TTW:บทที่ 203 นกหวีด
“จริงๆแล้ว…ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ฉันไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะเรียกร้อง ฉันไม่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ” ลีเหมาหยุด จางเฉียงหลี่ ทันที เธอรู้สึกว่า จางเฉียงหลี่ ดูแลเธอไม่น้อยทีเดียว ดังนั้นถ้าเขายังคงปฏิบัติกับเธอแบบเป็นพิเศษมันอาจจะนำไปสู่การนินทา เธอกังวลว่าเมื่อถึงหู หลิวกำ แล้วมันจะส่งผลเสียต่อ จางเฉียงหลี่
“ คุณเป็นหมอคนเดียวในกลุ่ม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่คุณจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ผมจะออกไปข้างนอกเพื่อดูว่าผมสามารถหาห้องที่เงียบกว่าให้ได้ไหม” จางเฉียงหลี่ ยังคงยืนการ
“มันไม่จำเป็น จริงๆนะ” ลีเหมาจับแขน จางเฉียงหลี่
“ แล้ว…พี่เฉียงหลี่ ผมพึ่งนึกได้ ระหว่างมื้อค่ำผมคุยกับ วังเฉิง ว่าคืนนี้ผมจะไปหาเขา ดังนั้นผมจะไม่กลับมาที่ห้อง” ชางฮัว สร้างข้อแก้ตัวหลังจากที่เขาเห็นคู่รักกำลังลากจูงแขนซึ่งกันและกัน
แม้ว่า ชางฮัว จะอายุมากกว่า จางเฉียงหลี่ แต่ ชางฮัว ดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้า และการที่เขามาถึงระดับ 5 ได้ก็เพราะคำแนะนำของ จางเฉียงหลี่ ดังนั้น ชางฮัว จึงให้ความสำคัญกับ จางเฉียงหลี่ มาก เขาละทิ้งลำดับอายุและเรียก “พี่เฉียงหลี่”แทน
“เอิ่ม..ไม่…..” จางเฉียงหลี่ รู้สึกลำบากใจก่อนที่เขาจะทันพูดอะไร ชางฮัว ก็วิ่งออกไปและปิดประตู
หลังจากที่ประตูห้องปิด ห้องก็เงียบลง บรรยากาศแตกต่างจากที่เคย
“อืม….งั้น…” จางเฉียงหลี่ มองไปที่ลีเหมา ขณะที่อัตราการเต้นของหัวใจของเขากำลังเพิ่มขึ้น
“คืนนี้เรามานั่งคุยกันเถอะ” ลีเหมายิ้มอย่างอบอุ่นไปที่ จางเฉียงหลี่ ขณะที่เธอพาเขาไปที่เตียงเพื่อนั่ง
“อ่า.. OK เราจะทำแค่…คุยกัน” จางเฉียงหลี่ ถูกลากราวกับเป็นแกะโดยพนักงานต้อนไปที่เตียง
***
“ห้องด้านข้างนี้ดูเหมือนมีเสียงแปลกๆดังออกมา เหมือนกับว่ามีใครบาดเจ็บ เราควรไปดูไหม?” ยินฮี ถาม หลิวกำ ในขณะที่เธอแนบหูไปที่ผนัง
“ไม่จำเป็น มีหมอลีอยู่ใกล้ๆ ถ้ามีใครได้รับบาดเจ็บเธอสามารถจัดการได้” หลิวกำ รีบหยุด ยินฮี หลิวกำ ยอมรับว่าเสียงที่ได้ยินมันสำคัญกับเขามาก! ในครั้งต่อไปเขาจะเตือน จางเฉียงหลี่ เกี่ยวกับการไม่ทำเสียงดังเกินไป!
“โอ้?” ยินฮี ได้ยินคำของ หลิวกำ เธอจึงไม่ถามอีก เดิมทียินฮีต้องการที่จะออกไปที่นอกหน้าต่างเพื่อสังเกตดูว่าใครได้รับบาดเจ็บจึงส่งเสียงแปลกๆดังออกมา
***
คนเฝ้ายามกะแรกคือทีมของ ฮันกวงมิน เขามีผู้เล่น 10 คนถูกแบ่งออกเป็น 5 คู่ ทุกคู่ต้องดูแลพื้นที่ของตัวเองพร้อมกับนกหวีด ฮันกวงมิน และเพื่อนของเขาลาดตระเวนทุกชั้นเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เล่นคนอื่นๆไม่หลับในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่
ในห้องโถงชั้น 1 มีคนเฝ้ายามอยู่ด้วยกันสองคนพวกเขาเป็นคนของกลุ่มซูเหจียน หนึ่งในนั้นชื่อว่า ลู่เฉินวัง และอีกคนหนึ่งชื่อ เหยียนอัน ทั้งคู่นั่งอยู่ที่ส่วนหลังของเคาน์เตอร์แผนกต้อนรับ
“นายได้ยินเสียงอะไรแปลกๆไหม?” เหยียนอัน ถามลู่เฉินวัง ขณะมองไปที่ประตู
“เสียงอะไร? ฉันได้ยินแต่เสียงฟ้าร้อง และน้ำฝนเท่านั้น นอกจากนั้นก็เป็นเสียงของนายนั่นแหละ” ลู่เฉินวัง ตอบเหยียนอัน
