หลังจากที่มองไปยังใบหน้าที่หม่นหมองของเทียนหลาง เฟิงหยวนก็พูดออกขึ้นว่า
”เมื่อไหร่หล่ะ ?”
เทียนหลางยิ้มก่อนจะตอบกลับ
”ประมาณ 400ปีให้หลัง หลังจากผมจากมาช่างน่าเสียดายที่ผมมัวแต่ปิดด่านฝึกตนเพื่อบรรลุเข้าสู่วิถีมังกรจึงไม่อาจกลับมาอยู่กับพวกเธอได้ในช่วงสุดท้ายของชีวิต”
เฟิงหยวนพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
”แล้วหลังจากนั้นหล่ะ ?”
”ผมฝังพวกเธอไว้ที่ป่ามรกรตซึ่งทุกๆ 500ปีผมจะไปเยี่ยมพวกเธอ”
เทียนหลางพูดออกมาพร้อมกับลูบไล้ปิ่นหยกขาวด้วยความรัก เฟิงหยวนมองท่าทีของเทียนหลางอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาแม้เธออยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่สามารถที่จะพูดได้เพราะตัวเธอรู้ดีว่าคนที่มีชีวิตอยู่อย่างยาวนานนั้นเป็นเช่นไรเพราะตอนเธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
แม้หลายคนจะเห็นว่าการมีชีวิตอยู่ยืนยาวเป็นดั่งเสมือนพรจากสวรรค์แต่สำหรับพวกเขาเหล่าเทพเซียนที่อยู่มานานแล้วมันเปรียบเสมือนกับคุกเสียมากกว่า เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีชีวิตอยู่ยืนยาวเช่นพวกเขาในสักร้อยล้านคนคงจะมีสักสิบคนได้ที่จะมีอายุเกินห้าร้อยปี
เฟิงหยวนมองใบหน้าหม่นหมองของเทียนหลางก่อนจะถอนหายใจออกมา
”ดูคุณทำสีหน้าสิ ทำเอาฉันไม่อยากตีคุณเลย”
”งั้นคุณก็ไม่ต้องตีผมสิ”
”ก็ได้ ฉันไม่อยากจะตีคุณแล้วหล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของเทียนหลางก็เปลี่ยนไปทันทีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าของเขา แต่นั่นก็เพียงไม่นานเพราะคำพูดต่อไปของเฟิงหยวน
”แต่คุณจะโดนคาดโทษเอาไว้ก่อน และเดียวค่อยหาวิธีคิดบัญชีทีหลัง”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดว่าทีหลังของเฟิงหยวนแผ่นหลังของเทียนหลางก็เริ่มที่จะมีเหงื่อกาฬไหลออกมาทันทีแต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่เฟิงหยวนนั้นคาดโทษเขาเอาไว้ก่อน เพราะจะทำให้ตัวเขานั้นสามารถทำเรื่องดีไถ่โทษได้ทัน
หลังจากที่นั่งคุยกันอยู่สักพักเฟิงหยวนก็พูดขึ้น
”ดูซิเพราะคุณทำให้ฉันโกรธ ฉันเลยเผลอทำเกาะสวยๆ พังเลย”
เทียนหลางที่ได้ยินก็ยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
”ตอนนี้เรามีเงินตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมไม่หาซื้อเกาะสวยๆ สักเกาะไว้เป็นที่พักผ่อนหล่ะ ?”
