ้าครามที่มือของเธอก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีทองสว่างไสวก่อนที่จะออร่าอันทรงพลังออกมาใส่เทียนหลาง เทียนหลางรู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาตัวเขาก็กระโจนถอยหลังอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ทันทีทำให้ฝ่ามือนั้นของเฟิงหยวนพลาดเป้าไป
แต่การโจมตีของเฟิงหยวนนั้นยังไม่จบฝ่ามือที่พลาดเป้าของเธอได้ปลดปล่อยความร้อนมหาศาลออกมาเข้าใส่เทียนหลาง เทียนหลางหลบอย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปตะโกนใส่เฟิงหยวน
”นี่คุณถึงขั้นใช้ฝ่ามือสุริยันใส่ผมเลยงั้นเหรอ !?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเฟิงหยวนก็ถึงกับขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้น
”คุณกล้าตะโกนใส่ฉันงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางที่ได้ยินก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะปฏิเสธเสียงใส
”เปล่าครับ แต่มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอที่คุณใช้ฝ่ามือสุริยันหน่ะ”
”มันไม่เกินไปหน่อยหรอก”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็ตกใจเล็กน้อยเพราะเทคนิคเคล็ดสุริยันนั้นเฟิงหยวนได้รับสืบทอดมาจากอาจารย์ของเธอที่เคยเป็นถึงมหาเทพคนหนึ่งหลังจากที่เขาได้เกษียณตัวเองเขาก็ได้ส่งต่อเทคนิคนี้ให้กับเฟิงหยวน เคล็ดสุริยันเป็นหนึ่งในเทคนิคที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุดของเฟิงหยวนและเธอจะใช้มันก็ต่อเมื่อเธอเอาจริงเท่านั้น
เทียนหลางมองไปยังชายหาดที่ถูกหลอมจนกลายเป็นผลึกแก้วและน้ำทะเลที่ระเหยไปอย่างรวดเร็วหลังจากโดนลำแสงของฝ่ามือสุริยันไปเมื่อครู่นี่แสดงให้เห็นว่าฝ่ามือสุริยันของเฟิงหยวนนั้นมีความร้อนที่มหาศาลขนาดไหนเขามองไปที่เธอเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
”คุณต้องทำถึงขั้นนี้เชียวเหรอ ?”
”แน่นอนฉันอยากตีคุณมานานแล้ว”
เฟิงหยวนพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มของเธอ ทำเอาเทียนหลางถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัวเขาไม่คิดเลยว่าภรรยาของเขาจะมีด้านนี้อยู่ด้วย ในตอนนี้เขาเริ่มที่จะเป็นห่วงชีวิตในอนาคตหลังแต่งงานเสียแล้ว
เทียนหลางพยายามหาทางที่จะไกล่เกลี่ยให้ได้เขาจึงพูดขึ้น
”ที่รักคุณไม่คิดจะฟังเหตุผลของผมก่อนเหรอ ?”
เฟิงหยวนที่ได้ยินก็ย่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”คุณพยายามจะหาข้อแก้ตัวอะไรมาอีกหล่ะ ?”
”ไม่ใช่ข้อแก้ตัวนะ มันคือความจริงต่างหากหล่ะ ให้ผมพูดมันหน่อยเถอะ”
เฟิงหยวนได้ยินแบบนั้นก็ขบคิดครู่หนึ่งก็จะพยักหน้า
”ก็ได้ ฉันจะให้คุณอธิบายแต่หลังจากอธิบายแล้วคุณต้องให้ฉันตีคุณหนึ่งที”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็ยิ้มออกมาทันทีพร้อมกับพุ่งเข้าไปกอดเฟิงหยวนอย่างรวดเร็ว
”โอเค ผมจะให้คุณตีก็ได้แต่ช่วยฟังผมก่อนนะ”
ยังไม่ทันที่เทียนหลางจะได้ดีใจนานเขาก็เห็นรอยยิ้มของเฟิงหยวนมันทำให้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่ความกังวลนั้นก็อยู่ได้ไม่นานจากคำพูดต่อมาของเธอ
”แต่คุณห้ามใช้เทคนิคป้องกันใดๆ คุณจะยอมรับข้อเสนอนี้หรือเปล่าหล่ะ ?”
”อึก… นี่คุณจะฆ่าผมงั้นเหรอ !!”