เทียนหลางที่ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเล็กน้อย
”อย่างพวกเจ้านะเหรอจะฆ่าข้า ? พวกเจ้าคงจะสมองเสื่อมกันแล้วสินะถึงจำไม่ได้ว่าผู้อาวุโสของพวกเจ้ามีสภาพเป็นยังไง ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลางเหล่าคนจากสำนักอัคคีก็ดูเหมือนจะหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันมองหน้ากันพร้อมกันก่อนที่หนึ่งในนั้นจะหัวเราะออกมา
”แกคิดว่าผู้อาวุโสเทียนเมิ๋นนั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้อาวุโสหน่ะ ?”
เทียนหลางส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะพูดเยาะเย้ยอีกครั้ง
”ข้าไม่คิดเช่นนั้นหรอกนะ เพราะหากเขาแข็งแกร่งจริงเขาก็คงไม่มีสภาพเช่นนั้นแน่นอน”
เมื่อได้ยินแบบบนั้นคนจากสำนักอัคคีก็ถึงกับแสดงสีหน้าปั้นยากออกมาเพราะการดูถูกผู้อาวุโสของสำนักก็เหมือนกับดูถูกสำนักของพวกเขา แต่ถึงพวกเขาจะโมโหแค่ไหนพวกเขาก็ไม่รีบที่จะโจมตีเข้าใส่เทียนหลางพวกเขายังคงทำท่าทีสงบอยู่เช่นเดิม
แต่เทียนหลางนั้นมองเห็นโทสะที่แฝงอยู่ในดวงตาของพวกเขา เทียนหลางคาดว่าหากเขายั่วยุพวกนี้อีกสักนิดพวกนั้นคงโจมตีเข้ามาอย่างแน่นอน
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับพูดยั่วยุอีกครั้ง
”พวกเจ้าบอกจะมาฆ่าข้าสินะ ทำไมไม่เริ่มสักทีหล่ะ ? เพราะหลังจากนี้ข้ายังต้องเดินดูตลาดต่อนะ”
”เหอะ ! เจ้าไม่ต้องรีบร้อนไปหรอกยังไงเจ้าก็จะต้องตายในวันนี้อยู่แล้ว”
”ถ้างั้นจะช้าอยู่ใยเล่า”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ปล่อยแรงกดดันออกมาเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นคนของสำนักอัคคี เมื่อคนของสำนักอัคคีสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของเทียนหลางพวกเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไปที่จะเริ่มพุ่งเข้ามาโจมตีเขา
เทียนหลางยืนอย่าสงบเพื่อมองการเคลื่อนไหวของพวกเขา แต่ผิดคาดพวกเขานั้นไม่ได้พุ่งเข้ามาโจมตีเทียนหลางแต่กลับเคลื่อนที่ล้อมเทียนหลางเอาไว้ ก่อนที่คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าจะพูดขึ้น
”แกคิดจริงๆเหรอว่าพวกข้านั้นจะโจมตีแกตรงๆ”
เทียนหลางที่ได้ฟังก็มองกลับโดยที่ไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่จ้องมองอย่างเงียบๆเท่านั้น จากนั้นคนของสำนักอัคคีก็นำยันต์บางอย่างออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับพูดขึ้นมาก่อนจะร่ายคาถาอะไรบางอย่าง
จากนั้นวงแหวนอาคมสีแดงจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นพร้อมออร่าที่ดูน่ากลัวที่สั่นสะท้านไปทั่วบริเวณ
”ฮ่าๆ นี่แหละคือโทษที่แกจะได้รับจากการที่แกบังอาจมาทำร้ายผู้อาวุโสของสำนักและดูถูกสำนักอัคคีของพวกข้า จงตกนรกทั้งเป็นในค่ายกลเพลิงสวรรค์ของพวกเราเสียเถิด !!!!”
เทียนหลางจ้องมองค่ายกลนั้นอย่างใจเย็นจนในที่สุดค่ายกลเพลิงสวรรค์ของสำนักอัคคีก็ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ทันทีที่ค่ายกลทำงานมันก็ได้ปลดปล่อยเพลิงออกมาโจมตีใส่เทียนหลางทันที
เปลวเพลิงได้ห้อมล้อมเทียนหลางเอาไว้ก่อนจะแผดเผาทุกอย่างจนหมดสิ้น และมันยังได้หลอมละลายทุกสิ่งทุกอย่างบริเวณใกล้เคียงจนหมด พร้อมกับแผ่ความร้อนจำนวนมหาศาลออกมาจนทำให้ผู้คนที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ต้องถอยออกไป
ความร้อนค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับบริเวณรอบๆที่เริ่มหลอมละลาย คนจากสำนักอัคคีเริ่มที่จะหัวเราะเพื่อฉลองให้กับชัยชนะของพวกเขา
”เป็นยังไงหล่ะ ค่ายกลเพลิงสวรรค์ของสำนักอัคคีของพวกข้า !!”
