ในที่สุดเมื่อร่างของ 9 หาง เล็กลง ร่างของ คุชินะ ก็เริ่มปรากฏออกมาให้เห็น และจักระของ 9 หาง ก็ค่อย ๆ ไหลกลับเข้าร่างของเธอไป แต่เธอก็ยังนอนหมดสติอยู่กับพื้นท่ามกลางก้อนจักระของ 9 หาง
วึ๊บ!!
หลังจากจักระของ 9 หาง ไหลกลับเข้าร่างของ คุชินะ จนหมด ไนโตะ ก็รีบเข้าไปหาเธอทันที เขายกตัวเธอขึ้นจากนั้นเขาก็วางมือลงบนผนึกบนหน้าท้องของเธอเพื่อยับยั้งจักระของ 9 หาง เอาไว้
ผนึกถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ แต่ตราบใดที่เขาระงับการไหลของจักระของ 9 หาง และผนึกมันกลับไปในตัว คุชินะ ได้ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เรื่องที่แปลกคือแม้ว่าผนึกจะพูดทำลายจนหมด แต่ 9 หาง ก็ยังไม่ได้ออกไปจากร่างของ คุชินะ มันยังใช้เธอเป็นภาชนะอยู่
แต่นั้นก็นับได้ว่าเป็นเรื่องดี
หาก 9 หาง ถูกแยกออกจากร่างของ คุชินะ เธอก็จะต้องตายเพราะเธอเป็น พลังสถิตร่าง ของมัน ถ้าเป็นอย่างนั้นแม้ว่าจะผนึกมันกลับไปได้ มันก็จะไม่ช่วยอะไร
แต่ไม่ใช่กับกรณีนี้ ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว
ซึนาเดะ เดินเข้ามาหา ไนโตะ และมองดู คุชินะ ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วถามเขาว่า “เธอเป็นไงมั้ง?”
“เธอแค่หมดสติไปชั่วคราว แต่ผนึกได้ถูกทำลายจนใช้การไม่ได้แล้ว เราคงต้องทำการผนึกใหม่อีกครั้ง” ไนโตะ พูดและดูเป็นห่วงเธอมาก
ซารุโทบิ และคนอื่น ๆ ไม่ได้เข้ามาดู เพราะพวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้ ไนโตะ ในตอนนี้ แม้ว่าพวกเขาจะบอก ไนโตะ ไปแล้วว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ คุชินะ ก็ตาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โอโรจิมารุ ที่เหมือนจะรู้จัก ไนโตะ มากที่สุด เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่า ไนโตะ อันตรายกว่า 9 หาง เป็น 10 เท่า!
ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาได้ นอกจาก ซึนาเดะ
เมื่อ ซึนาเดะ ได้ยินที่ ไนโตะ พูด เธอก็รู้สึกโล่งใจที่ คุชินะ ไม่เป็นอะไรร้ายแรง
หลังจากนั้น ซึนาเดะ ก็มองไปที่ ไนโตะ ที่กำลังวางมือลงบนท้องของ คุชินะ และเธอเองก็รู้สึกได้ว่าจักระของ 9 หาง ยังสามารถไหลออกมาได้ตลอดเวลา
เมื่อเห็นแบบนั้น ซึนาเดะ ก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันจะใช้ วิชาผนึก 4 วิถี จากนั้นก็ วิชาผนึก 8 ทิศ…”
“ไม่ หนูทำเอง!”