เฟิงหยวนที่ได้ยินก็หันมาหาเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะหยิกไปที่หูของเขาทำให้เทียนหลางถึงกับร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
”พูดอะไรของคุณกัน จะซื้อเกาะก็ต้องใช้เงินจำนวนมากเล่นสู้เราไปยึดฟรีๆ ไม่ดีกว่าเหรอไง”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมา
”ทำไมคุณงกอย่างงี้หล่ะ เกาะส่วนตัวซื้อไว้ก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอ ?”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น
”นั่นก็จริงของคุณ แต่จากที่ฉันดูมาในอินเตอร์เน็ตการซื้อเกาะส่วนตัวสักเกาะต้องใช้เงินจำนวนมากแล้วไหนจะต้องมีเอกสารนู้นนี่นั่นอีก ฉันมองว่ามันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเกินกว่าจะจัดการด้วยตัวเองดังนั้นในความคิดฉันการจะยึดมาด้วยกำลังนั้นง่ายจะตาย”
เมื่อเทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับคิดตาม แน่นอนว่าการซื้ออะไรต่างๆ ในโลกใบนี้ต่างจากในโลกอื่นๆ ที่เขารู้จักเพราะในโลกอื่นๆ นั้นเพียงแค่คุณมีพลังมากพอก็ยึดมันมาได้อย่างง่ายดายและเมื่อทุกคนรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเกาะคนพวกนั้นก็จะไม่กล้ายุ่งเพราะทุกคนนั้นต่างหวาดกลัวผู้ที่แข็งแกร่งกว่ากันทั้งนั้น
แต่สำหรับโลกนี้นั้นแตกต่างกันเพราะเขาไม่สนใจเรื่องความแข็งแกร่ง หากพวกเขาอยากจะจัดการใครสักคนพวกเขาจะใช้อำนาจรัฐมากดข่มคนผู้นั้นไม่ให้มีทางรอด แม้ในตอนนี้เทียนหลางจะถือว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งแต่ถึงอย่างงั้นการจะสู้รบปรบมือกับอำนาจรัฐบาลของประเทศสักประเทศคงจะเป็นเรื่องน่ารำคาญจนเกินไป
เทียนหลางลูบคางตัวเองเบาๆ ก่อนจะนึกถึงบางอย่าง
‘หรือจะให้เลขาไป๋ช่วยเรื่องนี้ดี เขามีเส้นสายในรัฐบาลอยู่ไม่น้อยแถมยังเป็นเลขาคนสนิทของนายพลคงช่วยอะไรได้บ้าง อย่างน้อยฉันก็คงจะต้องทำงานให้พวกเขาฟรีๆ สัก 4 – 5 ชิ้น’
หลังจากเทียนหลางขบคิดอยู่สักพักเขาก็เลิกคิดถึงมันพร้อมกับพาเฟิงหยวนกลับบ้านและคิดจะทำอาหารให้เธอกินเพื่อลดหย่อนโทษสักเล็กน้อย ในระหว่างที่เทียนหลางกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัวนั้นโทรศัพของเขาก็ดังขึ้น
เมื่อเขามองดูที่หน้าจอก็พบว่าเป็นเลขาไป๋โทรมาหา
‘ภาระกิจใหม่ไวขนาดนี้เชียว ? นี่กลับมายังไม่สองวันเลยนะ’
เทียนหลางกดรับอย่างใจเย็นก่อนจะเอ่ยถามออกไป
”ว่าไงครับ”
[ รับไวจังนะ พอดีฉันจะโทรมาแจ้งข่าวกับเธอนะ ]
”แจ้งข่าวเหรอครับ ?”
เทียนหลางถามด้วยความสงสัยในขณะที่กำลังคนแกงในหม้ออยู่ จากนั้นเสียงปลายสายก็พูดขึ้น
[ พอดีว่าในเดือนหน้าทางกองทัพจะจัดงานชุมนุมกันน่ะ ]
”งานชุมนุม ?”
[ ใช่ เป็นการรวมตัวของหน่วยลับต่างๆ ของรัฐบาลมาเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนกันแต่อันที่จริงแล้วเหมือนกับงานโชว์ของเสียมากกว่า ]
เทียนหลางที่ได้ฟังก็พอจะนึกออกเพราะในโลกอื่นก็มีงานจำพวกนี้อยู่เยอะเหมือนกัน มันเป็นเหมือนการประกาศฝีมือต่อฝ่ายตรงข้ามว่าข้านั้นไม่ได้อ่อนแอและแน่นอนว่างานจำพวกนี้ย่อมต้องมีการประลองรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอนแต่เขาก็ไม่แน่ใจนักจึงได้เอ่ยถามออกไป
”แล้วมีการประลองด้วยไหมครับ ?”