เปลวเพลิงยังคงโหมกระหน่ำใส่เทียนหลางอย่างไม่หยุดหย่อนซึ่งทางด้านของเทียนหลางก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะเพลิงสวรรค์ที่คนจากสำนัคอัคคีพูดถึงนั้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่ปลายเส้นผม
เขาถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
”หากเจ้ารู้จักเพลิงสวรรค์ที่แท้จริงแล้วหละก็คงจะไม่พูดเช่นนี้เป็นแน่”
ทันทีที่คำพูดของเทียนหลางจบลงเขาก็เดินออกมาจากเปลวเพลิงนั้นโดยที่ไร้รอยขีดข่วน คนจากสำนักอัคคีได้แต่ยืนตะลึงกับภาพนี้เพราะก่อนหน้านี้พวกเขามั่นใจในค่ายกลนี้เป็นอย่างมาก เทียนหลางเดินออกมาจากเปลวเพลิงพร้อมกับสัมผัสเบาๆที่ผิวกำแพงของค่ายกล
เมื่อคนจากสำนักอัคคีได้เห็นท่าทีของเทียนหลางพวกเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”ค่ายกลนี้ไม่มีทางออก หากแกต้องการจะออกมาก็จำเป็นจะต้องฆ่าพวกข้าหรือไม่ก็ทำลายค่ายกลนี้ซะซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”
เมื่อพูดจบสายตาของมันก็หันไปมองยังเฟิงหยวนที่ยืนรอเทียนหลางอย่างสงบอยู่ไม่ไกล ใบหน้างดงามที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าปิดหน้าของเธอนั้นดึงดูดเขามาสักพักแล้ว เขาคิดว่าหลังจากที่จัดการเทียนหลางเสร็จเขาจะมาจัดการกับเธอต่อ
เขามองเฟิงหยวนอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้น
”หลังจากข้าจัดการแกได้เรียบร้อยแล้ว ข้าและพี่น้องของข้าก็จะไปจัดการผู้หญิงของแกต่อ เตรียมใจไว้เสียเถอะ !!”
ทันทีที่เทียนหลางได้ยินแบบนั้นคิ้วของเขาก็กระตุกเล็กน้อยก่อนจะจ้องมองชายตรงหน้าพร้อมกับพูดขึ้น
”เจ้าชื่ออะไร ?”
ชายที่ถูกถามชื่อก็แปลกใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”แกคงอยากจะรู้จักคนที่ฆ่าแกสินะ แม้หลังจากนี้แกจะตายก็จริงแต่ข้าจะบอกไว้ให้เอาบุญก็แล้วกัน ข้าชื่อเทียจง ผู้อาวุโสลำดับที่ 8 ของสำนักอัคคีชื่อนี้จะเป็นชื่อสุดท้ายที่แกจะได้จำก่อนตาย”
เทียนหลางที่ได้ยินชื่อก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ตอนแรกข้ากะว่าจะแค่สั่งสอนพวกเจ้าสักหน่อย แต่ในเมื่อพวกเจ้าบังอาจที่จะมายุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงของข้า ฉะนั้นก็เตรียมพร้อมกับผลที่จะตามมาแล้วกัน”
เทียจงที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าสงสัยออกมาก่อนจะถาม
”ผลที่ตามมา ?”
เทียนหลางยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
”หวังจะตีงูก็ต้องตีให้ตาย หวังจะเข่นฆ่าพระเจ้าก็จำเป็นจะต้องทำลายสวรรค์ เพื่อตัดปัญหาเรื่องน่าเบื่อในอนาคตหลังจากที่ข้าจัดการสั่งสอนพวกเจ้าแล้ว ข้าจะลบสำนักอัคคีให้หายไปจากโลกนี้ซะ”
เมื่อเทียจงได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดขึ้น
”อย่างแกหน่ะเหรอจะทำลายสำนักอัคคี ในตอนนี้เจ้าควรจะออกมาจากค่ายกลนั้นให้ได้ก่อนเสียดีกว่านะ”
”ย่อมได้”
เทียนหลางยิ้มพร้อมกับสะบัดนิ้วเบาๆกำแพงของค่ายกลที่ดูหนาแน่นดั่งหินผาก็ถูกผ่าออกเป็นสองซีกทันทีเทียนหลางเดินออกมาจากค่ายกลพร้อมกับยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
”เตรียมพร้อมกับที่จะได้รับผลของการกระทำของเจ้าแล้วหรือยัง ?”
