The Strongest Hokage – ตอนที่ 381

เมื่อมองไปที่ ไนโตะ ที่ยืนอยู่ที่นั่น มิซึคาเงะ รุ่น 4 ก็ยิ้มให้กับเขาแต่ความรู้สึกตึงเครียดในดวงตาของเขาไม่สามารถปกปิดได้

 

เขาไม่รู้ว่า ไนโตะ มาถึง หมู่บ้านคิริ ตั้งแต่เมื่อไรและมาทำไม แต่เขารู้เพียงสิ่งเดียวว่าเขาจะต้องไม่ทำให้ ไนโตะ โกรธ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม!

 

ภาพนั้นเมื่อ 3 ปีก่อนในการประชุม 5 คาเงะ ยังคงฝั่งแน่นอยู่ในใจของเขา

 

แม้ว่า มิซึคาเงะ รุ่น 4 จะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดารุ่นก่อน ๆ และมีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของเขาว่าสามารถเผชิญหน้ากับ คาเงะ คนอื่น ๆ ได้อย่างสมศักดิ์ศรี

 

อย่างไรก็ตาม คาเงะ คนเดียวกันนี้ก็ดูเหมือนเด็ก ๆ ต่อหน้า ไนโตะ หรืออาจเหมือนกับลูกไก่ในกำมือ!

 

ความแข็งแกร่งของ ไนโตะ แม้แต่เขาเองก็ไม่สามารถไปถึงได้ราวกับประตูสวรรค์

 

“ดูเหมือนว่า ตระกูลคางุยะ จะก่อกบฏ…แต่เด็กคนนี้เป็นของฉันตั้งแต่นี้ไป และท่านก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ” ไนโตะ มองไปที่ มิซึคาเงะ รุ่น 4 แล้วพูดเบา ๆ

 

เมื่อพูดอย่างนั้น ไนโตะ ก็เหลือบมองไปที่ คิมิมาโร่ ที่อยู่ข้าง ๆ ในขณะที่ ฮาคุ มอง คิมิมาโร่ และทักทายเขาอย่างเป็นมิตร

 

คิมิมาโร่ ดูสับสนและมึนงงจนเขาทักทาย ฮาคุ กลับไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาก็มองไปที่ ไนโตะ ด้วยความกลัวที่เห็นได้ชัดในดวงตาของเขา

 

ในตอนนี้ มิซึคาเงะ มองไปที่ คิมิมาโร่ ที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขาก็พยักหน้าโดยไม่ลังเลทันที “แน่นอน ไม่มีปัญหา”

 

“ไม่รู้เลยว่าเธอสนใจเด็กคนนี้ ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันล้มเลิกความคิดที่จะเอาเขาไปทดลองก็ได้”

 

จู่ ๆ โอโรจิมารุ ก็เดินเข้ามาจากด้านหลัง

 

แม้ว่าจุดประสงค์เดิมของการเดินทางครั้งนี้ของ โอโรจิมารุ คือการตามหา คิมิมาโร่ แต่ดูเหมือนตอนนี้ ไนโตะ ก็ต้องการเช่นกัน และเขาคงไม่กล้าแย้ง ไนโตะ

 

“โอโรจิมารุ?”

 

มิซึคาเงะ เห็น โอโรจิมารุ จากนั้นดวงตาของเขาก็ดูแค้นมาก ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โอโรจิมารุ ท่องอยู่ใน แคว้นแห้งน้ำ และเขาก็รู้เรื่องนี้มาโดยตลอด แม้ว่า โอโรจิมารุ จะเป็นนินจาจอมโกง แต่สถานะของ โอโรจิมารุ ก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาสามารถจัดการกับ โอโรจิมารุ ได้ทันทีเพราะเขารู้ว่าทำไม โอโรจิมารุ ถึงมาที่นี่

 

ถ้า ไนโตะ ไม่ได้อยู่ที่นี่เขาจะจัดการกับ โอโรจิมารุ ทันที

 

อย่างไรก็ตาม มิซึคาเงะ ก็ไม่รู้ว่าทั้ง 2 มีความสัมพันธ์แบบไหน และโดยธรรมชาติเขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรโดยประมาท

 

