TTW:บทที่ 249 ขี้ข้า
“ผมขอถามคุณว่า กลุ่มของคุณทั้ง 3 คนเป็นผู้เล่นระดับ 5 หรือสูงกว่า?” คนที่เตี้ยเดินมาถามพวก หลิวกำ ทั้งสามคน
“ถ้าเราไม่ใช่เราจะมาที่นี่ให้เสียเวลาหรอ” จางเฉียงหลี่ ตอบโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้ จางเฉียงหลี่ สวมบทบาทการเป็นผู้นำอย่างเต็มที่ หลิวกำ และ ยินฮี เป็นลูกน้องของเขา
“คุณสามารถแสดงข้อมูลในนาฬิกาเพื่อยืนยันได้ไหม?”ผู้เล่นที่ตัวเตี้ยถาม
“ไม่จำเป็นต้องดู คุณสามารถพิสูจน์ได้ว่าผมระดับ 5 หรือไม่” จางเฉียงหลี่ ปฏิเสธเขาไม่ต้องการเปิดเผยทักษะของเขาให้คนอื่นดู
“อ่า… เราเพียงต้องการยืนยันเรื่องนี้ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ถ้าคุณไม่เต็มใจที่จะให้พวกเราดู ผมคิดว่าเราคงไม่สามารถทำงานด้วยกันได้” ผู้เล่นที่ตัวเตี้ยตอบ แม้ว่าจะฟังดูสุภาพแต่ทุกคำก็มีความหมายลึกๆ
“งั้น ถ้าพวกเราไม่ได้เข้าร่วม คุณทั้งสองคน กับอีก 10 คนที่อยู่บริเวณนี้ อาจต้องการปะทะกับพวกผม” จางเฉียงหลี่ ประกาศอย่างจริงจัง วิธีนี้เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากการติดตาม หลิวกำมานาน
ผู้เล่นที่ตัวเตี้ย กำลังรู้สึกหมดหนทางเขามองไปรอบๆเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของเขา
“โอ้..ดูเหมือนพี่ชายคนนี้จะค่อนข้างชอบความรุนแรง แต่ผมชอบนะ ฮ่าฮ่า..” หัวหน้ากลุ่มผู้กระจายสัญญาณพูดขึ้น เขาเป็นผู้นำที่เต็มไปด้วยกล้ามและเดินออกมาจากตึกในหมู่บ้านตรงกลางลานจากนั้นมีผู้เล่นตามหลังเขามาติดๆ
ในขณะที่ผู้นำของเขาเดินออกมา ผู้เล่นตัวเตี้ยเดินไปทักทายเขาอย่างสุภาพ ดูเหมือนว่าในที่สุดคนที่ควรจะได้พบก็ปรากฏตัวขึ้น
“เราได้ยินคำขอของคุณเพื่อช่วยเหลือ เราจึงรีบเร่งมาที่นี่แต่เช้า แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มคนนั้นต้องการที่จะเตะเราออกจากภูเขา คุณคิดว่ามันสนุกมากนักเหรอที่ล้อเล่นกับเรา?” จางเฉียงหลี่ โกรธอีกฝ่าย
“ขอโทษจริง ๆเขาอาจจะเป็นคนสื่อสารไม่ค่อยดี โปรดยกโทษให้เขาด้วย! หน้าที่ของเขาคือการยืนยันระดับของทุกคนเพื่อความปลอดภัยของทีม ถ้าระดับไม่สูงพออาจจะเป็นตัวถ่วงให้กับทีมได้ โปรดทำความเข้าใจด้วย” ผู้นำอธิบาย แม้ว่าเขาจะดูเต็มไปด้วยกล้ามแต่ดูเหมือนเขายังคงมีสมอง
ผู้นำคนนี้เรียกว่า หวังเจ้า เมื่อหลายคืนก่อนขณะที่ หวังเจ้า อยู่กับเพื่อนอีก 2 คนเขากำลังล่าซอมบี้ช่วงดึกบนยอดภูเขา ขณะที่พวกเขากำลังตั้งค่ายพักแรมนั้นพวกเขาก็สังเกตเห็นอุปกรณ์บางอย่างที่มีเสียงคล้ายเครื่องยนต์และมีไฟกระพริบ หวังเจ้า และเพื่อนของเขารีบซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่พวกเขาเห็นทำให้จิตใจของพวกเขารู้สึกตื่นเต้น พวกเขาเห็นเครื่องบินที่คล้ายกับเฮลิคอปเตอร์ และสิ่งที่อยู่ใต้เฮลิคอปเตอร์นั้นเป็น สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์
เฮลิคอปเตอร์นั้นจอดไม่ไกลจากพื้นที่ที่ หวังเจ้า พักชั่วคราว ดังนั้น หวังเจ้า และเพื่อนของเขาจึงเข้าใกล้เฮลิคอปเตอร์อย่างเงียบๆ เฮลิคอปเตอร์จอดลง และภายในวิลล่าก็มีเสียงแปลกๆเกิดขึ้น เฮลิคอปเตอร์อยู่ในตำแหน่งนี้ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนที่มันจะบินออกไป ก่อนที่มันจะออกไป หวังเจ้า สามารถเห็นผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องบินได้ พวกเขาทั้งหมดสวมใส่ชุดเกราะโลหะผสมชนิดหนึ่ง มันดูเหมือนนักรบแห่งอนาคต นักรบแต่ละคนได้ติดตั้งอาวุธขนาดใหญ่ หวังเจ้า และเพื่อนของเขาต้องตกตะลึงก่อนจะมองเฮลิคอปเตอร์หายไปจากสายตา จากนั้นพวกเขาก็เดินกลับไปที่จุดพักเดิมของเขาเพื่อพักผ่อน
