โฮคาเงะ มีวิธีปิดข่าวทั้งหมดเกี่ยวกับการออกเดินทางของ คุชินะ และ ไนโตะ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุที่เกิดจาก 9 หาง โคโนฮะ ก็กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งโลก
ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดข่าวทั้งหมดไว้อีกต่อไป
หลังจากใช้เวลาในการสอดแนมเป็นเวลากว่า 1 เดือน สายลับจากหมู่บ้านอื่นก็สามารถยืนยันได้ว่า ผู้ประกอบพิธีกรรมสีเลือดแห่งโคโนฮะ และ พลังสถิตร่าง ของ 9 หาง ได้ออกจาก โคโนฮะ ไปแล้ว!
หลังจาก ตระกูลอุจิฮะ สูญเสียสมาชิกไปเป็นจำนวนมาก และอุบัติเหตุของ 9 หาง ทำให้หมู่บ้านสูญเสียกำลังรบไปอย่างมหาศาล และการจากไปของ ไนโตะ และ คุชินะ ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มฉนวนสงครามมากขึ้นไปอีก!
แม้ว่าจะไม่มีแคว้นไหนสามารถยืนยันได้ว่า โคโนฮะ พิจารณาให้ ไนโตะ เป็น นินจาถอนตัว แล้วหรือยัง แต่จากข้อมูลที่พวกเขามี พวกเขาก็ยืนยันได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ไนโตะ กับ โคโนฮะ นั้นแย่ลงแล้ว
โคโนฮะ ไม่สามารถใช้งาน ไนโตะ ได้อีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม
นั่นทำให้ข้อตกลงระหว่าง โคโนฮะ กับหมู่บ้านอื่น ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
โคโนฮะ ได้รับทรัพยากรและเพิ่มเขตแดนเป็นจำนวนมากหลังจากจบ มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับ โคโนฮะ ทำให้หมู่บ้านอื่น ๆ สามารถชิงคืนไปได้อย่างง่ายดาย เพราะ โคโนฮะ ไม่มีกำลังพอที่จะปกป้องมันไว้ได้ทั้งหมด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ โคโนฮะ อ่อนแอมากที่สุด และหมู่บ้านใหญ่อีก 4 แห่งก็จะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังกลัวอยู่ว่า ไนโตะ อาจจะกลับมาอยู่ฝ่าย โคโนฮะ อีกก็ได้ พวกเขาจึงไม่ได้ทุ่มกำลังทั้งหมดเข้าโจมตี โคโนฮะ ในทันที
ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มต้นทดสอบความคิดของพวกเขา
ทีมนินจาหลายทีมถูกส่งไปยังชายแดนของ โคโนฮะ และเริ่มโจมตีเพื่อสร้างสถานการณ์
อีกครั้งที่โลกตกอยู่ในความสับสนและวุ่นวาย
สำหรับ ไนโตะ และ คุชินะ ทั้งคู่ไม่ได้สนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโลก และพวกเขายังคงเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านอาเมะ
…
แคว้นแห่งฝน
มันไม่เคยเปลี่ยน เมฆมืดยังคงปกคลุมท้องฟ้าและฝนยังคงตกอยู่อย่างเช่นเคย
“อากาศที่นี่น่าหดหู่จริง ๆ”
คุชินะ ยื้นมือออกมาและมองดูฝนที่ตกลงมาบนมือของเธอ เธออดไม่ได้ที่จะพูดคำนั้นออกมาด้วยสีหน้าที่น่าเศร้า
ทันใดนั้น เธอก็ใช้ โหมดจักระ 9 หาง
ฟื้บ!!
และในวินาทีต่อมา ร่างของเธอก็ถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมจักระทองคำของ คุรามะ ซึ่งทำให้เหมือนกับมีกำแพงลองหนระหว่างเธอกับสายฝน มันกำลังทำให้เม็ดฝนระเหยไปก่อนที่มันจะตกลงมาถึงร่างกายของเธอ
เมื่อมองดูเธอ ไนโตะ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เธอดูเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นใหม่
วิธีที่ ไนโตะ และ คุชินะ ใช้นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเมื่อเม็ดฝนตกลงบนตัวของ ไนโตะ มันจะกระเด็นออกไป
อย่างไรก็ตาม วิธีของ คุชินะ นั้นรุนแรงกว่า
พวกเขาทั้งคู่ เดินไปบนสายฝนโดยที่ตัวไม่เปียกเลยสักนิดเดียว
ในไม่ช้าทั้งคู่ก็มาถึงเมืองเล็ก ๆ ใน แคว้นแห่งฝน หลังจากที่ คุชินะ ปลดโหมดจักระ 9 หางออก เธอและ ไนโตะ ก็เดินเข้าไปในโรงน้ำชาเพื่อพักผ่อนชั่วคราว
“แม้แต่รสชาติของน้ำชาก็ไม่เหมือนกับ โคโนฮะ”
เมื่อ คุชินะ มองออกไปนอกหน้าต่างและมองดูฝนที่กำลังตก เธอก็นั่งเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ ไนโตะ
ไนโตะ พยักหน้าให้เธอ ขณะที่เขากำลังดื่มชา และเขาก็ใช้ สัมผัสพิเศษ ของเขาเพื่อตรวจสอบพื้นที่รอบ ๆ เหมือนที่เคยทำ