“อย่ามองฉันแบบนั้นสิ เชื่อเถอะว่าฉันไม่ได้อยากให้ หมู่บ้านคิริ เกิดการต่อสู้และการกบฏครั้งนี้ก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”

 

โอโรจิมารุ กางมือออกต่อหน้า มิซึคาเงะ และแสดงสีหน้าชั่วร้ายเล็กน้อย

 

มิซึคาเงะ รุ่น 4 ทำหน้าตาเย็นชาโดยไม่สนใจ โอโรจิมารุ แต่ก็ยังคงมองไปที่ ไนโตะ อยู่

 

อย่างไรก็ตาม ไนโตะ ก็ไม่สนใจ มิซึคาเงะ เช่นกัน แต่มองไปที่ คิมิมาโร่ และ ฮาคุ ที่อยู่ด้านข้าง ในเวลานี้เด็กทั้ง 2 ได้เริ่มพูดคุยกันแล้วและพวกเขาก็ดูเข้ากันได้ดี

 

คิมิมาโร่ สามารถสอน ฮาคุ ถึงความแข็งแกร่งได้และ ฮาคุ ก็สามารถสอนวิธีทำตัวอ่อนโยนให้ คิมิมาโร่ ได้เช่นกัน

 

“ถ้านายไม่มีใครก็ไปกับพวกเราเถอะ อาจารย์ไนโตะ ไม่รังเกียจนายหรอก”

 

ฮาคุ ยิ้มให้ คิมิมาโร่ อย่างใจดี

 

คิมิมาโร่ มองไปที่ ฮาคุ ด้วยความสับสนจากนั้นก็ถามว่า “แล้วทำไมนายถึงตามเขามาล่ะ?”

 

“เพราะ ท่านไนโตะ ต้องการฉัน นี่คือจุดมุ่งหมายในชีวิตของฉัน”

 

เมื่อฟังคำพูดของ ฮาคุ คิมิมาโร่ ก็แสดงสีหน้าแปลก ๆ และก็นึกเรื่องในอดีตขึ้นมาได้

 

เขารู้สึกรังเกียจและกลัวตัวเอง เขามีตัวตนเพื่อเป็นเครื่องจักรสังหาร เขาถูกขังไว้ในกรงขังและได้แต่สงสัยว่าจะทำอย่างไร สงสัยว่าทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่

 

เขาเกลียดความรู้สึกนั้น เขายังต้องการค้นหาความหมายสำหรับชีวิตของเขา จุดประสงค์ที่มีชีวิตอยู่

 

“ทุกชีวิตมีความหมาย ทุกคนมีจุดมุ่งหมาย แต่นายต้องค้นพบมันด้วยตัวเอง นายอาจมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง เพื่อบางสิ่ง หรือเพื่อใครบางคน…”

 

ไนโตะ มองไปที่ คิมิมาโร่ จากนั้นก็พูดขึ้น

 

คำพูดของเขาทำให้ทั้ง คิมิมาโร่ และ ฮาคุ เบิกตากว้างอย่างสดใส

 

มีเพียง มิซึคาเงะ และ โอโรจิมารุ เท่านั้นที่ไม่อ่อนไหวไปตามคำพูดของ ไนโตะ

 

คิมิมาโร่ มองไปที่ ฮาคุ จากนั้นก็มองไปที่ ไนโตะ  ด้วยความกลัว และในที่สุดเขาก็พยักหน้าอย่างแน่วแน่

 

เมื่อเห็นแบบนี้ โอโรจิมารุ ก็ส่ายหัวจากนั้นก็หันหลังกลับและเดินจากไป

 

ในอีกด้านหนึ่ง มิซึคาเงะ รุ่น 4 ก็ยังคงเฝ้ามอง ไนโตะ อย่างระมัดระวัง

 

คิมิมาโร่ มองไปที่ มิซึคาเงะ ด้วยความระแวดระวัง เขากลัวทั้ง ไนโตะ และ มิซึคาเงะ หัวใจของเขาสั่นสะท้านด้วยความสยดสยอง แต่นอกจากความกลัวนั้นแล้วเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความชื่นชมใหม่ที่ปรากฏขึ้นในใจที่มีให้กับ ไนโตะ

 

