บทที่ 299 ทะเลลึก
ในเช้าวันรุ่งขึ้น หวงเหว่ยเถา ตื่นขึ้นมาก่อนด้วยความสามารถของเขาในฐานะผู้รักษาทําให้เขามีความสามารถในการรักษาตัวเอง หลังจากที่ หวงเหว่ยเถา ตื่นขึ้นมาเขาก็ใช้ความสามารถในการช่วยเหลือสมาชิกคนอื่นๆ
“มันเป็นฝันร้ายเมันน่ากลัวมาก!” เทรดมิล สาปแช่งเพราะความกลัวยังคงอยู่ในจิตใจของเขา
โจวจิงจิง รีบมองไปที่ เทรดมิล การแสดงออกของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอค่อนข้างอับอายกับเรื่องบางสิ่ง พวกเขาไม่เคยติดต่อกันในฐานะที่เป็นผู้หญิงความฝันประเภทนี้เลวร้ายที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความฝันที่เกี่ยวกับการถูกข่มขืนและกลายเป็นเรื่องรู้สําหรับสาธารณชน เธอจึงอับอายมาก
หลังจากที่ โจวจิงจิง พบว่ามันเป็นเพียงความฝัน เธอมองไปที่ เทรดมิล และตระหนักว่าเขาไม่ได้ดูน่ารังเกียจเท่าที่เธอจินตนาการไว้ในความเป็นจริงเธอคิดว่า เทรดมิล นั้นหล่อมาก ดังนั้น แม้ว่าบางสิ่งจะเกิดขึ้นกับเธอแต่เธอก็ไม่รู้สึกว่าเธอสูญเสียมากนัก
แน่นอนเธอเพียงแค่คิดความคิดที่น่าอับอายแบบนี้ไม่ควรที่จะพูดออกมา
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความฝันผมขอโทษจริงๆ…ผม..” ฮูจุน พูดกับหมอหวง
“ที่คุณฆ่าผมหรอ? ผมไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น” หวงเหว่ยเถา ตอบ ฮูจุน
“ ผมคิดว่าผมควรที่จะขอโทษ…ดูเหมือนว่าผมเป็นคนที่ฆ่าคนอื่นมากที่สุด…” เทรดมิล ขอโทษ ฮันกวงมิน และฉีเช่าหัว
“มันเป็นแค่ความฝันไม่ต้องขอโทษหรือใส่ใจมัน” ฮันกวงมิน และเช่าหัว ส่ายหน้า
สมาชิกทุกคนจับมือกันเพื่อลดความแค้นที่ผ่านมาสุดท้ายแล้ว เทรดมิล กับ ฮูจุน ทั้งสองคนรู้สึกอับอายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ดีที่ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน
หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่แตกต่างกัน หลิวกํา ก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น หลิวกํา รู้สึกดีใจที่ภาพลักษณ์ของเขาไม่ได้ถูกทําลายในความฝัน เขายังคงตําแหน่งที่น่านับถือในหัวใจของทุกคน ดังนั้น หลิวกํา จึงเสนอว่าไม่ควรที่รู้สึกขุ่นเคืองกันอีกต่อไป
หลังจากทุกคนได้อธิบายในส่วนของตัวเองแล้วมันยังคงเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน ผ่านเหตุการณ์นี้เอาพวกเขาสามารถเข้าใจถึงบุคลิกของกันและกันและเปลี่ยนความฝันที่ไม่ดี นั้นกลายเป็นประโยชน์
ตอนนี้เป็นที่รู้กันดีว่ามีแมงกะพรุนฝันร้ายเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทําให้สมาชิกทุกคนตกอยู่ในสถานะลําบาก จากนั้นแมงกะพรุนฝันร้ายจะบังคับให้ซอมบี้กลายพันจุดดําโยนสมาชิกลงไปในน้ํามักเป็นช่วงกลางวันตราบใดที่พวกเขาไม่นอนก็ถือว่าไม่มีอันตรายใดๆ
ในที่สุด หลิวกํา ก็นําพวกเขากลับไปที่เซเรนิตี้ เทพยุทธ์สายฟ้าสามารถติดต่อสื่อสารกับห้องสื่อสารของเรือกับเรือนจําทําให้พวกเขาสามารถพูดคุยถึงสถานการณ์ได้
ถัดจากเรื่องนี้สิ่งที่ต้องทําความเข้าใจคือเซเรนิตี้ทํางานอย่างไร ระบบของมันมีความซับซ้อนหากไม่มีคําแนะนําจากช่างผู้ชํานาญมันเป็นการยากที่จะใช้เรือเหาะนี้ การที่จะขับเรือเหาะนี้ได้ไม่สามารถทํางานได้คนเดียวแต่ต้องทํางานร่วมกันเป็นทีม ยินฮี ไม่สามารถหาข้อมูลที่มีประโยชน์จาก mainframe ของเรือเหาะนี้ได้ แม้ว่า หลิวกํา จะได้เรือเหาะนี้แต่กลับไม่มีสมาชิกคนใดสามารถขับมันได้ดังนั้นเรือเหาะนี้จึงกลายเป็นเศษโลหะ สรุปได้ว่า หลิวกํา ไม่สามารถนําเซเรนตี้ออกจากท่าเรือได้ในขณะนี้
ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มต้นจัดการสิ่งต่างๆเกี่ยวกับเรือเหาะนี้ หลิวกํา และ ยินฮี เดินไป ที่ห้องเก็บของและพบเรือดําน้ําขนาดเล็ก โดยปกติเรือดําน้ําขนาดเล็กเช่นนี้จะมีเครื่องยนต์ดีเซลและแบตเตอรี่ อย่างไรก็ตามเรือดําน้ํานี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ก่อนพายุฝนฟ้าคะนองพวกเขาพบเรือบรรทุกน้ํามันและสินค้าอื่นๆเขาย้ายมันมาที่เรือเหาะแห่งนี้น้ํามันเบนซินสามารถเป็นเชื้อเพลิงของเรือดําน้ําขนาดเล็กนี้ได้
ภายในเรือดําน้ําขนาดเล็กมีกระบอกสูบออกซิเจนหลายตัวที่เต็มไปด้วยออกซิเจน หลิวกํา และ ยินฮี ขึ้นเรือดําน้ําและเริ่มเครื่องยนต์
เซเรนิตี้ที่อยู่ท่าเรืออยู่บนช่องทางของทะเลน้ําลึก ทะเลลึกทอดยาวไปหลายร้อยเมตรหลังจากที่เรือดําน้ําจมอยู่ใต้น้ําไม่มีร่องรอยของแมงกะพรุนฝันร้าย จนถึงขณะนี้ไม่มีสัญญาณการโจ มตีทางจิตวิญญาณมันดูเหมือนว่าแมงกะพรุนฝันร้ายนี้ได้ออกจากพื้นที่และกลับลงไปในทะเลลึก
หลิวกํา ไม่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของโลกใต้ดินได้ดังนั้นหากไม่มีอันตรายใดๆ จากทะเล หลิวกํา ก็ไม่ต้องการที่จะสูญเสียออกซิเจนโดยไม่จําเป็นดังนั้นเขาจึง ลอยเรือดําน้ําขึ้น
ความเร็วสูงสุดของเรือดําน้ําในระดับพื้นผิวของทะเลประมาณ 40 น็อตต่อชั่วโมง ด้วยน้ํามันเบนซินที่เพียงพอมันสามารถวิ่งได้ประมาณ 200 ไมล์ในทะเล มันเพียงพอที่จะวนรอบนินจิงมากที่สุด
ถ้าเซเรนิตี้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ หลิวกํา พิจารณาจะใช้เรือดําน้ํานี้ไปยังเขตเหนือของเมือง นินจึงตามแผนที่ของบอสเฉิง ที่ทิ้งเอาไว้ไปยังประตูมิติบนแผนที่
หลิวกํา ยังคงล่องเรือดําน้ําราวกับเรือมุ่งไปยังเกาะแห่งหนึ่ง แต่เมื่อเขาไปถึงเกาะแห่งนั้นกับหายตัวไป เขาสงสัยว่ามันคือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ในน้ํา ขณะที่เรือดําน้ําขยับ เข้าไปใกล้มันก็จมลงไปในทะเลอีกครั้ง
เมื่อพิจารณาถึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ หลิวกํา ตัดสินใจที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันในตอนนี้เขาเปลี่ยนทิศทางและมุ่งหน้ากลับไปยังอ่าวกรีนเปา
“รอเดี๋ยวฉันเพิ่งได้รับสัญญาณ” ยินฮี หยุด หลิวกํา
“ สัญญาณ สัญญาณอะไร?” หลิวกํา ขัดจังหวะ
“มันเป็นสัญญาณประเภท ขอความช่วยเหลือที่ส่งออกมาสําหรับนักรบหุ้มเกราะคนอื่นๆ ฉันดักจับการส่งสัญญาณนี้ได้ดูเหมือนว่าเราอยู่ใกล้กับต้นกําเนิดของสัญญาณมากกว่านักรบคนอื่นๆ ระยะห่างระหว่างสถานที่นั้นกับฉันอยู่ประมาณ 10 กิโลเมตร แม้ว่าฉันจะอยู่ใกล้ที่สุด แต่ฉันก็ยังไม่สามารถรับสัญญาณนี้ได้อย่างชัดเจน” ยินฮี ตอบหลิวกํา
“ สัญญาณขอความช่วยเหลือ? ผมจะไปที่ฝั่งเพื่อให้คุณสามารถฟังได้อย่างชัดเจน” หลิวกําลังเลและหันหลังกลับไปอีกครั้งคราวนี้เขาพยายามเลาะไปตามแนวชายฝั่งอย่างระมัดระวัง
หลังจากผ่านไปหลายกิโลเมตรยินฮีก็สามารถรับข้อความมากขึ้น
“ลึกลงไปในทะเลมีฐานอื่นที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักรบก่อนหน้านี้ เป็นไปได้ว่ามีห้องปฏิบัติการรับอยู่ อาจเป็นเพราะภัยพิบัติพวกเขาจึงไม่ได้เข้าไปเยี่ยมสถานที่แห่งนี้บ่อยนัก เมื่อก่อนนักรบสวมเกราะอาจจะมาเยี่ยมเยียนเป็นระยะเพื่อตรวจสอบและซ่อมแซมห้องปฏิบัติการ ครั้งสุดท้ายที่นักรบหุ้มเกราะมายังที่แห่งนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้ว สมาชิกที่อยู่ด้านใน ไม่ได้รับการติดต่อใดๆ ดังนั้นพวกเขาจึงส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ พวกเขาได้เข้ารหัสเพื่อให้เฉพาะนักรบสวมเกราะเท่านั้นที่สามารถรับสัญญาณได้ เป็นเพราะฉันอยู่ไกลฉันจึงสามารถรับสัญญาณนี้ ข้อความขอความช่วยเหลือนั้นเป็นเพียงคําถามที่เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก คําถามคือว่าทําไมฐานของพวกเขาจึงถูกทอดทิ้งในขณะนี้เชื้อเพลิงและอาหารกําลังจะหมดลง หากไม่มี การสนับสนุนแล้วเราก็พวกเขาคงต้องออกหาอาหารเองและความเร็วในการวิจัยของพวกเขาอาจจะล่าช้า” ยินฮี อธิบายกับ หลิวกํา