เครื่องบินที่เห็นไม่มีโลโก้หรือเครื่องหมายพิเศษ อย่างไรก็ตาม หวังเจ้า สันนิษฐานว่านักรบแห่งอนาคตเป็นคนงานของบริษัทซานชิง ณ จุดนั้นอาจเป็นทางเชื่อมไปยังทางเข้าของห้องปฏิบัติการลับของบริษัทซานชิง
เช้าในวันรุ่งขึ้น หวังเจ้า ตัดสินใจที่จะเข้ามาดูวิลล่าในภูเขา ตรงที่ใช้เฮลิคอปเตอร์จอดใกล้ๆ เขาพบทางเข้าห้องลับ หวังเจ้า รีบมุ่งหน้าเข้าไปตรวจสอบแต่เขาก็ต้องพบคนแปลกหน้าที่เฝ้าอยู่ที่ประตู ระดับพลังของพวกเขาแตกต่างกันมากทำให้เพื่อนของเขาเสียชีวิตในขณะที่เขาหนีรอดมาได้
“เรื่องนี้ง่ายมาก ตอนนี้คุณอยู่ในระดับ 5 ใช่ไหม? เพียงเลือกหนึ่งคนในที่นี้ แล้วมาต่อสู้กัน!ถ้าคุณชนะเราจะไม่พูดอะไรและออกไปทันที แต่ถ้าคุณแพ้ หุบปากแล้วเริ่มดำเนินการสักที!” จางเฉียงหลี่ เริ่มหมดความอดทน
ครั้งสุดท้ายที่ จางเฉียงหลี่ ได้แสดงฝีมือก็ตอนเรื่องของบอสเฉิง ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะระดับเดียวกัน แต่ จางเฉียงหลี่ จะอ่อนด้อยทางเทคนิค เป็นผลให้ หลิวกำ ต้องเข้าช่วยเหลือ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จางเฉียงหลี่ พยายามฝึกฝนอยู่ในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง เขาค่อยๆพัฒนาเทคนิคการต่อสู้ของเขา วิธีที่ดีที่สุดที่เขาจะสามารถใช้ทุกอย่างที่เรียนรู้มานั่นคือเขาต้องต่อสู้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่อยู่ต่อหน้า หลิวกำ มันเหมือนกับเวลาที่เขาได้เฉิดฉาย
“ไอ้ควาย มึงคิดว่ามึงเป็นใคร?ถึงกล้าทำตัวแบบนี้ มึงไม่รู้กระทั่งความแตกต่างระหว่างสวรรค์กับโลกเป็นยังไง พี่ชายเจ้า ขอให้ผมได้สู้กับมัน!” เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลัง หวังเจ้า พูดขึ้น
“ใช่! คิดว่ามันใหญ่มาจากไหน มันคิดว่ามันเป็นซุปเปอร์ฮีโร่หรือไง?” หลายคนเริ่มรู้สึกปวดมากขึ้น
คนแปลกหน้าเหล่านี้กำลังเข้ามาในดินแดนของพวกเขาดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องอ่อนข้อให้กับคนที่สุดประมาทพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพี่ชายหวังพยายามสุภาพกับทั้งสามคนนี้ แต่ถูกตอบกลับด้วยคำพูดหยาบคาย
“เราเพียงมองหาคนที่จะมารวมกลุ่มด้วย เราไม่สามารถใช้กำปั้นในการพูดคุยได้ทุกครั้งที่เราเจอสมาชิกใหม่ มันจะทำลายความสามัคคีในกลุ่ม!” หวังเจ้า แกล้งทำเป็นคนดีเพื่อปลุกระดมคนในกลุ่มมากขึ้น
“ที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้ พวกคุณมันเป็นกลุ่มคนขี้ขลาด! ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เลิกพูดได้แล้วแล้วพาเราไปที่ห้องปฏิบัติงานลับ!” จางเฉียงหลี่ ยังคงหยิ่ง ถ้าเขาไม่สามารถต่อสู้ได้หลังจากที่พูดเขาคงต้องกล้ำกลืนความอัปยศนี้
“มึงเรียกใครว่าขี้ขลาด! ถ้ามึงต้องการสู้ กูจะสู้กับมึงเอง!” เด็กหนุ่มที่ตะโกนก่อนหน้านี้รีบวิ่งมาด้านหน้า
เด็กหนุ่มคนนี้ชื่อ ลู่ฟาน ทักษะของเขาคือ [Beserk] เมื่อใช้ทักษะนี้คุณลักษณะของตัวเขาจะเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่งชั่วคราว ทักษะนี้ทำให้เขาได้เปรียบผู้เล่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน ในฐานะ 1 ในผู้ติดตามของ หวังเจ้า เขาเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งและอยู่ในระดับ 5 ในขณะที่ หวังเจ้า นั้นอยู่ในระดับ 6
“ ไอ้ เชี่ย มึงมา!” จางเฉียงหลี่ ประกาศในขณะที่ถือขวานไฟอยู่ในมือ
“จำไว้ ถ้ามึงแพ้ คุกเข่าลงและขอโทษในความหยาบคายของมึงซะ! จากนั้นให้เราตรวจสอบนาฬิกาของมึง!” ลู่ฟานทำข้อตกลงกับ จางเฉียงหลี่