สัมผัสพิเศษ นั้นแข็งแกร่งกว่า เนตรสีขาว เพราะไม่เพียงแต่มันเห็นทุกอย่าง แต่มันมีความสามารถในการได้ยินเสียงอีกด้วย
เหมือนกับมุมมองของเทพเจ้า
ในที่สุดสัมผัสพิเศษก็สามารถรับรู้คลื่นสัญญาณเสียงได้อย่างง่ายดาย ท้ายที่สุดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องมีการสั่นสะเทือนเป็นของตัวเอง และมันก็ไม่ได้ทำให้เขาสูญเสียพลังแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้มันได้ตลอดเวลา
ไม่มีนินจาจากหมู่บ้านอื่นในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ มีเพียงนินจาอาเมะธรรมดา ๆ ที่จะไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ ไนโตะ กำลังจะเลิกตรวจสอบพื้นที่ เขาก็ได้ยินนินจากลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ในบ้านพักใจกลางเมืองกำลังพูดบางอย่างขึ้นมา และมันก็ดึงดูดความสนใจของ ไนโตะ เป็นอย่างมาก
………
“หมดเวลาพักแล้ว โลกได้กลับเข้าสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง สถานการณ์ไม่สู้ดีเท่าไรนัก หมู่บ้านอื่นเริ่มส่งนินจาเข้ามาแฝงตัวอยู่ใน แคว้นแห่งฝน แล้ว”
“คำถามคือทำไม ท่านฮันโซ ไม่สั่งให้พวกเราไปจัดการกับนินจาพวกนั้น และป้องกันไม่ให้พวกมันเข้ามาแฝงตัวในหมู่บ้านของเรา”
“เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของพวกมันไม่ใช่หมู่บ้านของเรา พวกมันแค่มาพักที่หมู่บ้านเราเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ท่านฮันโซ ก็ได้ติดต่อกับ พวกแสงอุษา แล้วใช่ไหมล่ะ?”
บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีที่เขาพูดถึง แสงอุษา
นินจาอีกคนหนึ่งเงียบไปนาน จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “อันที่จริงแล้ว ฉันก็ไม่ได้ต่อต้าน พวกแสงอุษา หรอกน่ะ มันเป็นเหตุผลที่ดีที่จะหยุดสงคราม แต่มันก็ไร้เดียงสาเกินไป”
“สงครามจะหยุดลงได้ก็ต่อเมื่อ หมู่บ้านใหญ่ทั้ง 5 ต้องการให้มันจบลง การตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่พวกเขา และถ้า แสงอุษา ยื่นมือเข้าไปยุ่ง หมู่บ้านใหญ่ก็จะทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น!”
นอกจากพวกที่คลั่งไคล้ในสงครามและคนบ้าที่ชอบการฆ่าฟัน ก็ไม่มีใครต้องการสงคราม แม้แต่พวกนินจาเองก็ตาม เพราะสงครามหมายถึงความสูญเสีย
“ถ้าพวกเขาต้องการหยุดสงคราม อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ควรใช้ หมู่บ้านอาเมะ เป็นที่มั่นในการส่งเสียงของพวกเขาไปทั่วโลก สิ่งนี้กำลังคุกคามชีวิตของชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ในหมู่บ้าน และส่งผลต่อสถานะการปกครองของ ท่านฮันโซ เอง”
“ใช่ คราวนี้ ท่านฮันโซ เลยต้องออกนำทัพด้วยตัวเอง แต่ฉันก็ไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีหรือวิธีการที่เขาจะใช้เลย”
“ไม่มีใครสามารถเอาชนะนินจาครึ่งเทพอย่าง ท่านฮันโซ ได้ แม้แต่คนที่จัดการกับ คาเสะคาเงะ รุ่นที่ 2 ก็อาจจะจำเป็นต้องร่วมมือกับนินจาคนอื่น ๆ เพื่อต่อสู้กับเขา”
นินจาคนอื่น ๆ พยักหน้า เมื่อพวกเขาเห็นด้วยกับประโยคนี้
มันเป็นความจริงที่ว่าสมาชิกของ แสงอุษา นั้นแข็งแกร่ง แต่ ฮันโซ ก็มีฝีมือและประสบการณ์มากกว่าพวกเขา
ไม่นานหลังจากนั้น หนึ่งในนินจาเหล่านั้นก็ลุกขึ้น และเดินไปที่หน้าต่าง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เดินกลับมาด้วยความสงบและมองไปที่คนอื่น ๆ แล้วพูดว่า “ฉันเพิ่งได้รับข้อมูลมาว่า แสงอุษา ได้พ่ายแพ้ให้กับ ท่านฮันโซ แล้ว และตอนนี้ ท่านฮันโซ ก็กำลังไล่ล่า หัวหน้าองค์กรแสงอุษา เพื่อฆ่าเขา”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ไม่มีนินจาคนไหนประหลาดใจเมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้ เพราะพวกเขาคาดการณ์ไว้แบบนั้นอยู่แล้ว