เมื่อได้ยินคำถามของเทียนหลางเลขาไป๋ก็หัวเราะออกมาพร้อมกับพูดขึ้น
[ แน่นอนอยู่แล้ว การประลองของกองทัพมีการจัดขึ้นทุกๆปีเพื่อวัดฝีมือของเหล่าทหารในกองทัพ และแน่นอนว่าเพื่อที่เกณฑ์คนใหม่ๆมาเข้าหน่วยด้วย ดังนั้นงานประลองของกองทัพจึงดุเดือดขึ้นทุกๆปี ]
เทียนหลางพยักหน้าเบาๆก่อนจะเอ่ยถาม
”งี้แล้วถ้าคนในหน่วยลับเข้าร่วมงานประลองไม่เจอกับพวกทหารธรรมดางั้นเหรอครับ ?”
[ ไม่เป็นอย่างงั้นหรอก งานประลองของเหล่าทหารธรรมดา กับหน่วยลับนั้นจะแยกกันว่าไงเธอสนใจจะเข้าร่วมงานประลองหรือเปล่า ? ]
เทียนหลางคนแกงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบกลับ
”ไม่รู้เหมือนกันซิครับ”
[ ฮ่าๆ งั้นเหรอเอาเป็นเจอกันที่งานชุมนุมของกองทัพแล้วกันส่วนเรื่องการประลองเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ]
”เข้าใจแล้วครับ จริงซิเลขาไป๋คุณมีเส้นสายในรัฐบาลเยอะหรือเปล่าครับ ?”
เมื่อเลขาไป๋ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้างุนงงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามออกไป
[ ก็มีอยู่บ้าง ว่าแต่เธอมีเรื่องอะไรจะให้ฉันช่วยงั้นเหรอ ? ]
เทียนหลางหัวเราะเบาๆก่อนจะอธิบาย
”อืม.. จะว่ายังไงดีหล่ะ ผมสนใจอยากจะซื้อเกาะส่วนตัวสักหน่อยนะครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลาง เลขาไป๋ก็ตกใจพร้อมกับเอ่ยถามให้แน่ใจ
[ เธอว่ายังไงนะ ?! ]
”พอดีผมสนใจอยากซื้อเกาะส่วนตัวนะครับ แล้วผมรู้มาว่าบางทีมันอาจจะยุ่งยากในเรื่องบางเรื่องอย่างเช่นพวกเอกสารหรืออย่างอื่นนะครับ เลยอยากให้คุณช่วยสักหน่อย”
[ เธอจะซื้อเกาะส่วนตัวแล้วเธอมีเงินมากพองั้นเหรอ ? ]
เทียนหลางที่ได้ยินคำถามก็รู้สึกลังเลเล็กน้อยที่จะบอกจำนวนเงินที่นอนในกระเป๋าของเขา เพราะมันมากเกินไปที่เด็กมหาลัยคนหนึ่งจะมีได้ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปอย่างกำกวม
”เอาเป็นว่าเลขาไป๋ส่วนเป็นธุระเรื่องต่างๆ แล้วก็เรื่องราคาให้ผมด้วยนะครับ”
เลขาไป๋ที่ได้ยินก็คิดอยู่สักพักก่อนจะตอบตกลงรับปากคำขอของเทียนหลางก่อนจะคุยอีกสักพักและก็วางสายไป หลังจากที่วางสายจากเทียนหลางไปแล้วเลขาไป๋ก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะคิดอะไรบางอย่างพร้อมกับบ่มพึมพำ
”เด็กคนนั้นมีเงินมากขนาดไหนกันแน่นะ”
เขาพูดพร้อมกับลูบคางตัวเองเบาๆ และกดโทรศัพโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง