กลุ่ม 7 ดาบนินจาแห่งคิริ กำลังวิ่งหนีภายใต้สายตาที่จับจ้องของ กองทัพคิริ ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
แม้ว่า กลุ่ม 7 ดาบนินจาแห่งคิริ จะเป็นนินจาที่ดุร้ายและไม่กลัวตาย แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่
พวกเขารู้ดีว่า ไนโตะ ไม่ใช่มนุษย์ เขาเป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถจัดการกับ 3 หาง ได้อย่างง่ายดาย พวกเขาจะต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิตหากคู่ต่อสู้เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ไม่ใช่สำหรับสัตว์ประหลาดเช่นนี้
“คาถาซ่อนตัวในหมอก!”
กลุ่ม 7 ดาบนินจาแห่งคิริ ได้ใช้ คาถาซ่อนตัวในหมอก เพื่อหลบหนี มันเป็นคาถาที่มีประโยชน์เป็นอย่างมากทั้งในเรื่องการจู่โจมและการหลบหนี เช่นเมื่อต้องจูโจม พวกเขาจะใช้มันเพื่อปิดกั้นทัศนวิสัยการมองเห็นของศัตรูเพื่อให้ผู้ใช้วิชาสามารถลอบสังหารศัตรูได้ หรือเมื่อต้องหลบหนี พวกเขาก็จะใช้หมอกบังตาศัตรูเพื่อไม่ให้เห็นเส้นทางหลบหนีของพวกเขาได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งคาถานี้เป็นคาถาลับเฉพาะ หมู่บ้านคิริ เท่านั้น และ นินจาคิริ ทุกคนก็สามารถใช้คาถานี้ได้
เมื่อเห็นหมอกที่จู่ ๆ ก็ปรากฏออกมาในสนามรบ กองทัพโคโนฮะ ก็เตรียมพร้อมที่จะไล่ล่าในทันที แต่หมอกก็หนาเกินไปจนพวกเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย
เห็นได้ชัดว่าหมอกนี้ไม่ใช่หมอกธรรมดา แต่มันเป็นหมอกพิเศษที่ผสมไปด้วยจักระจนหนักอึ้ง ทำให้ลมไม่สามารถพัดพามันไปได้
“พวกมันใช้คาถานั้นอีกแล้ว!”
จิไรยะ ประสานอินขึ้นมาทันทีและพยายามใช้ คาถาลม เพื่อพัดหมอกเหล่านั้นออกไป
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคาถาของ จิไรยะ จะแข็งแกร่ง แต่มันก็พัดหมอกไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยหมอกอยู่ดี
“เฮ้อ ช่างมันเถอะ จะยังไงการต่อสู้ครั้งนี้เราก็ได้รับชัยชนะที่ดีเดินคาด แม้ว่า กลุ่ม 7 ดาบนินจาแห่งคิริ จะหนีรอดไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะ 3 หาง พ่ายแพ้ไปแล้ว และการต่อสู้ครั้งต่อไปก็คงจะไม่ใช่เรื่องยาก”
จิไรยะ คิดว่าการยืดเยื้อการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่คุ้มค่าอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามเขาก็จะยังคงสนับสนุนคนอื่นต่อไปจนกว่าการต่อสู้จะสิ้นสุดลง
ไนโตะ ยืนอยู่แนวหน้าของ กองทัพโคโนฮะ และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเขาหายตัวเข้าไปในหมอกเช่นเดียวกับ กลุ่ม 7 ดาบนินจา แล้ว แต่ จิไรยะ ก็ไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของ ไนโตะ แต่อย่างใด เพราะเขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะไล่ตามพวกเขาไปเมื่อพวกเขาใช้ คาถาซ่อนตัวในหมอก!
รอบ ๆ ตัว ไนโตะ รายล้อมไปด้วยหมอกหนา แม้แต่สายตาที่เฉียบคมของ ไนโตะ ก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม กลอุบายแบบนี้ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง สัมผัสพิเศษ ของ ไนโตะ ในการค้นหาตำแหน่งของพวกเขาได้
ยิ่งไปกว่านั้น เพียงแค่ความสามารถในการตรวจจับโดยใช้ โหมดเซียนขั้น 2 ก็เพียงพอแล้วที่จะค้นหาพวกเขาได้ โดยไม่ต้องพึ่ง สัมผัสพิเศษ
ไนโตะ ยืนอยู่ท่ามกลางหมอกหนา เขาจ้องมองไปข้างหน้า เพราะแม้ว่าวิสัยทัศน์ของเขาจะถูกปิดกั้น แต่เขาก็สามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
ฟึ๊บ!!
