ตอนที่ 14: รู้สึกไม่ได้เลย …
เอธานลุกขึ้นยืน ในขณะที่เขายังคงมีสีหน้ามึนงง เขากำลังพึมพำ “WT … ” ก่อนที่จะพูดจบเขาก็สบถ WTF อีกครั้ง และเขาก็เอาความคิดของเขาออกจากหัว ขณะที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงจากความตื่นเต้น
แต่ในไม่ช้า เขาก็สงบลงขณะที่กำลังคิดว่า ‘อืมความแข็งแกร่งของฉันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และดูเหมือนว่ามันจะมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันควรตรวจสอบความแข็งแกร่งของร่างกายก่อน ‘ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็เข้าไปในห้องดับเพลิงที่ไม่ได้ถูกยึดครอง
หลังจากเข้ามาแล้วเขาก็ยืนอยู่หน้าแถวของที่จับ “ฉันควรเริ่มด้วยระดับ 7 จากระดับ 4 ถึงระดับ 7 ถือว่าเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของฉัน และฉันจะยืนอยู่ตรงกลางมันในครั้งนี้”
เมื่อตัดสินใจอย่างนั้นเขาก็ดึงที่จับระดับ 7 ลง
หลังจากนั้นเปลวไฟที่รุนแรงก็พวยพุ่งออกมาจากตรงกลาง และเขาก็ค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้าด้วย ตอนนี้ความตื่นเต้นของเขาเพิ่มขึ้นทุกย่างก้าว เพราะเขาไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่ความร้อน
แม้ว่าจะมาถึงช่วงที่แยกพื้นที่ส่วนที่เหลือไปยังเวทีตรงกลางที่เปลวไฟกำลังลุกไหม้อยู่ แต่เอธาน ก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลย เขาไม่มีแม้แต่เหงื่อซักเม็ดเดียวเพราะเขาไม่สามารถสัมผัสถึงความร้อนได้ ตอนนี้เหมือนกับว่าร่างกายของเขามีอุณหภูมิปกติและเปลวไฟตรงหน้าเขาไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเขาได้เลย
จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าในเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำและทันทีที่เข้าไปในใบหน้าของ เอธานก็เปลี่ยนไปทันที
ใบหน้าของเขาแสดงอาการตกใจ ไม่เชื่อ ตื่นเต้น ฯลฯ เพราะเขายังคงไม่รู้สึกอะไร
ไม่มีความร้อนแม้แต่นิดเดียว เขารู้สึกไม่แตกต่างระหว่างตอนที่ยืนอยู่ในเวทีหรือนอกเวที
“อื้อ … ” เอธานพึมพำด้วยใบหน้ามึนงง แต่ในไม่ช้าเขาก็หลุดออกจากความคิดของเขาเองและมาถึงแถวที่จับอีกครั้งก่อนจะดึงที่จับระดับ 8 ลง
คราวนี้แทนที่จะเดินช้าๆเขากลับเดินเร็วและมาถึงตรงกลางเวทีที่มีเปลวไฟที่น่ากลัวกำลังเต้นอยู่ แต่หลังจากยืนอยู่ตรงกลางเป็นเวลา 1 นาทีเขาก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลย ‘บ้าน่า นี่มันไม่ใช่ร่างกายของฉัน มันแรงแล้วนี่นา? ไม่มีความรู้สึกเลย – ยังมีระดับ 9 และระดับ 10 อีกนี่…’
หลังจากนั้น เอธานก็ดึงที่จับระดับ 9 ลงมา และยืนอยู่ตรงกลางเวทีในขณะที่เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่ออีกครั้ง เพราะเขายังไม่รู้สึกอะไร ‘นี่มัน …. ‘
จากนั้นเขาก็เดินไปที่แถวของด้ามจับอีกครั้งอย่างงุนงง ก่อนจะดึงที่จับระดับ 10 ลงและยืนอยู่ตรงกลางและมีสีหน้างุนงง ตอนนี้เขามีแต่ความรู้สึกเดียวกัน เพราะว่าเขายังคงไม่รู้สึกอะไรเลย แม้จะอยู่ในระดับความยากระดับ 10 ก็ตาม
หลังจากไม่เชื่อมาระยะหนึ่ง เอธานก็หลุดออกจากความคิดนั้นได้อีกครั้ง
‘เดี๋ยวก่อน นอกจากนี้มันก็ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง ที่ร่างกายของฉันจะได้รับความต้านทานต่อไฟและสายฟ้าที่สูงมากไปแล้ว หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พลังงานทั้งสองนั้นทำให้ฉันต้องนอนราบลงไปกับพื้นตอนก่อนหน้านี้ที่มันได้ให้โครงสร้างร่างกายใหม่แก่ฉัน
ดังนั้นจึงมีองค์ประกอบของธาตุอื่นที่ระดับความยากระดับ 10 อีก แทนที่จะเป็นฟ้าร้องและไฟ มันจึงมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับความเสียหายจากย่างอื่นอีก … แต่หลังจากที่วังวนสีดำดูดซับแก่นแท้ขององค์ประกอบอื่น ๆ แล้ว ฉันก็จะได้รับระดับความต้านทานขององค์ประกอบเหล่านั้นมาเหมือนกันสินะ’
จากนั้นเอธานก็ออกมาจาก ห้องไฟ และเข้าไปใน ห้องสายฟ้า ต่อ และเขาก็ได้ดึงที่จับระดับความยากระดับ 10 ลงแบบตรงๆทันที ซึ่งตอนนี้เขาก็ยังคงไม่รู้สึกอะไรเลย แม้จะยืนอยู่ตรงกลางแล้วก็ตาม
“แม้ว่าความแข็งแกร่งของร่างกายของฉันจะยังคงเป็นปัญหาต่อความเสียหายทางกายภาพและองค์ประกอบอื่น ๆของธาตุอยู่ แต่ฉันก็ควรที่จะต้องตรวจสอบความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉันก่อนด้วย”
จากนั้นเอธานก็เริ่มเดินช้าๆเพราะเขาไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุแบบเดียวกันนี้อีก แต่เมื่อเขาค่อยๆเดินและเพิ่มความเร็วในการเดินเพื่อให้คุ้นเคยกับพละกำลังที่เพิ่งค้นพบนี้
หลังจากนั้นไม่นาน เอธาน ก็เพิ่มความเร็วของเขาอีกครั้ง และเริ่มวิ่งจ็อกกิ้ง ซึ่งเกิดรอยแตก 2-3 จุดที่แพร่กระจายไป ในขณะที่เขากำลังวิ่งจ็อกกิ้ง ซึ่งถ้ามีคนมาเห็นมันจะสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนรอบข้างแน่นอน แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาก็ควบคุมสิ่งนั้นได้และสามารถวิ่งได้ตามปกติโดยไม่ทำลายพื้นผิวของภูเขา
ดังนั้นเอธานก็ยังคงเพิ่มความเร็วของเขาไปด้วย ในขณะที่เขาก็ปรับตวให้เข้ากับความแข็งแกร่งใหม่ของเขาซึ่งในที่สุดเขาก็เริ่มวิ่งได้อีกครั้ง …
รอยแตกยังแพร่กระจายไปเรื่อยๆ ในขณะที่เขากำลังวิ่ง แต่เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการปรับตัว และปรับมันไปด้วยในขณะที่เขาเพิ่มความเร็วในการวิ่งของเขาไปเรื่อย ๆ
จากนั้นเอธานก็เดินผ่านบริเวณที่ผู้คนยังพลุกพล่านก่อนที่จะเข้าไปด้านหลังของภูเขา
แต่เขาไม่รู้ตัวว่าเขาทำให้เกิดความปั่นป่วนในบริเวณนั้นไปแล้วเพราะความเร็วของเขานั้นเร็วเกินไป
“นั่นอะไรน่ะ จู่ๆฉันก็รู้สึกว่ามีลมพัดมา”
“ฉันเองก็เกือบจะตกจากเก้าอี้”
“ฉันเห็นฉันเห็นเงาคนผ่านไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ซึ่งทำให้เกิดลมนั่น ฉันมองเห็น แต่มันพร่ามัว มาก แต่ฉันแน่ใจว่าเขาเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 18-19 ปี”
คนในพื้นที่จึงเริ่มคาดเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร
…
ในขณะเดียวกัน เอธานก็มาถึงด้านหลังของภูเขา
เขามาถึงหน้าก้อนหินขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 เมตรและใช้มือขวาชกต่อยเข้าไปที่มัน
* บูม …
ก้อนหินแตกกระจายเป็นชิ้น ๆ แต่เอธานกลับขมวดคิ้ว ขณะที่เขาพึมพำ “ ให้ตายเถอะ ฉันจะตรวจสอบความแข็งแกร่งของตัวเองไม่ได้ด้วยวิธีนี้แล้ว ก้อนหินที่นี่อ่อนแอเกินไป ฉันไม่ได้ใช้พลังไปครึ่งหนึ่งเลยด้วยซ้ำ เมื่อกี้นี้น่ะ….”
หลังจากคิดอยู่ 2-3 วินาทีเขาก็เกิดความคิด “แล้วถ้าฉันจะลองทำลายมันจากระยะไกลได้ล่ะ เนื่องจากความแข็งแกร่งของฉันเพิ่มขึ้นมาก เพียงแค่คลื่นกระแทกเพียงอย่างเดียวก็สามารถระเบิดก้อนหินได้ใช่ไหมนะ”
จากนั้นเอธานก็พบก้อนหินขนาดใหญ่อีกก้อนหนึ่งและยืนอยู่ห่างจากมันเป็นระยะ 1 เมตร
“ คราวนี้ฉันควรใช้พละกำลังให้เต็มที่” เอธานใช้ท่าทางง่ายๆและเหวี่ยงหมัดด้วยพละกำลังทั้งหมดนี้
* บู้มมมมมมมมม….. *
ครั้งนี้ก้อนหินถูกบดละเอียดมากขึ้นและกลายเป็นชิ้นส่วนมากกว่าก้อนหินก่อนหน้านี้ เพราะเพียงแค่คลื่นกระแทกจากหมัดเต็มกำลังของเขาที่ทรงพลังนั้น
จากนั้นเอธานก็พบก้อนหินอีกก้อนและยืนห่างจากมัน 5 เมตรก่อนจะเหวี่ยงหมัดด้วยพลังเต็มที่ของเขาอีกครั้ง
* — * (ไม่มีก้อนหินไม่ถูกระเบิดดังนั้นจึงไม่มีเกิดเสียง)
คราวนี้ก้อนหินไม่ได้ถูกระเบิด เนื่องจากคลื่นกระแทกจำนวนมากได้สลายไปก่อนที่จะถึงก้อนหิน แต่ก็ยังสามารถขว้างก้อนหินได้ในระยะไกล
“นี่มันไม่มีประโยชน์เลย ฉันควรไปที่ป่าเพื่อต่อสู้กับสัตว์ร้าย ใช่ .. ” เมื่อคิดถึงความคิดนี้ได้ เอธาน ก็พยักหน้าให้กับตัวเอง ขณะที่เขาเริ่มวิ่งด้วยความเร็วที่รวดเร็วไปยังป่าอีกครั้ง คราวนี้เขากำลังควบคุมมันทั้งหมด รวมถึงความแข็งแกร่งของเขา ซึ่งทำให้เขาเพิ่มความเร็วได้
ขณะที่เอธานกำลังวิ่งเขาคิดต่อว่า “บางที หลังจากที่ร่างกายของฉันได้รับการขัดเกลาอีกครั้งด้วยองค์ประกอบของธาตุอีก 1 หรือ 2 ชนิด ฉันจะสามารถทำลายกำแพงเสียงได้ และไม่ต้องรออะไนอีก ทำไมฉันถึงต้องวิ่ง ในเมื่อฉันบินได้ล่ะ
สำหรับตอนนี้ฉันไม่สามารถบินได้เพราะพลังจิตของฉันต่ำเกินไป แม้ว่าฉันจะพยายามแล้ว แต่มันก็จะหมดลงหลังจากบินไปได้ไม่กี่นาทีและความเร็วในการวิ่งของฉันก็จะเร็วกว่าตอนนี้แน่นอน ตแนที่ฉันบินอยู่ “
เขาโยนความคิดที่ไม่จำเป็นออกไป และมุ่งเน้นไปที่การวิ่ง
หลังจากวิ่งเต็มสปีด 10 นาที เอธานก็มาถึงในป่า
ในขณะที่เขาเข้ามากระทิงเขาไฟเกรด 1 ก็ปรากฏตัวขึ้น แต่เอธาน ไม่สนใจมันและมุ่งหน้าเข้าไปในป่าเพื่อค้นหาสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งกว่านี้