ซึนาเดะ ไม่ทันได้พูดจนจบประโยค ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลังของเธอ เธอหันกลับไปมองและพบว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของ อุซึมากิ เมอิ หลังจากที่ 9 หาง หายไปแล้ว เมอิ ก็รีบมาที่นี่ทันที
ในฐานะที่เธอเป็นสมาชิกของ ตระกูลอุซึมากิ เธอจึงมีความเชี่ยวชาญในวิชาผนึกเป็นพิเศษ
ไนโตะ มองไปที่เธอแล้วพยักหน้า และพูดว่า “ขอโทษที แต่รบกวนด้วยน่ะ”
“ไม่เป็นไร ไนโตะ…ฉันควรขอโทษนายมากกว่า…ฉันไม่ได้อยู่ที่นั่นในตอนที่ คุชินะ ต้องการฉันมากที่สุด ฉันมันแย่จริง ๆ”
อุซึมากิ เมอิ สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก็พยักหน้าให้ ไนโตะ เธอดูจริงจังมาก จากนั้นเธอก็เดินไปที่ด้านข้างของ คุชินะ และเริ่มใช้ วิชาผนึก 8 ทิศ
การผสมผสานที่สมบูรณ์แบบระหว่าง วิชาผนึก 4 วิถี และ วิชาผนึก 8 ทิศ จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากใน วิชาคาถาสะกด ผู้คนส่วนใหญ่มักจะทำได้เพียงแต่ วิชาผนึก 4 วิถี เท่านั้น
การทำ วิชาผนึก 8 ทิศ ให้ได้อย่างสมบูรณ์นั้นยากมาก แต่สำหรับสมาชิก ตระกูลอุซึมากิ แล้วมันไม่ยากเลย เพราะพวกเขาเชี่ยวชาญและรู้จัก คาถาสะกด เกือบทั้งหมด
ในไม่ช้า ผนึกใหม่ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าท้องของ คุชินะ และจักระของ 9 หาง ก็ไม่สามารถรั่วไหลออกมาได้อีกต่อไป เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซารุโทบิ เขาอดไม่ได้ที่จะเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขา
เพราะหากมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับ คุชินะ แล้วละก็ จะไม่มีใครนึกภาพสยองขวัญที่ ไนโตะ จะทำกับพวกเขาได้ โดยไม่พูดถึงภาพที่ ไนโตะ ทุบ 9 หาง ด้วยมือเปล่าที่ยังคงติดตาพวกเขาอยู่
ซึนาเดะ และนินจาแพทย์คนอื่น ๆ เข้ามาตรวจอาการของ คุชินะ อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ เธอแค่หมดสติไปเท่านั้น เธออาจต้องพักสัก 2 – 3 วัน ซึ่งนั่นทำให้ ไนโตะ รู้สึกโล่งใจ
แต่ในเวลาเดียวกัน ไนโตะ ก็รู้สึกอารมณ์เสีย
ไนโตะ และ มาดาระ ได้กล้ายเป็นศัตรูกันอย่างแท้จริง
มาดาระ ที่ต้องการควบคุมโลกแห่งนินจา และ ไนโตะ ที่ต้องการเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดและปกป้องคนที่เขารัก
อย่างไรก็ตาม ในพวกเขา 2 คน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ได้ และไม่มีที่ยืนสำหรับผู้แพ้
ไนโตะ อุ้ม คุชินะ เอาไว้ในอ้อมแขน เขาหันไปมองหมู่บ้านที่ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง และผู้คนที่ดูหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
แม้ว่า ซารุโทบิ และคนอื่น ๆ จะพยายามผลักดันการต่อสู้ออกจากหมู่บ้าน แต่หมู่บ้านก็ยังได้รับเสียหายเป็นอย่างมาก และนี่เป็นเพียงการพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังที่น่ากลัวของ 9 หาง เท่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ไนโตะ เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่พลังของเขาก็ยังไม่ถึงระดับของ ฮาชิรามะ และ มาดาระ
……….
ในที่มืดที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้ดิน
มาดาระ ที่หลับตาอยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ และเผยให้เห็นความอิดโรยในดวงตาของเขา
“มันจบแล้ว”
“ฉันไม่สงสัยการตัดสินใจของคุณ แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าคุณทำไปเพื่ออะไร?” เซ็ทสึดำ พูดออกมาในขณะที่เขายืนอยู่ข้าง มาดาระ และมองดู มาดาระ ด้วยท่าทางที่สับสน
มาดาระ ตอบกลับ “รอก่อน แล้วเจ้าจะเห็น ถ้าเจ้าต้องการควบคุมใครซักคนเจ้าก็ต้องทำให้เขาหมดหวังเสียก่อน”
“มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนทั้งหมด”
………..