“มีเสียงแปลกๆจริงๆนะ ไม่ใช่เสียงฝนหรือฟ้าร้อง ฉันได้ยินมันจริงๆ! มันเหมือนกับว่า …มันมาจากภายในโรงแรมแห่งนี้ มันเป็นอะไรที่น่ากลัว อย่างเช่น…ผีหรือป่าว?”เหยียนอันมองไปที่ประตูหลังขณะพูดกับลู่เฉินวัง
“อย่าทำให้ฉันกลัว! ถ้ามีเสียงแปลกๆ นายก็ไปรายงานหัวหน้าฮันสิ? จะมามัวพูดอยู่ทำไม” ลู่เฉินวังกล่าวทันทีเขาไม่ใช่คนกล้าหาญดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคำว่า ผี ใบหน้าของเขาซีดราวกับไก่ต้ม
“ดูหน้านายสิ! มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเป็นผีจริงๆ?” เหยียนอัน หยิบไฟฉายและเดินไปที่ประตูหลัง
“เดี๋ยวก่อน! นายกำลังจะทำอะไร?”ลู่เฉินวัง ดึงเหยียนอันไว้
“ก็ต้องไปตรวจสอบนะสิ!เพื่อหาแหล่งที่มาของเสียง” เหยียนอัน ตอบโดยไม่ละสายตาออกไปจากประตูด้านหลัง
“อย่าทำอย่างนั้น รออยู่ที่นี่ จนกว่าหัวหน้าฮันจะมาก่อน” ลู่เฉินวัง กล่าวอย่างกังวล
“อะไร! ฉันเพียงแค่จะไปตรวจสอบไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ถ้ามีอะไรแปลกๆ ฉันจะรีบเป่านกหวีดทันที และรอให้หัวหน้าฮันมา แต่ถ้านายกลัวก็อย่าขยับไปไหน ไม่อย่างนั้น “ผี”จะมาหานาย” เหยียนอัน กล่าวกับบลู่เฉินวัง
“ฉัน…ฉันจะไปกับนาย! ดังนั้นหยุดพูดเรื่องน่ากลัวสักทีเถอะ!”ลู่เฉินวัง กล่าวหลังจะได้ยินคำว่าผีแล้วเขายิ่งกลัวมากขึ้น เขากลัวจะถูกทิ้งไว้ตามลำพังที่นี่
ด้วย ล็อบบี้ ขนาดใหญ่แหล่งกำเนิดแสงที่มาจากเทียนจึงดูสลัวและน่ากลัว เหยียนอัน เดินไปข้างหน้า ลู่เฉินวัง เดินตามด้านหลังอย่างใกล้ชิดในขณะที่จับแขนของ เหยียนอันไปด้วย ทั้งคู่เดินมาที่ประตูด้านหลังของล็อบบี้ ประตูด้านหลังนี้นำไปสู่ลานด้านหลัง เมื่อพวกเขามาถึงประตูด้านหลังมันมีเศษขยะขวางประตูอยู่และไม่มีอะไรแปลกๆที่นี่
ลู่เฉินวัง ยืนยันว่าไม่มีสิ่งแปลกๆดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าทำไม เหยียนอันถึงอยากจะตรวจสอบอีก
“ฉันได้ยินเสียงแปลกๆ มันเป็นเสียงเบาๆ…ราวกับว่ามันเป็นเสียงกรีดร้องที่เบาๆ…เบามาก แม้ว่าตอนที่ฉันได้ยินฉันก็ยังไม่แน่ใจ เหยียนอัน จับแขนของลู่เฉินวัง ออก และแนบหูของเขาไปกับประตูด้านหลัง เหยียนอัน พยายามไม่ขยับตัวและตั้งใจฟังเสียง
“ได้ยินอะไร? อย่าพูดเรื่องน่ากลัวแบบนี้ได้ไหม?” ลู่เฉินวัง ยืนห่างออกไป 2 เมตรและมองเหยียนอัน ยังกังวล เขามองไปรอบๆและเขาได้ยินเพียงเสียงฟ้าร้องและสายฝนเท่านั้น
“เป็นไปได้ว่า ฉันอาจจะหูแว่ว” เหยียนอัน ส่ายหัวและเดินกลับมาหา ลู่เฉินวัง จากนั้นลู่เฉินวังรีบคว้าแขนของเหยียนอัน อย่างรวดเร็วและทั้งคู่ก็เดินกลับไปที่แผนกต้อนรับส่วนหน้าตรงจุดเดิมเพื่อนั่งลง
“นายไม่ได้ยินมันจริงๆหรอ?”เหยียนอัน ถามอีกครั้งหลังจากผ่านไปสักครู่
“หยุดเลยเพื่อน! ฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นและหยุดพูดเรื่องนี้เถอะ”ลู่เฉินวัง พูดกับเหยียนอัน และจิตใจว้าวุ่น เขากำลังจ้องไปที่บันไดและภาวนาให้หัวหน้าฮันลงมาชั้นล่าง และเขาจะขอเปลี่ยนตำแหน่งของเขา
ทิศทางของบันไดไม่ค่อยสว่างนักดังนั้น ลู่เฉินวัง กังวลว่าคนที่ลงมาอาจจะไม่ใช่หัวหน้าฮัน แต่จะเป็นผีแทน มันเป็นช่วงเวลาที่ลู่เฉินวัง รู้สึกเสียใจที่จับคู่กับเหยียนอัน โดยที่ทั้งคู่ยังคงนั่งอยู่ในล็อบบี้ที่มืดมิด
“เสียงนั้นอีกแล้ว เงียบแล้วตั้งใจฟังให้ดี เสียงแหลมเบาๆ ถ้านายไม่ตั้งใจนายจะไม่ได้ยินเสียงอะไร” เหยียนอัน เคลื่อนไหวจากนั้นมองไปในล็อบบี้มืดๆเพื่อค้นหาแหล่งที่มาของเสียง…