ทันใดนั้น ไนโตะ ก็เคลื่อนที่ชั่วพริบตาและหายตัวไปในหมอกตรงหน้าทันที
ข้อได้เปรียบที่แท้จริงของ คาถาซ่อนตัวในหมอก นี้ ไม่ใช่แค่การบดบังวิสัยทัศน์ของศัตรูเพียงเท่านั้น แต่ยังใช้หมอกในการเป็นเครื่องตรวจจับได้อีกด้วย
คาถานี้ ถูกใช้โดย โฮซึกิ มันเงสึ และในเวลานี้ เขากำลังวิ่งอยู่ในหมอก ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ยังคงใช้มือข้างหนึ่งประสานอินค้างเอาไว้ ด้วยวิธีนี้จึงทำให้เขาสามารถสร้างหมอกขึ้นมาได้อีกทุกเมื่อที่เขาต้องการง
“คาถานี้จะช่วยให้พวกมันไม่มีทางตามเรามาได้ทัน และคาถาของฉันก็ไม่สามารถทำลายได้ง่าย ๆ”
มันเงสึ สามารถตรวจจับได้ว่า กองทัพโคโนฮะ กำลังหลงทางอยู่ในหมอก เหมือนกับแมลงวันที่หาทางออกไม่เจอ และ ไนโตะ ที่เหมือนสัตว์ประหลาดนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เข้ามาในหมอก เพราะ มันเงสึ หาเขาไม่เจอ ดังนั้น มันเงสึ จึงแสดงความโล่งใจออกมา
“นั่นคือพลังที่แท้จริงของ ไนโตะ งั้นเหรอ? เขามีพลังมากเกินไป ฉันกลัวว่าเราคงต้องใช้มากกว่า กลุ่ม 7 ดาบนินจา ของเราเพื่อฆ่าเขา”
ในขณะที่ มันเงสึ กำลังคิดหาวิธีที่จะฆ่า ไนโตะ แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องหยุดคิดและแววตาของเขาก็ซีดขึ้นมาทันที
“นั่นมันอะไรกัน?!”
เพราะเขาเป็นผู้ใช้คาถานี้ มันเงสึ จึงสามารถตรวจจับได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหมอก และตอนนี้ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีร่างอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
แต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้ เขาสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวในหมอกได้ก็จริง แต่ความเร็วในระดับนั้นมันไม่น่าเป็นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น การตรวจจับผ่านหมอกจะรับรู้ได้เพียงแค่ 1 ใน 10 ของความเร็วที่แท้จริงเท่านั้น!
คนคนนั้นยังคงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าเดิม และไม่ว่า มันเงสึ จะเร่งความเร็วของเขามากขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถหนีห่างจากคนคนนั้นได้เลย
“ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นผู้ชายคนนั้นแน่นอน!”
มันเงสึ หายใจเข้าลึก ๆ และพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าความเร็วระดับนี้ ต้องเป็น ไนโตะ อย่างแน่นอน
แต่เขาก็คิดเอาไว้แล้ว และนี้ก็เป็นเหตุผลที่เขาใช้หมอกในการหลบหนี เพราะเขาคิดว่าแม้ว่า ไนโตะ จะเร็วกว่าเขา แต่ ไนโตะ ก็จะไม่สามารถระบุตำแหน่งของเขาได้
แต่ มันเงสึ คิดผิดมหันต์ เขารู้จัก ไนโตะ น้อยเกินไป เพราะ ไนโตะ ไม่เพียงแต่สามารถระบุตำแหน่งของเขาได้เท่านั้น แต่เขายังสามารถระยุตำแหน่งของทุกคนที่อยู่ในหมอกได้ และทันใดนั้นเขาก็พบกับเหล่า กลุ่ม 7 ดาบนินจาแห่งคิริ
มันเงสึ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาตรวจจับได้ว่า ไนโตะ กำลังเคลื่อนที่ชั่วพริบตาหลายครั้งไปอยู่ด้านข้างของ 1 ในกลุ่ม 7 ดาบนินจา จากนั้นเขาก็เคลื่อนที่หาคนถัดไป
“นี่มัน…เป็นไปไม่ได้!!”
การมองเห็นการเคลื่อนที่ของ ไนโตะ ในหมอก ทำให้ มันเงสึ ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ไนโตะ…มองเห็นในคาถาของเขาได้อย่างไร?!
ไม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น…ดูเหมือนว่า ไนโตะ จะไม่สนใจหมอกของเขาเลยแม้แต่น้อย!
มันเงสึ ดูหน้าซีดขึ้นมาในทันที เขาตรวจจับได้ว่า ไนโตะ ได้เคลื่อนที่ไปหาเหล่า กลุ่ม 7 ดาบนินจา ทีละคน และทันทีที่เขาไปถึงตัวพวกเขา พวกเขาก็จะหยุดเคลื่อนไหวราวกับว่าพวกเขาถูกแช่แข็งอยู่ในสถานที่ที่พวกเขาอยู่ในทันที
คาถาซ่อนตัวในหมอก ทำให้ มันเงสึ สามารถรับรู้ถึงตำแหน่งได้เท่านั้น แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่ แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่า พวกเขาคงจะถูก ไนโตะ เล่นงานไปแล้ว!
มันเงสึ กัดฟันแน่นแล้วหันหลังกลับไปโดยไม่ลังเล สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือหนีออกไปจากที่นี่ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็จำเป็นต้องหยุด เพราะในตอนนั้นเอง เขาก็ตรวจจับได้ว่า ร่างนั้นได้เคลื่อนที่ชั่วพริบตาเข้าหา สมาชิกคนที่ 6 ของ กลุ่ม 7 ดาบนินจา เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ร่างนั้นก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาแค่ชั่วพริบตา!
ในเวลานี้ คาถาซ่อนตัวในหมอก ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป มันเงสึ สามารถมองเห็น ไนโตะ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน และ ไนโตะ ก็สามารถมองเห็น มันเงสึ ได้อย่างชัดเจนเช่นกัน
มันเงสึ สูดหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปที่ ไนโตะ จากนั้นความเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาอย่างชัดเจน
“เจ้าสัตว์ประหลาด…ฉันไม่ยอมให้แกฆ่าได้ง่าย ๆ หรอก…อย่ามาดูถูก ตระกูลโฮซึกิ นะ!”