เมื่อคนจากสำนักอัคคีได้เห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับตื่นตะลึงขึ้นมาทันที พวกเขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ดูเหมือนเทียนหลางจะไม่ยอมให้เขาได้ทำอะไร
เทียนหลางสะบัดมือเล็กน้อยพร้อมกับร่างกายของคนจากสำนักอัคคีที่ถูกฉีกกระฉากของเป็นชิ้นๆ
เทียจงที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ได้แต่ยืนอึ้งเขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนจะมีอะไรติดอยู่ที่ลำคอของเขาทำเขาไม่สามารถพูดออกมาได้
และเมื่อเขาได้เห็นเพื่อนร่วมสำนักของเขาค่อยๆตายไปทีละคนเขาก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก เช่นเดียวกับผู้ชมที่อยู่รอบๆต่างพูดอะไรไม่ออกเช่น พวกเขาไม่คิดว่าค่ายกลของสำนักอัคคีจะถูกทำลายง่ายดายขนาดนี้ในตอนแรกพวกเขานั้นต่างสงสารเทียนหลางที่ถูกสำนักอัคคีหมายหัว แต่ในตอนนี้พวกเขากลับสงสารฝ่ายของสำนักอัคคีแทน และยิ่งคำพูดก่อนหน้านี้ของเทียนหลางที่กล่าวว่าจะไปทำลายสำนักอัคคีนั้น พวกเขาก็ต่างจ้องมองเทียนหลางพร้อมกับคิดว่าเขานั้นคือปีศาจอย่างแท้จริง
เทียนหลางเริ่มฆ่าคนของสำนักอัคคีทีละคนๆอย่างรวดเร็วก่อนจะเหลือเพียงเทียจงและคนของสำนักอัคคีอีกคนหนึ่ง
เทียนหลางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของคนของสำนักอัคคีพร้อมกับพูดขึ้น
”จงบอกที่ตั้งของสำนักเจ้ามาซะ ไม่งั้นเจ้าจะได้ไปกองอยู่กับเพื่อนของเจ้า”
คนของสำนักอัคคีที่ถูกเทียนหลางถามก็ตัวสั่นพร้อมกับจ้องมองศพของเพื่อนเขาก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อยเพื่อบอกว่าเขานั้นไม่ยอมพูด
เทียนหลางก็ยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
”เจ้าเลือกทางที่ยากลำบากน่าดูเลยนะ”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็จับไปที่หัวของเขาพร้อมกับดึงดวงจิตความทรงจำของชายคนนั้นออกมาเพื่อตรวจสอบที่ตั้งของสำนักอัคคี
”อืม… ยอดเขาฟูฉาง”
เมื่อเทียจงได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็ถึงกับตกตะลึงทันที ทำไมมันถึงรู้ที่ตั้งของสำนักอัคคีกัน ?! ในหัวของเทียจงมีแต่คำถามที่เหมือนจะไม่มีคำตอบ เขาจ้องมองเทียนหลางพร้อมกับที่สั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อเทียนหลางได้สิ่งที่เขาต้องการแล้วเขาก็ปล่อยตัวของชายคนนั้นไป
”ไปซะ เจ้าได้ให้สิ่งที่ข้าต้องการแล้ว”
ชายคนนั้นดูสับสนแต่เขาก็พยายามคลานหนีไปอย่างรวดเร็วจนหายไปในฝูงคน เทียนหลางหันมามองเทียจงก่อนจะสะบัดนิ้วเล็กน้อย และแขนข้างหนึ่งของเทียจงก็ขาดออกพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของเขาและเลือดที่สาดกระจาย
เทียนหลางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเทียจงพร้อมกับพูดขึ้น
”เจ้าคงสงสัยที่ข้าไม่ฆ่าเจ้าในทันที เช่นนั้นข้าจะบอกเหตุผลให้กับเจ้าก็แล้วกัน ที่ข้าไม่ฆ่าเจ้านั้นก็เพราะข้าจะให้เจ้าได้เห็นวาระสุดท้ายของสำนักเจ้าด้วยสายตาของตัวเองยังไงหล่ะ”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็เดินกลับไปหาเฟิงหยวนพร้อมกับพูดขึ้น
”ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยดูเหมือนว่าการเดินตลาดนั้นคงต้องเลื่อนออกไป”
เฟิงหยวนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”งั้นพาข้าไปท่องเที่ยวที่สำนักอัคคีก็แล้วกัน บางทีข้าอาจเจอของที่อยากได้ในคลังสมบัติของพวกเขา”
”นั่นสินะ”
เมื่อพูดจบร่างกายของทั้งคู่ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าหายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งให้เทียจงจมอยู่กับความเสียใจของเขาอยู่อย่างงั้น