“ฉันขอตัวก่อน แต่ฉันจะกลับมาเยี่ยมเยียนอีกแน่นอน”

 

ไนโตะ มองไปที่ มิซึคาเงะ รุ่น 4 และพูดอย่างไม่เป็นทางการ จากนั้นเขาหันหลังกลับและพา ฮาคุ กับ คิมิมาโร่ เดินจากไป เขารู้แล้วว่าฐานแสงอุษาอยู่ที่ไหนและเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว เพราะการกบฏของ คางูยะ ที่ หมู่บ้านคิริ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับ ไนโตะ

 

มิซึคาเงะ รุ่น 4 ยิ้มและมอง ไนโตะ ที่กำลังเดินจากไปจากทางด้านหลัง จากนั้นก็พูดว่า “เรายินดีต้อนรับเสมอ”

 

แน่นอนเขาไม่ได้หมายความอย่างนั้น จนถึงตอนนี้ท้องของเขาก็ยังคงปั่นป่วนโดยไม่รู้สาเหตุ ความจริงที่ว่าเขาได้พบกับชายที่อันตรายคนนี้กำลังเดินอยู่รรอบ ๆ หมู่บ้านของเขา ทำให้เขาตัวสั่นด้วยความกลัว และในที่สุดเขาก็รู้สึกผ่อนคลายเมื่อชายคนนั้นจากไป!

 

เมื่อมองไปที่ ไนโตะ และคนอื่น ๆ ที่กำลังเดินจากไป เมย์ ก็หันไปหา มิซึคาเงะ เพื่อรอคำสั่งต่อไป

 

“ท่านมิซึคาเงะ…”

 

“กลับไปจัดการกับ ตระกูลคางูยะ ส่ะ”

 

การแสดงออกบนใบหน้าของ มิซึคาเงะ ค่อย ๆ เย็นลง

 

เมย์ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดว่า “แต่เด็กคนนั้น…”

 

“ไม่เป็นไรครับ” มิซึคาเงะ รุ่น 4 หายใจเข้าลึก ๆ และด้วยความกลัวที่ไม่มีที่สิ้นสุดในดวงตาของเขา เขาพูดว่า “เมื่อเขาตัดสินใจว่าจะไปกับ ไนโตะ นั้นก็พิสูจน์แล้วว่าเขาแตกต่างไปจาก คางูยะ ที่โง่เขลาคนอื่น ๆ”

 

“จำไว้นะครับ ถ้าในอนาคตคุณได้เจอกับเขาอีก อย่าทำเหมือนเขาเป็นศัตรูเด็ดขาด คุณไม่อยากยั่วโมโหเขาหรอก อย่าแม้แต่จะสบตาเขา เข้าใจไหมครับ!”

 

“ค่ะ”

 

เมย์ พยักหน้าอย่างแน่วแน่ แต่เธอก็พบว่ามันยากที่จะสงบสติอารมณ์ได้เป็นเวลานาน

 

หลังจากพูดคุยกับอีกครู่หนึ่ง เธอก็เข้าใจว่าทำไม มิซึคาเงะ ถึงไม่กล้าไล่ล่า คิมิมาโร่ ต่อไปอีก เพราะตอนนี้เขาอยู่ใต้การปกครองของเทพเจ้าแห่งนินจา ชายที่แข็งแกร่งที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ซึ่งคำพูดของเขาอยู่เหนือคนอื่นทั้งหมด!

 

The Strongest Hokage

The Strongest Hokage

ผลปีศาจ เป็นที่รู้จักกันดีว่ามันเป็นผลไม้ที่ให้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแห่ง One Piece… ขีดจำกัดสายเลือด เป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแห่งนินจา Naruto… แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหาก ผลปีศาจ ถูกพบในโลกแห่งนินจา Naruto และถ้าหากมันถูกกินมันจะให้พลังแก่ผู้ที่กินมันเทียบเท่ากับพลังของขีดจำกัดสายเลือดหรือไม่ แล้วผู้ที่กินผลปีศาจเข้าไปจะทำอย่างไรกับพลังที่เขาได้รับมาบ้าง เรื่องราวที่เกิดขึ้นย้อนกลับไปก่อนมหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 จะเริ่มต้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset