S.P.P บทที่ 133: ซาเบลส์
ถ้าให้เทียบกับเจสันผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความดุร้ายและแข็งแกร่งนั้น,คล็อกโคไดล์นั้นเขารู้สึกกังวลเกี่ยวกับโรแกนมากยิ่งกว่า,คล็อกโคไดล์นั้นคิดว่าเขาน่ากลัวยิ่งกว่าโดฟลามิงโก้ที่เขาได้เผชิญหน้ามาเมื่อไม่นานมานี้ซะอีก
ด้วยความสามารถที่แปลกและแข็งแกร่งนั้น,อาจกล่าวได้ว่ามันยากมากที่จะจัดการกับฝ่ามือยักษ์นั้นที่ครอบคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์
ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพเรือยังตั้งค่าหัวเขาถึง 150 ล้านเบรี,มันเป็นค่าหัวที่มากมายมหาศาลมันแสดงให้เห็นถึงความอันตรายที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่ของเขาได้เป็นอย่างดี
“ คล็อกโคไดล์,เราเจอกันอีกแล้วนะ!”
ในเกวียน,โรแกนได้ยิ้มออกมาเล็กน้อย
เสียงอันแผ่วเบาของเขานั้น,มันดังเข้ามาอย่างชัดเจนในหูของคล็อกโคไดล์
เขาโกรธมาก,แต่ก็ต้องระงับมันเอาไว้
“ฉันเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้มาเจอนายในที่นี่เหมือนกัน!”
คล็อกโคไดล์ได้มองไปที่เขาพร้อมกับความลังเลที่ปรากฏขึ้นมาในใจของเขา
เจสันและโรแกน,คล็อกโคไดล์นั้นไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถจัดการกับพวกเขาได้ไหม,แม้ว่าที่นี่จะเป็นที่ของเขา,แต่ทั้งคู่นั้นก็เป็นอาชญากรที่มีชื่อเสียงมากในโลกนี้
หนึ่งต่อสอง,เขาจะทำมันได้งั้นหรอ?
“ ถ้านายต้องการแก้แค้น,ก็เริ่มได้เลยฉันอยากจะดูว่านายจะแข็งแกร่งขนาดไหนในทะเลทรายนี้!”
เสียงของโรแกนได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ ไม่ต้องกังวล,ฉันจะไม่ฆ่านายหรอกนะ!”
ประโยคนี้นั้นมันทำให้คล็อกโคไดล์รู้สึกโกรธมาก
เขายอมรับว่าทั้งสองนั้นแข็งแกร่งและสามารถทำให้เขารู้สึกตกใจมาก,แต่เขานั้นไม่เคยกลัวพวกเขาทั้งสองเลย
“ ได้,นายจะได้เห็นว่าฉันนะแข็งแกร่งขนาดไหน!”
คล็อกโคไดล์ได้ตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับนำมือของเขาไปวางไว้บนทะเลทรายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
“ กราวน์ เซคโค่!” (แยกพสุธา)
พื้นทะเลทรายที่ทอดยาวไปข้างหน้านับโลได้สั่นสะเทือนขึ้นมาพร้อมกับผุกร่อนลงไปในทันที
“ซาเบลส์!” (พายุทราย)
คล็อกโคไดล์ได้ส่งเสียงคำรามขึ้นมาอีกครั้ง,เขานั้นได้เหยียดมือของเขาออกมาข้างหน้า
“บูซซ!”
“ นายจะได้เห็นความน่ากลัวของพลังผลไม้ปีศาจของฉัน,ที่นี่ฉันคือพระเจ้า!”
น้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธ
ทรายจำนวนมากเริ่มลอยขึ้นไปบนอากาศ,ในพริบตาที่แห่งนี้ก็ได้เต็มไปด้วยทรายสีทอง
แต่มันยังไม่ได้จบลงแต่เพียงเท่านั้น,มันเริ่มใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆดูเหมือนว่าทรายนั้นกำลังถูกดึงดูดด้วยพลังที่ลึกลับบางอย่างและลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า,เหมือนกับการอพยพของฝูงตั๊กแตน,ทรายที่กระจัดกระจายไปทั่วนั้นได้เข้ามารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง,พายุทรายขนาดใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้นมาและมันยังคงขยายใหญ่อยู่เรื่อยๆ
“ชายคนนี้!!”
เจสันที่อยู่ห่างออกไปนั้น,เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงสายลมเขาก็ได้แต่งตัวอย่างแน่นหนาในทันที
เขาได้สวมแว่นตาและเอาผ้าคลุมใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว,เขารู้ว่าคล็อกโคไดล์นั้นจะต้องไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่,เพราะถ้าเป็นเขาเองที่สามารถควบคุมทะเลทรายอันยิ่งใหญ่นี้ได้แล้วละก็เขาก็จะไม่หยุดจนกว่าเขาจะสามารถกลบฝังทุกสิ่งเอาไว้ใต้ทะเลทรายนี้ได้
พูดตามตรงเจสันไม่ได้คาดหวังว่าคล็อกโคไดล์นั้นจะทำเหมือนกับในคืนนั้น,แค่ไอพายุทรายที่เขาสร้างตอนอยู่บนเรือนั้นของเขาก็น่ากลัวมากแล้ว,แต่มันไม่สามารถเทียบกับในตอนนี้ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น,ถ้าเขามีเวลามากพอเขาจะสร้างพายุทรายออกมาเท่าไหร่ก็ได้
บนเกวียน,ทุกคนนั้นต่างก็รู้สึกตกตะลึงพวกเขากำลังจ้องมองไปที่พายุทรายที่เกิดขึ้นมาจากคล็อกโคไดล์
“ เรื่องจริงงั้นหรอเนี่ย,มันเกิดขึ้นมาจากฝีมือของมนุษย์จริงๆด้วย,ไม่อยากจะเชื่อเลย!”
ลุงวัยกลางคนนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความหวาดผวาในแววตาของเขา
“ เขาสามารถควบคุมทะเลทรายได้จริงๆด้วย!”
เทรนซุนั้นทั้งตกตะลึงและตื่นตระหนก,คล็อกโคไดล์สามารถควบคุมทะเลทรายได้แล้วเขาจะไปปกป้องตัวเองได้ยังไงกัน
ในโลกนี้,มันมีคนแบบนี้อยู่จริงๆงั้นหรอเนี่ย?
“ฮ่า,คล็อกโคไดล์นายจะต้องตาย!”
ในขณะนั้นเอง,ก็ได้มีเสียงคำรามดังกึกก้องขึ้นมามันทำให้ทุกคนต้องหันไปมอง,และพวกเขาก็ได้เห็นร่างสูงที่กำลังยืนอยู่อย่างองอาจบนทะเลทราย
“บูม!”
ราวกับระเบิด,เขาได้สร้างหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมาด้วยการกระโดดของเขา,ในตอนนี้เขานั้นกำลังบินอยู่ในอากาศเหมือนกับนก
เพียงพริบตาเดียว,เขาก็ได้มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคล็อกโคไดล์ประมาณ 10 เมตร
การทิ้งตัวลงมาของเขานั้นได้สร้างแรงกระแทกที่ทรงพลังขึ้นมา,มันทำให้พื้นทรายนั้นถึงกับสั่นสะเทือน
“ นั่นมันเจสันหนิ!”
เทรนซุนั้นได้พูดออกมาด้วยความตกใจ
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายที่ดูซื่อบื้อคนนั้นที่อยู่ข้างๆเขานั้นจะสามารถกระโดดได้สูงถึง 100 เมตร,และสามารถทิ้งตัวลงมาได้ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น,เขามันไม่ต่างจากสัตว์ร้ายเลย
“ ชายคนนั้น,แข็งแกร่งมาก!”
บุหรี่ได้หล่นลงมาบนกางเกงขายาวของลุงและได้สร้างรูขึ้นมา,แต่เขานั้นไม่ได้สนใจมันเลย
“เจสัน”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายได้กระโดดเข้ามาหาเขา,มือขวาของคล็อกโคไดล์ก็ได้สั่นไหวขึ้นมาพร้อมกับเผยให้เห็นตะขอทองที่อยู่บนมือของเขา
เจสันก็ได้คำรามขึ้นมาและได้ระเบิดพลังออกมาอีครั้งพร้อมกับงอเข่าลง
ในเวลาต่อมา,เขาก็ได้เข้ามาใกล้คล็อกโคไดล์มากขึ้น,ซึ่งมันทำให้คล็อกโคไดล์นั้นตกตะลึงในความเร็วที่ดุร้ายของเขา,ดังนั้นเขาจึงได้ขยับตะขอทองบนมือเขาอย่างรวดเร็ว
“เสริมแกร่งสามสิบเท่า!”
ด้วยแววตาที่ดุร้าย,เจสันได้กำหมัดของเขาและทันใดนั้นเองเข่ก็ได้ปล่อยหมัดออกไป
“บูม!”
ภายใต้สายตาของคล็อกโคไดล์ตะขอทองของเขานั้นได้ถูกทำลายเป็นชิ้นๆตามมาด้วยมือขวาของเขาที่กำลังแตกออกราวกับเครื่องปั้นดินเผา
“ นายจะได้เห็นพลังของฉัน!”
เจสันได้เดินไปข้างหน้าและกระโดดออกไปอีกครั้ง
ในตอนนั้นเอง,เขาก็ได้ต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของคล็อกโคไดล์จนมันแตกกระจายไปบนท้องฟ้า
ทุกย่างก้าวของเจสันนั้นเต็มไปด้วยความดุร้ายและความยิ่งใหญ่ที่ไม่รู้จบ
การปะทะกันในครั้งนี้นั้นได้สร้างความตื่นเต้นให้กับเทรนซุเป็นอย่างมาก
“ เยี่ยมมาก,เจสัน!”
“น่ากลัวจริงๆ”
เทรนซุนั้นไม่เคยคาดคิดเลยว่าพลังของเจสันนั้นมันจะทำให้เขาตื่นเต้นมากขนาดนี้,เขายังคงกำมือทั้งสองข้างของเขาด้วยความสุข
ทรายได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งและใบหน้าของคล็อกโคไดล์ก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง,ใบหน้าของเขานั้นดูอึมครึมมาก,ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ ดูเหมือนว่านายจะลืมเรื่องหนึ่งไปแล้วที่นี่ไม่มีน้ำ,ในที่นี่นายไม่สามารถทำร้ายฉันได้และทุกๆ ที่ใต้ฝ่าเท้าของนายนะมันคืออาวุธของฉัน!”
ในขณะนั้นเอง,ร่างของเขาก็ได้กลายเป็นทรายแต่มีแค่หัวของเขาเท่านั้นที่ยังอยู่ในสภาพเดิม คำพูดของเขานั้นมันทำให้ใจของเจสันนั้นสั่นสะเทือน
“ดีเซิร์ธ เอนซิอาโร!”(ทรายพันธนาการ)