ไนโตะ กลับไปที่ห้องพักของเขา เขาพร้อมที่จะพักผ่อนแล้ว
หลังจากนั้น 2 วัน
ไนโตะ ก็เตรียมพร้อมที่จะออกจากค่ายอีกครั้ง เขากังวลเกี่ยวกับ โคนัน และ ยาฮิโกะ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องไปพบพวกเขาอีกครั้ง
ก่อนที่จะเข้าสู่สงครามอย่างเต็มตัว มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาต้องจัดการ
ตัวอย่างเช่น นางาโตะ , เซ็ทสึดำ และ อุจิฮะ มาดาระ
แม้ว่าตัวละครเหล่านี้จะไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามครั้งนี้ แต่ก็ไม่สามารถประมาทพวกเขาได้
ในทางกลับกัน พวกเขามีความสำคัญเป็นอย่างมาก พวกเขาสำคัญยิ่งกว่าสงครามครั้งนี้เองด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีร่องรอยของ นางาโตะ หรือ อุจิฮะ มาดาระ และ เซ็ทสึดำ มันก็คงจะซ่อนตัวอยู่ในความมืดเพื่อเฝ้าดูสงครามในครั้งนี้อย่างแน่นอน
ไนโตะ รู้สึกกดดันเมื่อเขาคิดเรื่องเกี่ยวกับ มาดาระ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ ไนโตะ จะแข็งแกร่งมาก จนถ้าเขาต้องต่อสู้กับ ผู้บัญชาการหน่วยลับ เขาก็จะสามารถสู้ได้อย่างง่ายดาย
แต่มันยังไม่เพียงพอ หากต้องเผชิญหน้ากับ มาดาระ
ไม่พอแม้แต่ต้องเผชิญหน้ากับ นางาโตะ ที่มี เนตรสังสาระ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว พลังเหล่านี้ก็เป็นของ เซียน 6 วิถี นั่นเอง!
“จริง ๆ เราไม่มีเวลาพักแล้ว…”
ทุกครั้งที่ ไนโตะ คิดถึง อุจิฮะ มาดาระ และวิธีที่เขามองโลกจากความมืด มองหาโอกาสในการเริ่มต้นแผนการของเขา ไนโตะ ก็เริ่มมีอาการหนาวสั่นที่ด้านหลังคอของเขาทุกครั้ง
และความรู้สึกนี้ก็เป็นกำลังผลักดันให้ ไนโตะ เดินหน้าต่อไปและต้องแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้
เขาจะสามารถพักผ่อนได้ ก็ต่อเมื่อเขาแข็งแกร่งกว่า มาดาระ และแข็งแกร่งกว่า คางูยะ แล้วเท่านั้น!
หลังจากที่เขาพักสักครู่ ไนโตะ ก็พร้อมที่จะเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ เขาไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังจะออกเดินทาง เขาก็ได้รับคำสั่งฉุกเฉินจาก ซาคุโมะ
“ไนโตะ กลับมาที่นี่เดี๋ยวนี้”
คำสั่งฉุกเฉิน ไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก โดยเฉพาะเมื่อมันมาจาก ซาคุโมะ
ท้ายที่สุดแล้ว ซาคุโมะ เป็น ผู้บัญชาการของหน่วยลับ และเขาจะไม่ทำสิ่งที่ไม่จำเป็นหากมันไม่สำคัญจริง ๆ
ไนโตะ สวมเสื้อคลุมและสวมหน้ากาก จากนั้นก็เกิดออกจากห้องของเขาในทันที
………
………
ห้องยุทธการ ของค่ายโคโนฮะ
ซาคุโมะ นั่งอยู่ที่นั่นและมีอีกคนหนึ่งเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนี้ เขาดูกังวลเป็นอย่างมาก
คำสั่งฉุกเฉิน ถูกส่งให้เพียง 2 คนเท่านั้น
“นี้มันแย่จริง ๆ”
เมื่อมองดูข้อมูลบนโต๊ะ ซาคุโมะ ก็ตะโกนออกมา
“ฉันรู้แล้ว แต่ก็ยากที่จะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้”
คนที่เดินไปเดินมา เขาดูกังวลเป็นอย่างมาก
คนคนนี้มีผมที่ยาวและเป็นสีเงิน ในอนาคตเขาจะกลายเป็น 1 ใน 3 นินจาในตำนาน
จิไรยะ
ในเวลานั้น ไนโตะ สวมหน้ากากอยู่
จิไรยะ มองไปที่ ไนโตะ เขารู้สึกคุ้นกับ ไนโตะ มาก แต่เขาก็จำไม่ได้
ไนโตะ มองไปที่ จิไรยะ แต่ ไนโตะ ก็ไม่สนใจ จิไรยะ เลย และรีบตรงเดินตรงไปหา ซาคุโมะ แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นครับ”
“หมู่บ้านอิวะ ซุ่มโจมตี ขบวนเสบียงของเรา”
เสียงของ ซาคุโมะ ฟังดูกังวลเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “ครึ่งเดือนที่ผ่านมา นินจาอิวะ มุ่งเป้ามาที่ขบวนเสบียงของเรา”
จิไรยะ ไม่สนใจ ไนโตะ อีกต่อไป เขากลับมาจดจ่อกับสถานการณ์และพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธว่า “เราเพิ่งได้ข่าวมาว่าทีมของ มินาโตะ ถูกโจมตี ถึงเขาจะเป็นอัจฉริยะ และมีพลังเทียบเท่ากับ จูนิน แต่เขาก็ไม่มีทางสู้กับ นินจาอิวะ ทั้งกองทัพได้หรอก!”