ค่ายชั่วคราวของ โคโนฮะ
หมู่บ้านส่วนใหญ่ถูกทำลาย และนินจาก็กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างหมู่บ้านขึ้นมาใหม่ ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างค่ายชั่วคราวขึ้นมาก่อนเพื่อให้ชาวบ้านสามารถพักอาศัยอยู่ได้
ในเวลานั้น ที่ห้องที่อยู่ใจกลางของค่าย ก็มีคนบางคนกำลังโต้เถียงกันอยู่
“เราต้องไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด!” ดันโซ ยืนอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าเย็นชาแล้วตะโกนต่อไปว่า “พลังสถิตร่าง ของ 9 หาง ท่านต้องมอบให้ฉัน”
“ไม่มีทาง!”
ซารุโทบิ ยังคงต่อต้านความคิดนี้อยู่ นอกจากนี้ ดันโซ จะควบคุม คุชินะ ได้ยังไงเมื่อมี ไนโตะ?
“ท่าโฮคาเงะ ฉันขอเสนอให้นำ พลังสถิตร่าง ของ 9 หาง ไปซ่อนไว้ในที่ปลอดภัยเป็นการชั่วคราว เราไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และมันจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่”
นินจาคนหนึ่งยืนขึ้นแล้วพูดกับ ซารุโทบิ ว่า “เราจำเป็นต้องกักขังพลังของมันไว้ในม่านพลังที่แข็งแกร่ง หากมันหลุดออกมาอีกครั้ง เราก็จะสามารถหยุดมันได้อย่างง่ายดาย”
นินจาคนหนึ่งพูดออกมาในที่ประชุม แต่ไม่มีใครตอบกลับ
ความเงียบก็เข้าควบคุมสถานที่นี้
เหตุผลเบื้องหลังความเงียบนี้คือ ไนโตะ ซึงเปิดประตูเข้ามา
ทันใดนั้น ไนโตะ มองไปที่นินจาคนที่พูดแบบนั้นออกมาแล้วถามเขากลับด้วยน้ำเสียงที่สงบ “คุณต้องการทำอะไร?”
แม้ว่า ไนโตะ จะไม่เปิดเผยจิตสังหารออกมา แต่แค่ประโยคง่าย ๆ นี้ก็ทำให้หัวใจของนินจาคนนั้นตกอยู่ในความกลัว
ความเงียบ
ไม่มีใครคิดว่า ไนโตะ จะปรากฏตัวเข้ามาในห้องนี้ ซึ่งทำให้นินจาถึงกับเป็นใบ้และเหงื่อก็ผุดขึ้นมาเต็มหน้าของเขา
ความสัมพันธ์ระหว่าง ไนโตะ และ คุชินะ เป็นที่รู้จักกันดี เหตุผลเดียวที่พวกเขาจัดการประชุมลับนี้ขึ้นมาก็เพราะพวกเขาเข้าใจถึงความยากลำบากในการจัดการกับเรื่องนี้
“มีใครต้องการ…คุมตัว คุชินะ รึเปล่า?”
ไนโตะ กล่าวประโยคนี้แล้วจ้องมองผู้คนในห้อง แต่ไม่มีใครกล้ามอง ไนโตะ!
ในขณะนี้ การปรากฏตัวของ ไนโตะ สร้างแรงกดดันให้กับผู้คนภายในห้อง
การปรากฏตัวของ ไนโตะ น่ากลัวเสมอ
นอกจากนี้ภาพที่ ไนโตะ จัดการกับ 9 หาง ยังคงติดอยู่ในตาของพวกเขา ในขณะนั้นไม่มีใครแม้แต่ ซารุโทบิ กล้าที่จะตอบคำถาม ไนโตะ!