‘ก่อนอื่นเรามาหาสัตว์เกรด 4 กันก่อน ครั้งสุดท้ายที่ฉันมาที่นี่ ฉันไม่สามารถเอาชนะสัตว์ร้ายระดับ 2 ได้ แต่ตามความแข็งแกร่งของร่างกายฉันในตอนนี้อาจะทำได้ ฉันควรจะสามารถจัดการสัตว์ร้ายระดับ 4 ได้แล้ว ‘
สัตว์ระดับ 4 มีพลังเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญธาตุและ ด่าน 7 ในสงครามธาตุ
ในขณะที่ เอธาน กำลังมุ่งหน้าเข้าไปข้างใน เขาก็เริ่มพบสัตว์เกรด 2 และเกรด 3 แต่เขาก็ยังไม่สนใจพวกมัน ในขณะที่เขามุ่งหน้าเข้าไปลึกอีก
* ชา … ฉะ … ชา *
ทันใดนั้นงูหลามเขี้ยวสีเขียวเกรด 3 ก็โจมตีมาที่เอธาน ทันใดนั้นมันก็ออกมาจากด้านข้างและพันรอบร่างของเอธานอย่างรวดเร็ว
เอธานล้มลงพร้อมกับเสียงดังในขณะที่เขาพึมพำไปด้วย “ให้ตายเถอะฉันควรใส่ใจกับสภาพแวดล้อมของฉันมากกว่านี้สินะ”
ในขณะที่เอธานกำลังพึมพำ งูหลามสีเขียวระดับ 3 ก็ไม่เสียเวลาเพราะมันอ้าปากของมันทันที ซึ่งมันมีเขี้ยวสีเขียวที่เต็มไปด้วยพิษและกัดที่ไหล่ของเอธาน
แต่ทันใดนั้นงูหลามก็แข็งตัว หลังจากที่มันกัดไหล่ของเอธานอีกครั้ง
เพราะมันไม่สามารถทะลุผิวหนังของเป้าหมายได้ ถ้างูหลามตัวนี้พูดได้มันคงจะพูดว่า “NANI?!(นาหนิ๊!?) WTF เกิดไรขึ้นเนี่ยยย”
เมื่อเห็นผลลัพธ์ของการโจมตีของงูหลาม เอธานก็ยิ้มแล้วเหยียดมือของเขาที่ถูกงูหลาม โอบรอบร่างของเขา และหลังจากเหยียดมือออกกว้าง เขาก็ฉีกร่างของงูหลาม ที่พันรอบตัวของเขาออกเป็น 3 ส่วนอย่างรุนแรง
หลังจากฆ่างูหลามแล้ว เอธานก็ยังคงมุ่งหน้าลึกเข้าไปในป่าเพื่อค้นหาสัตว์ร้ายระดับ 4
และหลังจากเดินไปอีก 20 นาที ในที่สุดเขาก็ได้พบกับสัตว์เกรด 4
มันเป็นลิงลายดำระดับ 4 ซึ่งเป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะในเรื่องของร่างกายที่แข็งแกร่งและความแข็งแกร่งของมัน
“ฮ่าฮ่า สมบูรณ์แบบ” เมื่อเห็นลิงเอธานก็รีบวิ่งเข้าหาลิงทันทีและลิงก็สังเกตเห็นเอธาน ซึ่งมันก็รีบวิ่งเข้าหาเขาด้วยดวงตาสีแดงเช่นกัน