เมื่อได้ฟังสิ่งที่ จิไรยะ พูด ไนโตะ ก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาในทันที
เขาเพิ่งเห็น มินาโตะ เมื่อ 2 – 3 วันก่อน
ช่างโชคร้ายจริง ๆ !
ยิ่งกว่านั้น นินจาอิวะ เหล่านั้นก็กล้าหาญมากที่เข้าโจมตี
ที่ที่ มินาโตะ ถูกโจมตี อยู่ห่างจาก ค่ายโคโนฮะ ออกไปครึ่งวัน แต่พวกมันก็ยังกล้าที่จะโจมตีเรา!
ไนโตะ จ้องมองไปที่ ซาคุโมะ อย่างจริงจังและพูดว่า “พวกนั้นเริ่มโจมตีเรามาเกือบครึ่งเดือนแล้ว แต่ทำไมเราถึงไม่ทำอะไรเลยจนถึงตอนนี้”
ซาคุโมะ ส่ายหัวและพูดด้วยท่าทางจนปัญญาว่า “หมู่บ้านอิวะ พวกมันส่งหน่วยพิเศษมาทำภารกิจนี้ พวกมันใช้การเคลื่อนที่ผ่านใต้ดิน!”
“ใต้ดิน?”
ไนโตะ ประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เริ่มคุ่นคิด
ซาคุโมะ พยักหน้า “ใช่แล้ว พวกมันเป็นนินจาที่ใช้คาถาดิน ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันใช้อุปกรณ์พิเศษบางอย่าง ทำให้พวกมันสามารถเคลื่อนที่ใต้ดินได้ และทำให้พวกมันสามารถทำการโจมตีได้ทุกเมื่อที่พวกมันต้องการ”
“แสดงว่าพวกมันเชี่ยวชาญในการต่อสู้เป็นอย่างมาก ต่อให้เราจะวางกำลังไว้โดยรอบ ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อพวกมันลงไปอยู่ใต้ดิน คงจะไม่มีวิธีที่จะหยุดพวกมันได้” ไนโตะ พูด
จิไรยะ มองไปที่ ไนโตะ และพูดว่า “ใช่แล้ว นินจาอิวะ ทีมนี้ เริ่มโจมตีเรามาเป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว จนถึงตอนนี้ เราพยายามหยุดพวกมันและมีการปะทะกันอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อพวกมันลงไปใต้ดิน เราก็ไม่มีทางที่จะโจมตีพวกมันได้”
น้ำเสียงของ จิไรยะ เผยให้เห็นว่ามันยากจริง ๆ สำหรับเขา ที่ต้องต่อสู้กับพวกมันตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และตอนนี้ ลูกศิษย์ของเขากำลังถูกพวกมันโจมตี นี้ทำให้เขาโกรธเป็นอย่างมาก
จิไรยะ พูดต่อ “แม้ว่าพวกมันจะต้องปรากฏตังออกมาทุกครั้งที่จะโจมตีเรา แต่เราก็ไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้แม้แต่ครั้งเดียว พวกมันเป็นหน่วยที่มีทักษะสูงมากและยากที่จะต่อสู้กับพวกมันได้”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความยากลำบากในการตามรอยพวกมัน เราไม่รู้ว่าพวกมันจะเข้าโจมตีอีกครั้งที่ไหนและเมื่อไร ดังนั้นหากเราต้องการจัดการกับพวกมัน เราต้องใช้คนที่รวดเร็วซึ่งจะสามารถตอบสนองพวกมันได้อย่างรวดเร็ว”
จิไรยะ หยุดพูดไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วมองไปที่ ไนโตะ ด้วยสายตาแปลก ๆ
ไนโตะ สวมหน้ากากอยู่ ดังนั้น จิไรยะ จึงไม่มีทางจำเขาได้ แต่เนื่องจากเขาถูก ซาคุโมะ เรียกมา เพราะฉะนั้น จิไรยะ จึงคิดว่า เขาก็คงจะเป็นคนที่มีความสามารถแบบที่ จิไรยะ ต้องการได้
เมื่อ ซาคุโมะ เห็นสีหน้าของ จิไรยะ ซาคุโมะ ก็พยักหน้าให้เขาแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น นี้คือ ยูจิน เขาเร็วมาก ท่านควรให้เขาร่วมทีมกับท่านในการทำภารกิจนี้”
“โอ้? เธอเร็วจริง ๆ เหรอ?!”
จิไรยะ พูดแล้วมองไปที่ ไนโตะ และพูดต่อว่า “แล้วเธอสามารถใช้คาถาดินได้ไหมละ?”
“ขอโทษด้วย ผมใช้ไม่ได้ครับ”
ไนโตะ ตอบอย่างสงบ
จิไรยะ หยุดชะงักทันทีเมื่อเขาได้ยินคำพูดของ ไนโตะ มันทำให้เขาเกือบจะเป็นลม
“เฮ้! ซาคุโมะ ล้อฉันเล่นใช่ไหมเนี่ย?!”
จิไรยะ มองไปที่ ซาคุโมะ ด้วยความตกใจ “นี่มันไม่ช่วยอะไรเลย! แค่เร็วอย่างเดียวมันไม่พอที่จะจัดการกับเจ้าพวกนั้นได้หรอกนะ!!”